หน้า 1 จากทั้งหมด 2

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:24 am
โดย aura
รูปภาพ

เคยเห็นเล่มนี้ฉบับภาษาอังกฤษมาได้พักนึงแล้ว แต่จนปัญญาจะอ่าน เมื่อวันเสาร์ไปเดินที่ร้านนายอินทร์ เห็นมีฉบับภาษาไทยออกมาขายแล้ว ดีใจจัดเลยรีบซื้อมาอ่าน อ่านจบแล้ว จึงอยากจะมาเล่าแบบเซิบ ๆ ให้เพื่อนที่ยังไม่อ่านฟัง

ในเล่มนี้ มัลคอล์ม แกลดเวลล์ ผู้เขียนหนังสือสองเล่มที่ดังเป็นพลุแตกมาแล้ว คือ The Tipping Point และ Blink บนเข็มไปจับประเด็นเรื่อง ความสำเร็จ โดยพยายามสำรวจและวิเคราะห์ว่า ปัจจัยอะไรกันแน่ที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จในระดับสูงสุด ทำไมคนเราถึงประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน แม้ว่าจะมีระดับสติปัญญาและความพยายามเท่า ๆ กันก็ตาม

สิ่งที่ผมได้รับอย่างเต็มเปี่ยมจากหนังสือเล่มนี้ คือ ความสนุก และความเซอร์ไพรส์

ในตอนที่ 1 เขาเข้าไปสำรวจในแง่ของ โอกาส ที่คนเราได้รับไม่เท่ากัน โดยเปรียบเทียบข้อมูลของนักกีฬาฮอกกี้ของแคนาดาและนักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติเช็ค

คุณจะได้รู้ว่าทำไมนักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติเช็กมากกว่าร้อยละ 70 ถึงเกิดในเดือนมกราคม-มีนาคนเท่านั้น

ทำไมบรรดานักกฎหมายระดับแนวหน้าในนิวยอร์กส่วนใหญ่ถึงมาจากครอบครัวที่ทำงานตัดเย็บเสื้อผ้า

คุณจะได้รู้ว่าบิล เกตส์ วงเดอะบีเทิลส์ สตีฟ จ็อบส์ เหมือนกันตรงไหน

ทำไมเด็กอัจฉริยะที่มีไอคิวสูงกว่าไอคิวถึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีชีวิตล้มเหลว

แกลดเวลล์จะมีข้อมูลที่สร้างความประหลาดใจให้คนอ่านได้ตลอดเวลา

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:27 am
โดย aura
ในตอนที่ 2 จะเกี่ยวกับ มรดก ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา ผมคิดว่าแกลดเวลล์เขียนเนื้อหาในส่วนนี้ได้น่าอัศจรรย์และสนุกมาก ๆ ไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาถึงเป็นหนึ่งในนักเขียนมือทองที่มีคนเฝ้าติดตามผลงานมากที่สุด ผมว่ามีนักเขียน non-fiction ไม่กี่คนหรอกครับที่เขียนหนังสือแนวให้ความรู้ได้อย่างน่าติดตามขนาดนี้

คุณจะได้ฟังเทปบันทึกเสียงของสายการบินโคเรียน แอร์ ที่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนั้นมีเครื่องบินตกปีละ 2-3 ครั้ง แต่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสายการบินที่มีความปลอดภัยที่สุดในโลก สงสัยใช่ไหมครับว่าคนเกาหลีปฏิวัติตัวเองอย่างไร และอะไรทำให้เครื่องบินตกบ่อยขนาดนั้น รับประกันว่าไม่ใช่สาเหตุที่คุณกำลังคิดอยู่แน่ ๆ

