หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ต้องหัดเรียนแบบนายไข่เจียวกับท่านวิบูลย์ในช่วงเวลาอย่างนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 9:31 am
โดย humdrum
รูปภาพ รูปภาพ

 

   สวัสดีครับ....


กลับไปเขาใหญ่เมื่อเสาร์ ขึ้นอุทยาน
เจอร้านไข่เจียว พี่ท่านทำแต่ไข่เจียว ไม่ทำอย่างอื่น
คนเยอะ เวลามา พวกทัวนักท่องเที่ยว  มากันทีเดียว มันต้องทำให้ทัน
ช่วงอื่นมันเงียบ เรืองนี้เกี่ยวทั้งจิตวิทา ทั้ง circle of competence

 ผมรอคนว่างๆ เสียบเข้าไปสั่ง ลองกินดู เอ้ย...อร่อยฉิบเลย
สั่งเบิ้ลต่อมาจานสอง นั่งแงะหาสาเหตุ
เขาใส่เนือกุ้งนั่นเอง เวลากุ้งมันปนไข่ รสชาติมันเปลี่ยนครับ
หมอนี่ ขายดิบขายดี ทำอย่างรวดเร็ว ดูเพลินไปหมด
นี่มัน circl of competence นี่ว่า
ให้คนสั่งตอกไข่ใส่ถุงพสาติดเอง เขย่า โปกกกกๆๆๆๆๆ
 เทลงกระทั ผมว่าใครเห็น ก็อยากลองเขย่าทั้งนั้น
นี่จิตวิทยาการทำตามในตลาดหุ้น โห.....หมอนี่เก่งแฮะ
เอาไข่ใส่ถุงพลาสติด เขย่า คิดได้อย่างไรนิ
"นายไข่เจียว"  ใช่เลย ผมขอเป้นนายไข่เจียวในช่วงนี้
ผมติดเพลงมาฝาก เตือนสติในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดีครับ
ครับ  

http://www.youtube.com/watch?v=ZUfL4WC5Hsk
 

   ช่วงเวลาผันผวนมากเท่าไหร่ ผมจะยิ่งจำกัด circle ให้แคบลงเท่านั้น
  สำหรับผม อะไรไม่รู้คือความเสี่ยงครับ อะไรที่รู้คือไม่เสี่ยง
 ถ้าหุ้นขึ้น ผมมีกำไร ผมจะซือเพิ่ม ถ้ามีกำไร คือ ไม่เสียง
ถ้าหุ้นลงเมื่อใด ผมขายทันที ผมจะไม่ซื้อ
  จำกัดความเสี่ยงแบบนี้ให้เป็น 0 ช่วงอย่างนี้ต้องมี circle of competence ให้มากขึ้นครับ
 ทั้งภายนอก และภายในจิตใจตนเองครับ
 ตัดเอาอารมณ์ต่าง ๆ ออก มองตามความเป็นจริง ยอมรับตัวเอง ถ้ามองผิด ให้ถอนตัวอย่างเร้ว
  จบข่าวครับ ไม่มีอะไรมากกว่านี้ ผมอาจผิดครับ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น  
  เรื่องของจิตวิทยามวลชน ช่วงนี้สำคุญอย่างมาก

 อะไรมาตามกระแส ผมเห็นฝรั่ง กองทุนโหนกันหมดเลย
  ผมหวังว่า พวกเราจะทันตามอารมณ์ตัวเองทุกคนครับ


    ผมอ่านบทความข้างล่างนี้ ช่วยเตือนสติหลายอย่างครับ
   ช่วงนี้ circle of competence สำคัญมากจริงๆครับ
  ขอขอบพระคุณผู้เขียนท่านวิบูลย์ มา ณ ที่นี่ด้วยครับ
 credit : http://www.thaivi.com/article/value-way ... tence.html



     รูปภาพ

Value Way : ขอบข่าย 'ความรู้' (Circle of Competence)


