Thai VI

ใครคิดเหมือนผมบ้าง  ว่ามันไม่สมดุลเลย
ระหว่างตัวเล็ก  กับ  ตัวใหญ่

กลุ่มอสังหาฯ เราซื้อขายตัวใหญ่อย่าง LH, CPN  ที่ P/E  20 เท่า
แม้แต่ QH ก็ซื้อขายกันที่ 12 เท่า  
ขณะที่ปล่อยให้ตัวเล็กๆ อย่าง CI, NOBLE, MK, SPALI ,SC, PRIN ซื้อขายกันที่ต่ำกว่า 5 เท่า

กลุ่มรับเหมาฯ  เราซื้อขาย ITD, STEC, SEAFCO  P/E สูงกว่า 20 เท่า
ขณะที่ปล่อยให้ตัวเล็กๆ อย่าง SYNTEC, TTCL, PYLON  ซึ้อขายต่ำกว่า 10 เท่าตัว  

กลุ่ม IT  ปล่อนให้ ADVANC, TRUE, DTAC ซื้อขายกันสูงกว่า 20 เท่า
ขณะที่ตัวเล็กๆ อย่าง SIS, JAS, AIT  ซื้อขายกันที่ 5 เท่าเอง

และยัวมีอีกมากมาย  เขียนไปคงไม่จบ.....
มันไม่สมดุลเลย   ดังนั้นแม้ตลาดฯ รวมจะลง...เพราะหุ้นตัวใหญ่...
แต่ความรู้สึกก็คือ  หุ้นตัวเล็กๆ มันยังถูกมากๆ เลยมิใช่หรือครับ  

ผมคิดว่าหุ้นใหญ่มีมูลค่าที่วัดมูลค่าทางตัวเลขไม่ได้อยู่เช่น good will อีกทั้งความเสี่ยงที่น้อยกว่า เป็นผลให้ตลาดให้ PE ที่สูงกว่าหุ้นขนาดเล็กครับ

เพราะมันเป็นแบบนี้แหละ ถึงเกิดโอกาสให้ VI ได้ลงทุนในธุรกิจที่ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น

ถ้ามันสมดุล ผมจะทำอะไรกินละพี่ อะไรดีล่ะ

เห็นด้วยครับ  :P

เรื่องของเรื่องก็คือ  ถ้าตัวใหญ่ลงมา 20%  จาก P/E เหลือแค่ 16 เท่า  ก็ยังสมเหตุสมผล...
แล้วตัวเล็กขึ้น 20% เหมือนกัน  จาก P/E 5 เท่าเป็น 6 เท่า  มันก็พอได้
แบบนี้...เรียกหุ้นขึ้น หรือ หุ้นลง...
แต่ที่รู้ๆ  LH ลง 20%  จะมีผลกระทบต่อ SET มากกว่า  ตัวเล็กๆ รวมกันทั้งหมดขึ้นมา 20% แน่นอน...
ดังนั้น  จากนี้ไป  SET อาจจะลง  แต่หุ้นขึ้นมีจำนวนมากกว่าหุ้นลง...
และ VI ยังคงทำกำไรต่อไปได้... แบบนั้นหรือเปล่าครับ ??

ขออย่าพึ่งขึ้นกันเลยสำหรับตัวเล็กๆนะเพราะผมยังไม่ซื้อเลย

ข้อพิสูจน์...ว่าจากนี้ไปน่าจะเป็นตามนี้ก็คือ
ตอนนี้ SET50 ซึ่งเป็นตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น   ติดลบไปแล้ว  -0.51
ขณะที่  จำนวนหุ้นบวก : หุ้นลบ  มี 238:93  คือ บวกเยอะกว่าลบมากมาย

ดังนั้น นี่คือ ตลาดของหุ้นเล็ก... ใครถือหุ้นใหญ่แพงๆให้รีบหมุนขายออกมา
แม้ SET จะลง   ขอให้เหล่า VI วางใจได้... หุ้นเล็กๆ ดีๆ ยังไปต่อครับ  

