พีอีตลาดหลอกนักลงทุน
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 22, 2009 11:51 am
พีอีตลาดหลอกนักลงทุน
สมาคมนักวิเคราะห์ยันพีอีตลาดฯ 27 เท่าสูงเกินจริง ของแท้ต้อง 14 เท่า คิดจากกำไรบจ.ทั้งปี 52 คาดกำไรกว่า 4 แสนล้านบาท แต่ตลท.กลับไปใช้พีอีQ3-Q4 ปี 52 มาคิดรวมส่งผลให้ค่า E ลดลง ด้าน"ก้องเกียรติ"ลั่นมีโอกาสดัชนีพุ่งไป 800 จุด หลังเม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าพีอี(P/E) ปัจจุบันของตลาดหุ้นไทยที่แสดงให้เห็นประมาณ 27 เท่า เป็นการคิดคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนย้อนหลัง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา นับตั้งแต่ไตรมาส 1-2
ของปี 2552 และ ไตรมาส 3-4 ของปี 2551 จึงทำให้ค่าของE ที่อยู่ในส่วนของกำไรลดลง จึงทำให้พีอีปัจจุบันสูงเกินกว่าสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
"โดยปกติการคำนวณค่าพีอี จะคิดจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนย้อนหลังไป 4 ไตรมาส ซึ่งปัจจุบันยังไม่จบไตรมาส 3 ทำให้ต้องคิดย้อนกลับไปไตรมาส 1-2 ปีนี้ และย้อนไปไตรมาส 3-4 ของปีก่อน ซึ่งกำไรช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้วผลประกอบการลดลงมากติดลบประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ทำให้ค่าของ E ที่เป็นกำไรปรับตัวลดลง จึงทำให้ค่าพีอีสูงขึ้น"นายสมบัติกล่าว
หากคำนวณค่าพีอีของปีนี้ประกอบกับการคิดผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นผลสำรวจจากนักวิเคราะห์หลายสำนักที่ส่งข้อมูลมายังสมาคมฯ ทำให้ตัวเลขผลกำไรของบจ.ในไตรมาส
3-4 ของปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท และหากรวมกำไรในไตรมาส 1-2 ของด้วยแล้ว จะทำให้ปีนี้บจ.จะมีกำไรประมาณ 4 แสนล้านบาท และสะท้อนออกมาให้รูปของค่าพีอีที่แท้จริงประมาณ 14 เท่า
"ผลสำรวจของสมาคมฯได้ตัวเลขจากนักวิเคราะห์สำนักต่างๆ ประเมินแล้ว พบว่ากำไรบจ.ปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่อยู่ในช่วงภาวะปกติ ของการดำเนินธุรกิจของบจ.ที่มีกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน และไม่มีกำไรรายการพิเศษเข้ามา ทำให้คำนวณค่าพีอีออกมาอยู่ที่ประมาณ 14 เท่า"นายสมบัติกล่าว
ด้าน ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีนี้มีโอกาสที่จะปรับขึ้นทดสอบ 800 จุด ได้ไม่ยาก เนื่องจากมองว่ายังคงมีกระแสเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ว่าระหว่างทางจะมีการพักฐานบ้าง แต่เชื่อว่าในทุกครั้งที่มีการพักฐานจะยังคงมีกระแสเงินลงทุนใหม่เข้ามาผลักดันให้ดัชนีฯปรับตัวขึ้นได้
ทั้งนี้การที่ดัชนีฯจะปรับตัวขึ้นทดสอบ 800 จุดจะต้องอยู่ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจริงและยั่งยืน ขณะที่เมื่อภาครัฐอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบภาคเอกชนจะสามารถฟื้นตัวขึ้นตามได้หรือไม่ ดังนั้นนักลงทุนจะต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจว่าจะสามารถฟื้นตัวต่อเนื่องได้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2553
สำหรับสิ่งที่นักลงทุนจะต้องจับตามองและยังคงมองเป็นปัจจัยเสี่ยงก็คือ ธนาคารพาณิชย์ยังคงทำงานอย่างไม่เต็มที่ ขณะที่ NPLของธนาคารพาณิชย์ยังคงมีอยู่จำนวนมาก จึงถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม เพราะหากเศรษฐกิจเกิดการปรับตัวอย่างรุนแรงอาจจะทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงแรงเช่นกัน
นอกจากนี้สถานการณ์การเมืองภายในประเทศก็ย่อมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ยังคงไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าหากการเมืองเกิดทวีความรุนแรงขึ้นนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนทางตรงอาจจะชะลอการลงทุนออกไป และย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่น ซึ่งตรงจุดนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเช่นกัน
----------------------
