หน้า 1 จากทั้งหมด 1

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 01, 2009 8:07 pm
โดย Laziale
เห็นว่ายังไม่มีใครมานำเสนอครับ  :D

บ้านคือวิมานของเรา  นั่นคือเริ่มต้นของเนื้อร้องของเพลงเกี่ยวกับบ้านที่คนรุ่นเก่ามักจะจำและร้องได้  มันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของคนต่อบ้านที่พักอาศัยว่า  บ้านนั้นเป็น  ความฝัน  ที่ทุกคนอยากมี  และไม่ใช่แค่อยากมี   แต่อยากมีบ้านที่ใหญ่และสวยที่สุดที่เขามีปัญญาจะซื้อได้   ดังนั้น  บ้านจึงมักเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่คนต้องทุ่มเทเงินออมรวมทั้งรายได้จำนวนมากลงไปเพื่อที่จะได้มี  บ้านในฝัน  ที่ต้องการ   สำหรับคนจำนวนมาก   การผ่อนบ้านเป็นรายจ่ายประจำเดือนที่สูงมากจนทำให้ไม่เหลือเงินเก็บเพื่อการลงทุนอย่างอื่นเลย   แต่เขาก็มักจะไม่กังวลอะไรนัก   เพราะสำหรับเขา   การซื้อบ้านก็คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง   และถ้าจะว่าไป  บ้านนั้น  ราคาแทบจะไม่เคยตกลงเลย   ดังนั้น  การซื้อบ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

           ก่อนที่จะเป็น Value Investor  ผมเองก็คิดอย่างนั้น   ว่าที่จริงผมเคยซื้อบ้านหรูใหญ่โตอยู่นอกเมืองและต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่มากเมื่อเทียบกับความมั่งคั่งส่วนตนในขณะนั้นเพื่อที่จะเป็นเงินดาวน์   และต้องผ่อนค่างวดให้กับสถาบันการเงินคิดเป็นรายจ่ายต่อเดือนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินเดือนของตนเอง   ผมซื้อทั้ง ๆ  ที่มีบ้านหลังเล็ก ๆ ของแม่ยายที่ผมอาศัยอยู่แล้วกลางใจเมืองโดยที่ไม่ต้องซื้อหรือเช่า   บ้านหรูหลังนั้นผมไม่เคยได้เข้าอยู่อาศัยเลยเพราะมัน  ไม่มีความสะดวก  เลย  เนื่องจากมัน  ไกล  และ ใหญ่  เกินไป   ผมปล่อยบ้านให้เช่าในราคาที่  ไม่คุ้มค่า  อยู่หลายปี    

           หลังจากที่เป็น VI แล้ว  ผมก็เห็นว่าบ้านหลังนั้นคงจะไม่ใช่  วิมาน  อีกต่อไป   และโอกาสที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในระยะเวลาอันใกล้ก็คงมีน้อย    ในที่สุดผมก็ขายมันไปและนำเงินมาลงทุนในหุ้น   ราคาขายบ้านที่ลงทุนมานับสิบปีแทบจะไม่มีกำไร   แต่เงินที่ได้รับและนำมาลงทุนในหุ้นนั้น   หลังจากผ่านไป 6-7 ปีเติบโตขึ้นมาก   และถ้าผมขายหุ้นและนำกลับไปซื้อบ้านในเวลานี้  ผมอาจจะซื้อบ้านแบบเดียวกันได้ 2 หลัง   แต่ผมก็คงไม่ทำ  ผมมีบทเรียนแล้ว   ถ้าผมจะซื้อบ้านใหม่  ผมจะคิดอีกแบบหนึ่ง   และต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับ  VI  โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่กำลังคิดจะซื้อบ้าน

           ข้อแรกก็คือ  ถ้ายังมีบ้านอยู่   เช่นอาศัยอยู่กับพ่อแม่และไม่ได้มีปัญหาเดือดร้อนหรือหนักอกหนักใจหรืออึดอัดใจอะไร   ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบหาซื้อบ้าน   อย่ากลัวว่าถ้าไม่ซื้อในวันนี้แล้วราคาบ้านจะขึ้นไปสูงจนไม่มีปัญญาที่จะซื้อได้ในอนาคต   เพราะราคาบ้านที่อยู่อาศัยนั้น   โดยทั่วไปราคาจะปรับตัวขึ้นไปช้า   โดยเฉลี่ยไม่น่าจะสูงกว่าเงินเฟ้อมากนักและไม่น่าจะเกินปีละ 3 4%  ต่อปีโดยเฉลี่ย    ในทางตรงกันข้าม   การมีบ้านนั้น   ทำให้รายจ่ายตามมา   บ้านยิ่งใหญ่ก็ยิ่งมีรายจ่ายมาก   และการมีรายจ่ายมากนั้นทำให้ความมั่งคั่งลดลง   และโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าก็จะหายไป   ดังนั้น  ข้อแนะนำของผมก็คือ   พยายามอยู่บ้านฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายน้อยให้ยาวนานที่สุด  