         'ความเสี่ยง คือ การที่เราตัดสินใจทำอะไรลงไปโดยที่เราไม่มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งนั้น' นี่เป็นคำพูดที่ 'Warren Buffett' กล่าวเอาไว้เมื่อมีคนมาถามเรื่องความเสี่ยงกับเขา

         ในการลงทุนนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ผมรู้จักและได้เห็นได้ยินจากสื่อต่างๆ มักจะตัดสินใจลงทุนไปตามคำแนะนำของผู้อื่นเช่น นักวิเคราะห์ เพื่อนฝูง และผู้ที่คิดว่าเป็นเซียนหุ้น น้อยคนนักที่ผมจะเห็นว่า เขาเลือกหุ้นที่เขารู้จักและเข้าใจองค์ประกอบทางพื้นฐานของกิจการนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง

         ผมเห็นเช่นเดียวกันกับ Warren Buffett เป็นอย่างยิ่ง หากเราตัดสินใจเอาเงินของเราไปลงทุนซื้อหุ้นในกิจการที่เราไม่มีความเข้าใจมันเลย แต่ลงทุนไปเพราะมีคนแนะนำว่าดีนั้นเป็นความเสี่ยงอย่างมาก ถ้ามันขึ้นแล้วรีบขายก็ดีไปแต่ถ้ามันเอาแต่ลงนี่ซิตัวใครตัวมันจริงๆ แม้แต่ผู้แนะนำยังหลบเราเลย เรื่องนี้ไปต่อว่าผู้แนะนำไม่ได้ เพราะเราไปเชื่อตามเขาเอง
         
 สำหรับการเลือกลงทุนของผมนั้น ผมจะเน้นในกิจการที่ประกอบธุรกิจที่ง่ายๆและผมสามารถทำความเข้าใจในองค์ประกอบธุรกิจนั้นได้อย่างไม่ยากเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน ผมสามารถหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้ง่ายๆ
       
   เช่น จากตัวแทนจำหน่าย ลูกค้า หรือแม้แต่คู่แข่งของกิจการนั้นๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Information) เพื่อใช้ในการประเมินความเสี่ยงในการลงทุนในระยะยาว
     
   ผมยกตัวอย่างเช่น หากเราจะลงทุนในกิจการที่ผลิตน้ำอัดลม จริงๆ แล้วกิจการนี้ศึกษาหาข้อมูลได้ง่ายมากครับ คือ เราเองก็อาจเป็นผู้ใช้สินค้าอยู่แล้ว ร้านค้าเกือบทุกที่ก็จำหน่ายน้ำอัดลม คู่แข่งก็มีเพียงสองสามราย ผมเคยเดินไปซื้อน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งและเลยถือโอกาสคุยกับผู้ขายจนได้ข้อมูลพอควร ถามเพื่อนๆ เวลาทานอาหารตามร้านอาหารว่าชอบดื่มอะไรระหว่างสองสามยี่ห้อนี้ ผมเคยถามแม้แต่คนขับรถส่งน้ำอัดลมเสียด้วยซ้ำไป
       
   หากเป็นกิจการอื่นที่อาจจะนอกเหนือจากชีวิตประจำวันของเราแต่อาจไม่ห่างตัวเรานัก เช่น  มีพี่น้องหรือพรรคพวกเราทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมนั้น เราก็สามารถสอบถามหาความรู้ในอุตสาหกรรมนั้นได้เป็นอย่างดี ผมเองเคยซักเพื่อนผมที่อยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเสียจนเขาถามว่า แค่ซื้อหุ้นทำไมต้องรู้ต้องซักอะไรมากขนาดนี้ ผมก็ตอบว่า 'ต้องรู้ให้มากซิ เพราะเราจะร่วมเป็นเจ้าของกับเขานะ'
       
    ผมเชื่อว่านักลงทุนอีกหลายท่านที่อยากจะเรือกลงทุนในหุ้น แต่ยังไม่ทราบว่า ควรจะซื้อหุ้นบริษัทไหนดี ซื้อแล้วจะมีอนาคตไหม เงินลงทุนจะปลอดภัยไหม ผมแนะนำให้มองรอบๆ ตัวเราเองก่อนว่าเราใช้สินค้าอะไรบ้าง กินดื่มอะไรบ้าง ใช้บริการอะไรบ้าง และมีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงในอุตสาหกรรมอะไรบ้าง
   