วันที่ 22 ก.ย. 2552 แสดงข่าวมาแล้ว -1วัน 16ช.ม. 36นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=31558
สมาคมนักวิเคราะห์ยันพีอีตลาดฯ 27 เท่าสูงเกินจริง ของแท้ต้อง 14 เท่า คิดจากกำไรบจ.ทั้งปี 52 คาดกำไรกว่า 4 แสนล้านบาท แต่ตลท.กลับไปใช้พีอีQ3-Q4 ปี 52 มาคิดรวมส่งผลให้ค่า E ลดลง ด้าน"ก้องเกียรติ"ลั่นมีโอกาสดัชนีพุ่งไป 800 จุด หลังเม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าพีอี(P/E) ปัจจุบันของตลาดหุ้นไทยที่แสดงให้เห็นประมาณ 27 เท่า เป็นการคิดคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนย้อนหลัง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา นับตั้งแต่ไตรมาส 1-2
ของปี 2552 และ ไตรมาส 3-4 ของปี 2551 จึงทำให้ค่าของE ที่อยู่ในส่วนของกำไรลดลง จึงทำให้พีอีปัจจุบันสูงเกินกว่าสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
"โดยปกติการคำนวณค่าพีอี จะคิดจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนย้อนหลังไป 4 ไตรมาส ซึ่งปัจจุบันยังไม่จบไตรมาส 3 ทำให้ต้องคิดย้อนกลับไปไตรมาส 1-2 ปีนี้ และย้อนไปไตรมาส 3-4 ของปีก่อน ซึ่งกำไรช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้วผลประกอบการลดลงมากติดลบประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ทำให้ค่าของ E ที่เป็นกำไรปรับตัวลดลง จึงทำให้ค่าพีอีสูงขึ้น"นายสมบัติกล่าว
หากคำนวณค่าพีอีของปีนี้ประกอบกับการคิดผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นผลสำรวจจากนักวิเคราะห์หลายสำนักที่ส่งข้อมูลมายังสมาคมฯ ทำให้ตัวเลขผลกำไรของบจ.ในไตรมาส
3-4 ของปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท และหากรวมกำไรในไตรมาส 1-2 ของด้วยแล้ว จะทำให้ปีนี้บจ.จะมีกำไรประมาณ 4 แสนล้านบาท และสะท้อนออกมาให้รูปของค่าพีอีที่แท้จริงประมาณ 14 เท่า
"ผลสำรวจของสมาคมฯได้ตัวเลขจากนักวิเคราะห์สำนักต่างๆ ประเมินแล้ว พบว่ากำไรบจ.ปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่อยู่ในช่วงภาวะปกติ ของการดำเนินธุรกิจของบจ.ที่มีกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน และไม่มีกำไรรายการพิเศษเข้ามา ทำให้คำนวณค่าพีอีออกมาอยู่ที่ประมาณ 14 เท่า"นายสมบัติกล่าว
ด้าน ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีนี้มีโอกาสที่จะปรับขึ้นทดสอบ 800 จุด ได้ไม่ยาก เนื่องจากมองว่ายังคงมีกระแสเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ว่าระหว่างทางจะมีการพักฐานบ้าง แต่เชื่อว่าในทุกครั้งที่มีการพักฐานจะยังคงมีกระแสเงินลงทุนใหม่เข้ามาผลักดันให้ดัชนีฯปรับตัวขึ้นได้
ทั้งนี้การที่ดัชนีฯจะปรับตัวขึ้นทดสอบ 800 จุดจะต้องอยู่ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจริงและยั่งยืน ขณะที่เมื่อภาครัฐอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบภาคเอกชนจะสามารถฟื้นตัวขึ้นตามได้หรือไม่ ดังนั้นนักลงทุนจะต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจว่าจะสามารถฟื้นตัวต่อเนื่องได้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2553
สำหรับสิ่งที่นักลงทุนจะต้องจับตามองและยังคงมองเป็นปัจจัยเสี่ยงก็คือ ธนาคารพาณิชย์ยังคงทำงานอย่างไม่เต็มที่ ขณะที่ NPLของธนาคารพาณิชย์ยังคงมีอยู่จำนวนมาก จึงถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม เพราะหากเศรษฐกิจเกิดการปรับตัวอย่างรุนแรงอาจจะทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงแรงเช่นกัน
นอกจากนี้สถานการณ์การเมืองภายในประเทศก็ย่อมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ยังคงไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าหากการเมืองเกิดทวีความรุนแรงขึ้นนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนทางตรงอาจจะชะลอการลงทุนออกไป และย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่น ซึ่งตรงจุดนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเช่นกัน
----------------------
วันที่ 22 ก.ย. 2552 แสดงข่าวมาแล้ว -1วัน 16ช.ม. 36นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=31558