         ข้อสอง  ถ้าจะซื้อบ้าน   หลักเกณฑ์การเลือกนั้นต้องเน้นว่า  บ้านนั้นต้อง  อย่าไกล  หรือห่างจากที่ทำงานหรือสถานที่ที่คนในครอบครัวต้องเดินทางไปทุกวันมาก    เพราะการเสียเวลาเดินทางทุกวันนั้น   เป็นต้นทุนที่สูงมากทั้งในด้านของเงินค่าเดินทาง   การเสียโอกาสในการทำงานหารายได้   และเรื่องของสุขภาพกายใจ   ดังนั้น   ทำเลของบ้านจึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการเลือกบ้าน    และในกรณีที่เราเลือกคอนโดแทนที่จะเป็นบ้านเดี่ยว  เราควรเลือกคอนโดที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินหรือบนดิน   โดยที่คำว่าใกล้นั้น   ควรจะไม่เกิน 500 เมตร  อย่าเลือกที่ระยะทาง  แค่หนึ่งกิโลเมตรจากสถานี  เพราะถ้าเราต้องเดินทุกวัน   ค่าเสียเวลาต่อเดือนหรือต่อปีจะสูงมาก

           ข้อสาม  ซื้อบ้านขนาดที่  พอดีใช้  นั่นคือมีจำนวนห้องที่เหมาะสมกับสมาชิกในปัจจุบันและอนาคต    เช่น  ถ้ามีสามี  ภรรยา  และลูกอีกสองคน   ก็เอาแค่  3  ห้องนอนและอาจจะมีห้องทำงานเล็ก ๆ  อีกหนึ่งห้องก็พอแล้ว   การมีบ้านที่ใหญ่เกินความจำเป็นนั้น   จะทำให้เราต้องลงเงินไปมากในช่วงที่ซื้อและหลังจากนั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่จะตามมาตลอดโดยที่เราอาจจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย   การมีบ้านใหญ่เกินความจำเป็นยังมักจะทำให้เราต้องจ่ายเงินซื้อของเข้าบ้านมากขึ้นโดยไม่จำเป็นด้วย   นี่คือความจริงที่หลายคนอาจจะไม่ได้ตระหนัก   แต่ประสบการณ์การมีบ้านเล็กนั้นทำให้ผมพบว่า   เราไม่สามารถซื้อเครื่องใช้หรืออุปกรณ์หลาย ๆ  อย่างได้ด้วยเหตุผลประการเดียวก็คือ   มันไม่มีที่จะวาง   ดังนั้น  การมีบ้านขนาดพอดีใช้จะทำให้เราประหยัดเงินในระยะยาวอีกมาก

           ข้อคิดสุดท้ายสำหรับการซื้อบ้านของผมก็คือ  อย่าพยายามสร้าง   สาธารณูปโภค   เช่น  สระว่ายน้ำหรือสวน  ขึ้นใช้เองในบ้าน   เพราะมันแพงมากและการดูแลรักษาก็ทำได้ยากและต้นทุนสูง   ควรเลือกบ้านที่อยู่ใกล้สาธารณูปโภคที่เราต้องการใช้ซึ่งเป็นของรัฐหรือของคนอื่นที่เราสามารถหาซื้อได้เมื่อเราต้องการใช้จริง    ด้วยเหตุนี้   บ้านที่อยู่ใกล้สวนสาธารณะที่เราสามารถพักผ่อนออกกำลังกายได้ทุกวันโดยไม่เสียเวลาเดินทางและไม่เสียเงินจึงเป็นบ้านที่มีคุณค่าสูงและเราอาจจะต้องยอมจ่ายแพงขึ้นได้  และนี่ก็เป็นการเลือกบ้านแบบ VI อีกข้อหนึ่ง

           ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงข้อพิจารณาบางประการที่ VI ที่กำลังคิดที่จะซื้อบ้านจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ   การซื้อบ้านนั้น  เป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งและความสุขในระยะยาว  ดังนั้น เราต้องให้เวลาในการเสาะแสวงหาและจะต้องไม่รีบร้อนถ้าเราต้องบ้านที่เป็น  วิมาน จริง ๆ

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 01, 2009 9:34 pm
โดย noooon010
:D  ขอบคุณมากๆนะครับผม

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 01, 2009 9:37 pm
โดย SunShine@Night
ทำตาม ดร เลย

เกาะแม่อยู่ อิอิ :)

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 01, 2009 10:15 pm
โดย superboy
ผมพลาดไปแล้ว ซื้อมา 5 ปี มีแต่เสียเงินตลอด

ค่าสาธาณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันขับไปกลับ

ตอนนี้ เสียกำลังเสียค่า ทำสวนใหม่อีก

ไปอยู่แค่ สัปดาห์ล่ะ 2 วัน จากไปไม่ได้ไปเลย มา 4-5 เดือน

ราคาขายก้อคงไม่มีคนมาซื้อต่อด้วย เห็นในโครงการติดขายกันหลายหลังแล้ว

ยอดเยี่ยมเลย อาจารย์   :bow:  :bow:

Re: บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 10:13 am
โดย killyz
Laziale เขียน: แต่ประสบการณ์การมีบ้านเล็กนั้นทำให้ผมพบว่า
ต้องขอเดินรอยตามอาจารย์ โดยการมีบ้านเล็ก   :)

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 11:46 am
โดย แม่แฝด3
โดนใจมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์  :lol:

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 1:17 pm
โดย tt
ผมเห็นต่างนะ ผมว่าบ้านคือที่เราอยู่แล้วควรจะมีความสุขที่สุด มีอากาศดี
ลูกมีที่วิ่งเล่น ผมว่ามันเทียบเป็นเงินไม่ได้ มูลค่าหุ้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ขึ้นลง แต่ชีวิตที่อยู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี คือของจริง แต่ก็ไม่ใช่ซื้อจนเกินฐานะตัวเอง

Re: บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 3:00 pm
โดย newbie_12
killyz เขียน:
ต้องขอเดินรอยตามอาจารย์ โดยการมีบ้านเล็ก

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 3:37 pm
โดย Radio
tt เขียน:ผมเห็นต่างนะ ผมว่าบ้านคือที่เราอยู่แล้วควรจะมีความสุขที่สุด มีอากาศดี
ลูกมีที่วิ่งเล่น ผมว่ามันเทียบเป็นเงินไม่ได้ มูลค่าหุ้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ขึ้นลง แต่ชีวิตที่อยู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี คือของจริง แต่ก็ไม่ใช่ซื้อจนเกินฐานะตัวเอง
  ผมเห็นด้วย ผมจะสร้างบ้านให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยตนเองไม่เดือด
ร้อน เพราะบ้านเปรียบเสมือนอาณาจักรของเรา เราเป็น King ที่บ้าน
  การมีเงินในบัญชีมากๆไม่ใช่ความสุขของผม  แต่การได้ใช้เงินเป็นความ
สุขที่แท้จริง ถ้าตราบใดที่รายจ่ายของเรายังน้อยกว่ารายรับ  การมีเงินใน
บัญชีมากๆไม่ได้ทำให้เราสบายขึ้น เพียงแต่มีเงินสำรองมากขึ้นทำให้อุ่นใจ

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 4:24 pm
โดย kmphol
ถ้าผมจะซื้อบ้านตอนนี้ ก็ดูหลักหลักแค่ 4 ข้อครับ
1. คมนาคมสะดวก
2. สิ่งแวดล้อมดี facility ต่างต่างพร้อม
3. ขนาดพอดี ไม่เป็นภาระในการดูแลมากเกินไป
4. อยู่ในทิศที่ดี ไม่ร้อน

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 7:29 pm
โดย TPH
Radio เขียน:

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 7:58 pm
โดย flanker
เห็นด้วยครับ
ตอนนี้ผมก็ยังอยู่บ้านหลวงครับ