ใช้มันเป็นโอกาส แต่ละคนก็ให้คุณค่าของบริษั่ทแตกต่างกันไป เราเปลี่ยนแปลงตลาดไม่ได้ หุ้นที่เคยราคาสูงตอนนี้ในอดีตก็เคยเป็นหุ้นราคาถูก อยู่ที่ว่าเราเห็นมันตอนไหน

กระบวนการปรับสมดุล P/E ผมว่าดำเนินการตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว
แต่เพิ่งเห็นชัดๆวันนี้
ผมเชื่อว่า  เสี่ยๆ รายใหญ่ และ สถาบันในปท. จะเป็นคนดำเนินการเรื่องนี้เป็นหลัก  ไม่ใช่ต่างชาติ  (เพราะ หุ้นเล็กไม่เคยอยู่ในจอเรดาห์อยู่แล้ว)  

P/E ของหุ้นใหญ่จะลดลง  และ ของหุ้นเล็กจะเพิ่มขึ้น
เพื่อให้ใกล้เคียงกันจนเกิดสมดุล....คิดว่างั้นนะครับ  

ไม่ว่าหุ้นจะใหญ่หรือเล็ก สักวันมันจะปรับเข้าหามูลของมันครับ ตามผลกำไรประกอบกิจการ  :?

[quote="อะไรดีละ"]กระบวนการปรับสมดุล P/E ผมว่าดำเนินการตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว
แต่เพิ่งเห็นชัดๆวันนี้
ผมเชื่อว่า

yoyo เขียน:เพราะมันเป็นแบบนี้แหละ ถึงเกิดโอกาสให้ VI ได้ลงทุนในธุรกิจที่ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น

ถ้ามันสมดุล ผมจะทำอะไรกินละพี่ อะไรดีล่ะ

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งจ้าาาาาาาาาาาาาา  :D

มีคำพูดนึงไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหมครับ
ผู้ชนะจะเห็นโอกาสทุกครั้งที่เกิดวิกฤติ
ผู้แพ้จะเห็นปัญหาทุกครั้งทีเกิดวิกฤติ

ผมซื้อขายหุ้นตามผลประกอบการ  ของหุ้นแต่ละตัว



ไม่ได้ดูเซ็ท

อยู่ในช่วงสงคราม ก้องี้แหละครับ

ต้องตีจุดยุทธศาสตร์ก่อน

กว่าหัวเมืองเล็กๆ จะแข็งข้อได้ ก้อต้องใช้เวลารวบรวมไพร่พล

:lol:

คุณ อะไรดีละ

ใครคิดเหมือนผมบ้าง  ว่ามันไม่สมดุลเลย
ระหว่างตัวเล็ก  กับ  ตัวใหญ่

กลุ่มอสังหาฯ เราซื้อขายตัวใหญ่อย่าง LH, CPN  ที่ P/E  20 เท่า
แม้แต่ QH ก็ซื้อขายกันที่ 12 เท่า  
ขณะที่ปล่อยให้ตัวเล็กๆ อย่าง CI, NOBLE, MK, SPALI ,SC, PRIN ซื้อขายกันที่ต่ำกว่า 5 เท่า

กลุ่มรับเหมาฯ  เราซื้อขาย ITD, STEC, SEAFCO  P/E สูงกว่า 20 เท่า
ขณะที่ปล่อยให้ตัวเล็กๆ อย่าง SYNTEC, TTCL, PYLON  ซึ้อขายต่ำกว่า 10 เท่าตัว  

กลุ่ม IT  ปล่อนให้ ADVANC, TRUE, DTAC ซื้อขายกันสูงกว่า 20 เท่า
ขณะที่ตัวเล็กๆ อย่าง SIS, JAS, AIT  ซื้อขายกันที่ 5 เท่าเอง

และยัวมีอีกมากมาย  เขียนไปคงไม่จบ.....
มันไม่สมดุลเลย   ดังนั้นแม้ตลาดฯ รวมจะลง...เพราะหุ้นตัวใหญ่...
แต่ความรู้สึกก็คือ  หุ้นตัวเล็กๆ มันยังถูกมากๆ เลยมิใช่หรือครับ   Smile