      ลองหาข้อมูลจากแหล่งนั้น ผมว่าดีกว่าไปถามนักวิเคราะห์มากครับ เพราะเราจะได้ข้อมูลครบ ที่นี้เราก็นำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ได้แล้วว่า เราน่าจะลงทุนกับเขาหรือไม่
     
    เรื่องที่ผมเล่ามานี้เป็นเรื่องที่ง่ายๆ แต่ก็ใช้ได้ผลจริงๆ Warren Buffett ยังบอกว่า เขามักจะเลือกลงทุนในสิ่งที่เขาดื่มเขากินเลยครับ...
       
   หลายคนอาจจะค้านผมว่า ถ้าทำอย่างที่ผมว่าอาจเสียโอกาสได้ อาจจะเป็นจริงครับ แต่ถ้าคุณไม่รู้จริงแล้วลงทุนไปมันเป็นการเสี่ยงดวงจริงๆ หากโชคดีก็ดี หากไม่ดีก็จะกลับมาคิดว่าไม่น่าเลย ไม่น่าเลย เพราะเรื่องที่กลัวจะเสียโอกาสนี่แหละเป็นโอกาสให้นักปั่นหุ้นกระทำแก่นักลงทุนรายอื่นเสมอมา
     
     เรื่องต่างๆ ในโลกนี้มีด้วยกันมากมายครับ แต่เมื่อถึงตอนจะต้องตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำอะไรที่สำคัญลงไปนั้น จะมีเรื่องให้เราพิจารณาแค่สี่ส่วนเท่านั้นเองครับ คือ เรื่องที่สำคัญที่เรารู้และเข้าใจ เรื่องที่ไม่สำคัญแต่เรารู้และเข้าใจ เรื่องที่สำคัญที่เราไม่รู้และไม่เข้าใจ และเรื่องที่ไม่สำคัญและเราไม่รู้ไม่เข้าใจ
     
    ทุกคนคงคิดว่า เราคงไม่ไปสนใจอะไรกับเรื่องที่ไม่สำคัญไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้ก็ตามที แต่สำหรับเรื่องที่สำคัญที่จะนำพาประโยชน์มาสู่เรานี้ต้องคิดหนักกันสักหน่อย
     
     การลงทุนนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับนักลงทุนแน่นอน แต่ผมมักจะเห็นการตัดสินใจลงทุนไปโดยความไม่รู้ไม่เข้าใจเป็นส่วนใหญ่
       
 สำหรับผมแล้วผมไม่กล้าทำในสิ่งที่ผมไม่รู้ไม่เข้าใจครับ ผมต้องหาความรู้ในสิ่งนั้นๆก่อนตัดสินใจทุกครั้ง และผมจะไม่แคร์กับโอกาสใดๆ ที่อาจทำให้ผมรวยหรือขาดทุนโดยไม่รู้ตัวมาก่อนแน่นอนครับ..

รูปภาพ

ต้องหัดเรียนแบบนายไข่เจียวกับท่านวิบูลย์ในช่วงเวลาอย่างนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 10:49 am
โดย ซากคน
สวัสดีครับ พี่ humdrum

  ตอนนี้เป็นฤดูจำศีลของผมเหมือนกัน โดยรวมไม่ได้ทำอะไรกับสิ่งที่มีอยู่
เลย...เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว  

ว่าด้วยเรื่องของการลงทุนในหุ้น

  การอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรนอก circle

จะว่าเหงา ก็รู้สึกเหงา  (เพราะไม่ได้ฉลองกับใคร)

จะว่าเบื่อ ก็รู้สึกเบื่อ  (เพราะเห็นเงินสดนอนกองอยู่)