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 8:41 pm
โดย KB
tt เขียน:ผมเห็นต่างนะ ผมว่าบ้านคือที่เราอยู่แล้วควรจะมีความสุขที่สุด มีอากาศดี
ลูกมีที่วิ่งเล่น ผมว่ามันเทียบเป็นเงินไม่ได้ มูลค่าหุ้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ขึ้นลง แต่ชีวิตที่อยู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี คือของจริง แต่ก็ไม่ใช่ซื้อจนเกินฐานะตัวเอง
ก็เห็นด้วยนะ แต่ว่าความพอดีของแต่ละคนแตกต่างกันครับ บางคน 75 ตารางวาบอกพอ บางคนบอก 100 ตารางวา หรือบางคนมีเงินมากจนคุณค่ามันเริ่มน้อย ไม่ใช้ก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม บ้านใหญ่หน่อยแต่ไม่ใหญ่จนเป็นภาระก็ดี ตามความพอใจและความสุขของแต่ละคนครับ แต่อย่าลืมคำนึงถึงความคุ้มค่าด้วยครับ

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 9:25 pm
โดย sai
อยู่บ้านแม่ยาย เหมือนดร . และ ภรรยาชื่อเก๋เหมือนกันอีก  มีแต่ไม่รู้เมื่อไรจะเก่งได้ซัก ครึ่งของดร. ก็พอ อิอิ  :lol:

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 9:31 pm
โดย Dekfaifah
คิดได้ลึกซึ้งจริงๆเลยครับ

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 10:57 pm
โดย Linzhi
อ่านแล้วถูกใจ ก็ขออยู่บ้านพ่อแม่ต่อ

แต่ซื้อคอนโด เก็บไว้บ้าง ให้เช่าไป ไม่รู้คุ้มรึเปล่า หวังว่าจะชนะเงินเฟ้อ

อนาคตผมว่า เมืองมันจะโตแบบกระจุกตัวมาก
ผมไม่ค่อยเชื่อทฤษฎีดาวกระจาย ยิ่งการกระจายตัวรถไฟฟ้า กลางเมืองยิ่งโต

ถึงเอาเงินมาใส่หุ้นผลตอบแทนจะดีกว่า

เห็นด้วยกับพี่ tt ปัญหาคือผมว่ามันไม่เห็นอะไรเลย มีแต่ตัวเลข

เจียดเงินซื้อคอนโดมันยังเห็นอะไร เป็นชิ้นเป็นอัน

เอาไว้ให้ลูก (ในอนาคตอีกไกล) นั่งรถไฟฟ้าไปโรงเรียน  :lol:  :lol:

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 1:23 am
โดย chada
^____^

..นั่งคิดอยู่ เมื่อเช้า ว่าอยากจะซื้อบ้านซักหลังที่กรุงเทพ~~  แต่คิดไม่จบ เพราะหาคำตอบบางอย่างไม่ได้..

..มาอ่าน ที่ดร. เขียนไว้ คิดอย่างนึงว่า ดร เป็น value investor จริงๆ สิ่งที่ดร. เขียนไว้ เหมือนเป็นทางลัด เหมือนเป็นคู่มือ เหมือนเป็นคนแก่ (ที่ชอบบอกว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน) ที่เข้าใจอย่างสุดซึ้ง ก็เพราะผ่านเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงและ สิ่งที่เขียน ก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง..

ถ้าใน ฐานะ value investor ที่เริ่มจาก 1  คงจะไม่สามารถทำให้พอร์ต ให้โตได้ ถ้าเรา ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และ ถ้าเราไม่มีความสามารถในการหาเงินได้ดี และอื่นๆ

แต่ หากวันใด เรามีพอร์ตที่น่าพอใจแล้ว การหาเงินเข้ามาในพอร์ต อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว ชีวิตหลังเลิกงาน กลับไปอยู่บ้านที่สบาย อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น ก็เป็นสุดยอดปรารถนา

เรามีชีวิตเพื่อวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่เคยมาถึง ใช้ชิวิตอย่างมีความสุข อยู่อย่างมีคุณค่า อยู่อย่างมีความฝัน และความหวัง

>โชคดีค่ะ<

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 10:32 am
โดย Little Boy
Radio เขียน:

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 10:34 am
โดย newbie_12
Little Boy เขียน:

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 11:19 am
โดย ipenema
ขอบคุณมากๆ เลยครับ