นอกจากนี้แกลดเวลล์ยังพาไปประเทศจีน เพื่อค้นหาคำตอบว่าทำไมคนจีนถึงเรียนเลขเก่งกว่าคนอเมริกันมากนัก ผมว่านี่คือบทที่แกลดเวลล์เขียนได้สนุกที่สุด หนึ่งในสาเหตุก็คือ เพราะคนจีนทำนา ส่วนคนอเมริกันทำไร่ ถ้าอยากรู้ว่าทำไม ลองอ่านดูครับ

แล้วในบทนี้ ยังมีเรื่องของการจำตัวเลขด้วย ลองดูตัวเลขชุดนี้นะครับ 4, 8, 5, 3, 9, 7, 6

ให้อ่านออกเสียงดัง ๆ แล้วเงยหน้าขึ้น ใช้เวลา 20 วินาทีเพื่อจดจำตัวเลขทั้งชุดนี้ แล้วพูดตัวเลขทั้งหมดออกมาอีกครั้ง ทายสิครับว่ามีโอกาสเท่าไหร่ที่คนอเมริกันจะพูดตัวเลขทั้งหมดออกมาได้ถูกต้อง

...ไม่มากอย่างที่คุณคิดแน่ ๆ และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ฝรั่งเรียนเลขสู้คนจีน (รวมถึงคนไทย) ไม่ได้

แล้วก็มีบทที่เกี่ยวกับการเรียนที่โรงเรียน คุณคิดว่าเด็กที่มีฐานะยากจนกับเด็กที่มีฐานะยากจน ใครมีผลการเรียนที่โรงเรียนดีกว่ากัน นี่เป็นอีกบทที่แกลดเวลล์จะเซอร์ไพรส์คุณ

ในบทนี้ ถ้าผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายด้านการศึกษาของประเทศได้อ่าน ผมคิดว่าลูกหลานของเราคงได้ประโยชน์อย่างอเนกอนันต์เลยทีเดียว

สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากอ่านหนังสือที่ทั้งให้ความรู้และอ่านสนุก อย่าพลาดเล่มนี้

เงิน 220 บาท 318 หน้า คุ้มค่าจริง ๆ ครับ

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 10:51 am
โดย WEB
ตอนหนังสือเล่มนี้ออกใหม่ๆในปีที่แล้ว  ผมไม่ซื้อ
เพราะผมมีหนังสือค้างอ่านอยู่ที่บ้านเยอะมาก  
ผมอาศัยไปยืนอ่านในร้าน ก็คิดว่าได้แนวคิดแล้ว
ไม่ต้องอ่านทั้งเล่มก็ได้  พอมาปีนี้ มีฉบับเล่มเล็กออกมา
ราคาไม่ถึง 300 บาท ผมก็เลยซื้อมา  ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องอ่านทันที แต่พอได้อ่าน กลับอ่านต่อเนื่องจนจบ  ต้องยอมรับว่า
เป็นหนังสือที่อ่านสนุกที่สุดในปีนี้ของผมเลยทีเดียว

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 12:00 pm
โดย yoyo
อ่านแบบย่อยจากพี่ aura แล้วอยากอ่านตัวเต็มจริงๆ ขอบคุณครับที่มาแนะนำหนังสือดีๆ

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 12:15 pm
โดย Basketman
อ้า...ขอบคุณครับที่แนะนำหนังสือดีๆ
ได้หนังสือดีอ่านก่อนนอนอีกเล่นแล้ว...

สวัสดีครับพี่WEB หายไปนานเลยนะครับ  :8)

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:24 pm
โดย aura
ปล.เข้ามาแก้คำพิมพ์ผิดครับ (สงสัยจะพิมพ์ตอนดึกไป เลยพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก)

ใน #1 "ทำไมเด็กอัจฉริยะที่มีไอคิวสูงกว่าไอคิวถึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีชีวิตล้มเหลว"

แก้เป็น

"ทำไมเด็กอัจฉริยะที่มีไอคิวสูงกว่าไอน์สไตน์ถึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีชีวิตล้มเหลว"