จะว่าสบาย ก็รู้สึกสบาย (เพราะไม่ต้องจ้องราคาหุ้น)

สุดท้ายผมขอเลือก อย่างหลัง ให้กับใจของผมดีกว่า

แล้วก็เอาเวลามาอ่านหนังสือ กำหนด circle ให้ชัดเจนดีกว่า  


ว่าด้วยเรื่องของการทำงาน  (ผมยังหาคำตอบไม่ได้  และกำลังทำใจให้สบายเหมือนข้างบน)  

ปล.  ยังรอฟังโอวาทพี่ humdrum ทาง pm อยู่นะครับ  :wink:

ต้องหัดเรียนแบบนายไข่เจียวกับท่านวิบูลย์ในช่วงเวลาอย่างนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 11:20 am
โดย humdrum
สวัสดีครับ  ผมตอบไมได้หรอกครับ ผมไม่รู้อะไรเลยทางพุทธครับ ต้องขอโทษด้วยครับ

 สมัยผมเรียน คติโรงเรียนคือ น สิยาโลกวฑฒโน ผมกลับไปนั่งเรียนบาลี ไปที่วัดมหาธาตึ สนามหลวง เห็นเณนเดินมา ผมก็ทักเข้าไปถามหมด ได้ความว่า ทางบาลีมันแปลว่า อย่าทำให้โลกวัฒนา ท่านเณรคุยกับผมต่อว่า ที่ว่าผมเห็นทุกวันตอนเรียน แปลแบบพวกนักเรียนคือ อย่าเป็นคนรกโลก คือ แปลไม่ตรงใจความ

 ไม่น่าเชื่อว่าผมโดนบิดเบือนตั้งแต่เด้กเลยหรือนี่ อะไรที่ว่าเรารู้ตั้งแต่เด็ก มันต้องมารื้อใหม่ มาหาว่าความจริงคืออะไร คือมีสายตาที่มองอะไรบิดเบือนหมด เพราะเราถุกาอนกันมาอย่างนั้น และไม่เคยคั้งถามกลับเลย

      ที่ว่า วัฒนา นั้น คือ รก บาลีไปยิม เอาคำนี้มาจากกรีกที่แปลว่า progress  แต่สมัยโสกราติส เขาว่า โสกราติส ว่า เป้นพวก progress คือ รู้มาก จนรกไปหมด ที่ว่ารก เพราะคนสมัยนั้นกลัวความจรืง และเชื่อในเทพเจ้าจนไม่ตั้งคำถามกับสิ่งที่เห็นกันต่อ ๆมาจนกลายเป็นวัฒนาธรรม นั่นวัฒนาคำเดียวกัน มันแปลวา รก  มากขึ้น   ๆ  ๆๆ แต่ต้องไปมากขึ้นแล้วดี ไม่ใช่มากขึ้นแล้วแย่ลง คนสมัยนั้นแปล progress ว่า บ้า คือ บ้าแบบ โสกราติส

    ท่าน VOL มาถูกทางแล้วครับ คือ มี circle
 ทำให้ไม่รก อย่าเป็นคนรกในโลกในการลงทุน มีคว่มถนัดในด้านใดด้านหนึ่งจนคนอื่นเชี่ยวสู่เราไม่ได้ ผมว่านั้นถือว่าไม่รก เพราะเรายิ่งรู้มาก เราจะยิ่งรูว่าที่แท้จริงกรูรูน้อยกว่าที่เรารู้  อย่าปล่อยให้วัฒนา แปลว่า รกไปหมด
 
เรื่องของปรัชญา เถียงกัรไปแต่นั้น ต่างคนต่างมีสมุติฐานไม่เหมือนกัน เหมือนเส้นขนาน เหมือนทางรถไฟ มี logic แล้วไปทางไหนก้ได้ มันมีเหตุผลที่จะแย้งกันขยายออกไปจนรกไปหมด มันไมมีทางพบกันได้ เพราะมีสมุติฐานใหม่ๆ เกิดขึ้นในใจตลอดเวลาจนรกไปหมด สงบเรียบร้อย ราบรื่น มีความสุข
 