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 12:41 pm
โดย kurapica
สมมติว่าเรามีเงินมากพอ จนการสร้างบ้านในอุดมคติไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของเรา สำหรับผมแล้ว ตัวบ้านก็ตามที่ท่าน ดร. บอกเลยครับ กำลังดี แต่บริเวณบ้านต้องใหญ่ๆครับ ตามหลักฮวงจุ้ย เขาบอกว่าบริเวณบ้านควรมากกว่า 50% ของตัวบ้าน ทำเป็นสวนหรืออะไรก็ได้ตามความชอบ แต่เป็นสวนน่าจะดีที่สุด ธรรมชาติช่วยเยี่ยยา ขับกล่อม จิตใจได้ดีมาก อย่างที่ใครหลายๆคนไม่รู้ตัว

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 8:11 pm
โดย naris
Little Boy เขียน:

บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 11:44 pm
โดย dome@perth
Little Boy เขียน: เห็นด้วยกับ ดร.เป็นส่วนใหญ่ครับ และผมเองก็ใช้หลักคล้ายๆ ที่ท่านกล่าวในการตัดสินใจเลือกทำเลและสร้างที่อยู่อาศัย แต่ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมเช่น การจัดสวน ผมกลับมองคล้ายความเห็นของพี่ Radio และ พี่ tt ครับ อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่จะเอามาแชร์มาบ้างนะครับ

เดิมตอนที่เช่าทาวเฮาส์อยู่ เสาร์-อาทิตย์ วันหยุด ผมจะเซ็งๆ ถ้าไม่ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ๆ เช่นพัทยา หัวหิน ก็ต้องไปเดินห้างบ้าง กินนู้นนี่ ดูหนัง มีรายจ่ายตลอด กิจกรรมของครอบครัวอยู่ภายนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ ในบ้านที่ทำได้อย่างมากก็แค่ดูทีวีร่วมกัน

แต่พอผมสร้างบ้านเสร็จเข้าอยู่ (1 ปีแล้วเร็วจัง) โดยผมได้มีการจัดสวนและทำบ่อปลา ปลูกพืชผักผลไม้นิดหน่อย ทุกวันนี้พอเสาร์-อาทิตย์ ก็นั่งชิวๆ ใต้ศาลาริมบ่อปลา ดูเหล่ามัจฉาแหวกว่ายไปมาอย่างครื้นเครง การดูแลก็เสียเวลาล้างบ่อปลาสัก 1 หรือ 2 วันใน 1 เดือน (แล้วแต่ความขยัน) บางสัปดาห์ก็แบ่งเวลาไปตัดหญ้า บางสัปดาห์ก็ตัดแต่งกิ่งไม้ ใช้การบริหารจัดการแบ่งเวลาให้ดีๆ ทำสัปดาห์ละอย่าง อย่างละนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้เหนื่อยมาก แถมรู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมกันในครอบครัว คนนู้นช่วยทำนั้น คนนั้นช่วยทำนี้ เย็นย่ำบางคราก็สั่งหมูกระทะมาปิ้งกินตรงศาลาริมสวน มีความสุขไปอีกแบบ ผลไม้ที่ปลูกไว้ก็เริ่มออกผล มะละกอนี่ กินที่บ้านหว๊านนหวานน.. กล้วยหอมที่ปลูกก็ลูกโตดีจังไล่แจกเพื่อนบ้านกันถ้วนทั่ว เพื่อนบ้านก็แสดงน้ำใจกลับ เอาขนมนมเนย กับข้าว มาให้เป็นไมตรีกลับคืน แม่ผมเองดูแกก็มีความสุขดี เวลาทำกับข้าวอย่างผัดเผ็ดหมูก็ไปเด็ดใบมะกรูดหลังบ้าน ถั่วฝักยาวที่กินไปก็มั่นใจเพราะเราไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง ทุกวันนี้ผมมานึกย้อน 1 ปีที่ผ่านมา อืม..ผมไปห้างน้อยลงจริงๆ แฮะ ท่องเที่ยว ตจว.ที่ต้องสิ้นเปลืองค่าน้ำมัน ที่พัก อยู่บ่อยๆ ก็แทบไม่มีเลย ที่สำคัญความสุขของคนในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น มีกิจกรรมร่วมกันเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความสุขง่ายๆ ภายใต้รอบรั้วบ้าน มันคงเทียบเป็นจำนวนเงินไม่ได้เลยใช่มั้ยครับ
ว้าวอ่านแล้ว อิน ครับ ช้อบชอบ :D