แบบนี้ ก็ได้เวลา หาหุ้นตัวเล็ก แข็งแกร่ง และกำลังโต อีกครั้งแล้วใช้ไหมครับ

เวลาตลาดตีราคามูลค่าหุ้นแปลก ๆ แบบนี้ ก็ดีนะครับ ทำให้ได้ซื้อของดีราคาถูก อย่าเพิ่งขึ้นเลยนะครับ รอเงินรายเดือนออกมาก่อน จะได้ซื้อครับ

คุณเฟยหง เปลี่ยนชื่อเมื่อไหร่หรือครับ เพิ่งรู้ว่า เป็นคนเดียวกับคุณ อะไรดีละ ครับ ไปอ่านเจอในกระทู้อื่น ถึงเพิ่งทราบครับ

ยินดีที่เข้ามาให้ความเห็นในกระทู้ของไทยวี อีกครั้งครับ

ไม่ทราบว่าจะออกหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นใหม่หรือไม่ครับ อยากได้มุมมองใหม่ ๆ จากแนวความคิดของคุณเฟยหงครับ เคยอ่านหนังสือของคุณเฟยหงหลายปีก่อน อ่านแล้วชอบมาก เป็นแรงบันดาลใจดีในการหาหุ้นคุณค่าครับ

ถ้ายังไม่ออกหนังสือใหม่ ก็อยากรบกวนให้ช่วยเขียนบทความในไทยวีบ้างก็ได้นะครับ อยากได้แนวคิดไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนเพิ่มเติมครับ

ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นนี้ที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุก ๆ คนครับ

ขอบคุณที่ติดตามครับ   คุณ chaitorn

ลองไปอ่านบทความของผมด้าน ศก.ได้ที่ "เศรษฐศาสตร์ข้างถนน"  
ผมเป็นห่วง ศก.ของชาติ  มากกว่า  การลงทุนหุ้นครับ

สำหรับการลงทุนหุ้น  จากนี้ไปไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ... แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นปี
จะเกิดการปรับสมดุลของ P/E  
และ หุ้นเล็ก จะ outperform หุ้นใหญ่  
ซึ่งที่จริงแล้วในอดีต  ก็จะพบว่า สลับกัน outperform มาโดยตลอดครับ  
ตลอดเวลา 12 ปีของรอบวัฏจักรหุ้น

หุ้นเล็กน่าจะได้ประโยชน์ 4 ทาง
1. แรงซื้อจากคนที่ฝากเงินแบงก์  ปันผลระดับ 5% ขึ้นไป จะดึงดูดยิ่งกว่า 1% ของดบ.เงินฝาก และ หุ้นกู้
2. แรงซื้อจากการขายหุ้นใหญ่  เข้าหุ้นเล็ก ของขาใหญ่ กับ กองทุน
3. แรงซื้อจากการจัดตั้งกองทุนหุ้นเล็ก  ซึ่งจะเกิดขึ้นใหม่
4. แรงซื้อจากการเข้าซื้อกิจการ ของ บ.ใหญ่กว่า

โชคดีครับ  

ถ้าพูดในเรื่องความสมดุลย์ในความเห็นผมนะครับ

ในระยะสั้นอารมรณ์ฝูงชนจะเป็นคนควบคุมตลาดครับ
ถึงแม้หุ้นจะดีหรือไม่ก็ตาม
ถ้าคนแห่ซื้อมันก็จะขึ้น
คนเทขายมันก็จะลงครับ

แต่ในระยะยาว หุ้นจะสะท้อนความเป็นจริงเสมอครับ

ถ้าเรามองระยะสั้น ๆ มันก็จะไม่สมดุลย์อย่างที่ท่านพูดครับ

มีความรู้ + ประสบการณ์ + มีเงินเหลือ + จิตใจที่หนักแน่น
สำหรับผมสิ่งเหล่านี้คือสิ่งสำคัญของความสำเร็จครบ