    เราต้องมี ระบบนิเวศวิทยาที่ดี นิเวศนี้มีความหมายดีมากครับ คือหมายถึงยิ่งเล้ก ยิ่งดี เพราะคลุมได้ง่าย ถ้ามันมากไป ก็รก ไปหมด ยิ่งเล้ก ยิ่งสวยงามครับ รักษากันได้ ดูแลกันได้  บ้านเล็ก ๆ ดูความสะอาดได้ทั่วถึง ทำให้สวยงามไปทุกกระเบียดนิ้วก็ทำได้ เพราะมันเล้ก มันพอดี เรียกว่ามี นิเวศวิทยาที่ถุกต้องครับ คำว่า นิเวศนี้ จึงมีความหมายว่า circle of competece ในตัวเอง
เป็นคำที่สุดยอดครับ

ผมหวังวา ท่าน Vol จะเข้าใจครับ.....

ต้องหัดเรียนแบบนายไข่เจียวกับท่านวิบูลย์ในช่วงเวลาอย่างนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 3:01 pm
โดย mrgoodtime
เห็นภาพประกอบแล้วทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า
VI ที่ดีจะต้อง "หล่อ" ด้วย ใช่ไหมครับ 555

ขอบคุณคุณ humdrum ด้วยครับ บทความนี้ผมยังไม่เคยอ่านเลย เรื่องไข่เจียวก็ด้วย ชวนให้คิดดีครับ

ต้องหัดเรียนแบบนายไข่เจียวกับท่านวิบูลย์ในช่วงเวลาอย่างนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 3:14 pm
โดย VIB007
ไม่แน่ใจ
ผมว่าบทความนี้น่าจะเป็นของ"คุณมนตรี"มากกว่านะครับ

Re: ต้องหัดเรียนแบบนายไข่เจียวกับท่านวิบูลย์ในช่วงเวลาอย่างน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 4:56 pm
โดย hongvalue
humdrum เขียน:
รูปภาพ

รูปนี้ถ่ายเมื่อไหร่ครับ ไม่เคยเห็นเลยน่าจะที่ตลาดหลักทรัพย์แหละ แต่งงว่ามีงานที่พี่มนกับพี่วิบูลย์ไปด้วยกันแล้วผมไม่รู้ด้วยเหรอ

ต้องหัดเรียนแบบนายไข่เจียวกับท่านวิบูลย์ในช่วงเวลาอย่างนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 5:09 pm
โดย humdrum
นานแล้วครับท่านฮง
       
 
คับคั่งครับวันนั้น งานนี้ใครไปช้าต้องยืน  ล้นห้อง  303 ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ งาน Investotss day วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ผ่านมา  พิธีกรสาลิกาลิ้นทอง คุณณัฐดนัย เดชธีรานุกล มาก่อนเจ้าภาพเล็กน้อย ตามด้วย  คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ และ คุณมนตรี นิพิฐวิทยา  ยอดเซียนเพื่อนคู่ใจมากความสามารถทั้งสอง   ตบเท้าร่วมงานเปิดตัว หนังสือ Value Way  หรือ วิธีเซียนหุ้นมูลค่า เป็นการรวบรวมงานเขียนระดับห้าดาวที่เคยเขียนลงในในหนังสือพิมพ์ BizWeek  งานนี้เจ้าภาพยืนยัน เนื้อหาสาระเข้มข้นกว่าเดิม เล่มที่เคยออก ชิว  ชิว  อ่านก่อนรวยถาวรกว่า เล่มนี้รื่นกว่า มืออาชีพกว่า เพราะเขียนมานานกว่า เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เคี่ยวจนข้น หัวในล้วน ๆ  บรรยากาศเสวนาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน  อยากรู้เคล็ดลับเซียนทั้งสอง ถนนหนทางแห่งเซียนมารออยู่ต้องหน้าคุณแล้ว  แนะนำซื้อมาอ่านครับ   วางแผงตามร้านหนังสือทั่วไปแล้ว