ใน #2 "คุณคิดว่าเด็กที่มีฐานะยากจนกับเด็กที่มีฐานะยากจน ใครมีผลการเรียนที่โรงเรียนดีกว่า"

แก้เป็น

"คุณคิดว่าเด็กที่มีฐานะยากจนกับเด็กที่มีฐานะร่ำรวย ใครมีผลการเรียนที่โรงเรียนดีกว่า"


ปล. เห็นด้วยกับคุณ WEB ว่านี่เป็นหนึ่งในหนังสือที่สนุกที่สุดในปีนี้เลย สนุกกว่าเล่มนักสืบเศรษฐศาสตร์ของทิม ฮาร์ฟอร์ด เสียอีก (ผมว่าเล่มนั้นเยี่ยมแล้วนะเนี่ย)

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 2:14 pm
โดย Diablo
ท่าทางจะคล้ายๆ Freakonomics เศรษฐพิลึก นะครับ  :D

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 9:36 pm
โดย gradius173
เสียตังค์อีกแล้ว
ขอบคุณที่แนะนำ
จะพยายามอ่านให้จบมีหนังสืออ่านเหลือเป็นโหลเลยที่ต้องตามเก็บ

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 9:24 am
โดย aura
[quote="Diablo"]ท่าทางจะคล้ายๆ Freakonomics เศรษฐพิลึก นะครับ

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 5:41 pm
โดย Chitaro
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะไปซื้อหนังสืออะไร..แต่พอเดินไปเจอเล่มนี้ก็รู้สึกคุ้นๆเหมือนเห็นใน amazon ก้เลยลองเปิดอ่านดู...หลังจากนั้นเงินผมก็หายไปสองร้อยกว่าบาท :roll:

ปล.อ่านแล้วสนุกมากครับ

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 14, 2009 3:41 pm
โดย richreason
ขอบคุณครับสำหรับ audio book คัยช่วย mirror host .นไทยได้มั้ยครับ ผมโหลด rapidshare ไม่ได้

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 15, 2009 1:47 pm
โดย linden
ซื้อมาอ่านแล้วครับ ทึ่งในความคิดของคนเขียนจริงๆ ไม่รู้ใช้อะไรคิด อ่านแล้วได้ความรู้และประเทืองปัญญามากครับ

ฉบับแปล แปลได้ไหลลื่นดีมากครับ  :P  :P

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 17, 2009 9:03 am
โดย picatos
อย่างงี้ต้องลองซะแล้ว...

:D

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 17, 2009 9:35 am
โดย IWILLBEVI
ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะรีบไปสอยมาอ่านเหมือนกัน  :D

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 17, 2009 9:28 pm
โดย bsuntaku
อ่านไปครึ่งเล่มแล้ว ok มันส์มาก ขอบอก เป็นอะไรที่เราคิดไม่ถึงว่ามันสัมพันธ์กันได้ 5555 :roll:

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 24, 2009 7:03 pm
โดย banla
น่าสนใจมากครับ

ที่บีทูเอสมีขายไหมครับ

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 26, 2009 8:55 am
โดย nasesus
ซื้อมาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านเลยครับ ตอนนี้อ่านกุญแจ 5 ดอกอยู่ครับ พึ่งอ่านฉลาดรู้ทางการเงินจบไป เล่มต่อไปคงถึงคิวเล่มนี้แหละครับ เอ๊ะแต่เห็นหนังสือ การเงินแบบบัพเฟตออกมาใหม่ เลือกไม่ถูกอ่านเล่มไหนก่อนดี วันนึงอ่านได้แค่ประมาณ 50 หน้า ที่เหลือหนังสืออ่านผมทั้งคืนเลย

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 29, 2009 3:01 pm
โดย won71
ขอบคุณครับ ไปลูบๆ คลำๆ อยู่หลายครั้งยังไม่ได้ซื้อ สงสัยต้องไปซื้อซะทีแล้ว

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 31, 2009 3:19 pm
โดย jung_oh
อ่านเกือบจบเล่มแล้ว พอสรุปได้ว่า


คนขยัน  มุ่งมั่น อดทน รักงานที่ตัวเองทำ สู้ตาย จะเจริญ


ผู้แต่ง เค้าหามุมมาเขียนได้เก่งครับ อ่านสนุกดี

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 31, 2009 7:37 pm
โดย Alastor
อ่านได้ครึ่งเล่มสนุกมาเลยครับ ว่าจะเริ่มอ่าน CFA Level 2 แล้ว แต่ขี้เกียจสุดๆเลยครับ ขออ่านเล่มนี้ก่อนดีก่า

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 01, 2009 2:03 pm
โดย โอ@
อ่านแล้วจะได้รู้สึกว่าไม่มีใครด้อยกว่าใคร

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 02, 2009 8:35 pm
โดย naris
เดินผ่านไปรอบ ไม่หยิบ แต่รู้สึกว่าหน้าม้าในนี้เยอะมาก ต้องไปหามาอ่านสักเล่มแล้ว........ไม่รู้ได้เปอร์เซนต์จากคนเขียนเท่าไหร่กันเนี่ย.....เขียนเชียร์จัง :P

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 08, 2009 8:43 pm
โดย naris
ไปอ่านมาแล้ว ขอเป็นหน้ามาอีกคนครับ เปิดมุมมองใหม่ๆให้ผมหลายเรื่องทีเดียว :D

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 9:42 am
โดย ProjectSoul
เอามาฝาก จาก Bangkokbiznews ครับ :D

Malcolm Gladwell สัมฤทธิ์พิศวงของนักเขียนช่างคิด

โดย : นงค์ลักษณ์ เหล่าวอ [email protected]

รูปภาพ


เจ้าของผลงานขายดีของ The New Yorker ยาวนานถึง 28 สัปดาห์ และครองตำแหน่งหนังสือขายดีของ Business Week มากกว่าสองปี

จากความช่างคิด ช่างสงสัย ช่างสังเกต ช่างตั้งคำถาม จนพาไปสู่การค้นหาคำตอบตามตรรกะของความเป็นเหตุเป็นผล จากความน่าจะเป็นก็กลายเป็นคำตอบที่มีการพิสูจน์ออกมาจนกลายเป็นความน่า เชื่อ โดยอาศัยหลักการทำงานแบบงานวิชาการ ที่สามารถนำมาปฏิบัติเพื่อค้นหาคำตอบได้จริง ด้วยตรรกะเหล่านี้และอีกหลายตรรกะที่ทำให้ มัลคอล์ม แกลดเวลล์ (Malcolm Gladwell) พิสูจน์ออกมาได้ว่า เพียงเสี้ยววินาทีของบางสิ่งบางอย่าง ก็ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อโลก

ความสำเร็จใน The Tipping Point (2000) งานเขียนประเภท non-fiction แนวพัฒนาตนเองเล่มแรกของมัลคอล์ม มีประเด็นหลักบอกเอาไว้ว่ามนุษย์มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ และไม่ใช่แต่ทฤษฎีทางการตลาดเท่านั้น แต่ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมก็เป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดการไม่หยุดนิ่งในสังคม เมื่องานเขียนเล่มแรกออกมา ชีวิตอันสุดแสนธรรมดาของนักเขียนมาดเซอร์แห่ง The New Yorker ก็ก้าวกระโดดดังเป็นพลุ ต้องทำงานทั้งการเป็นนักเขียนและนักพูดที่ได้รับเชิญให้ไปพูดตามที่ต่างๆ มากมาย หนังสือเล่มนี้ยืนหยัดในตำแหน่งหนังสือขายดีของ The New Yorker ยาวนานถึง 28 สัปดาห์ และครองตำแหน่งหนังสือขายดีของ Business Week มากกว่าสองปี

แม้ยอดจำหน่ายจะมากมายขึ้นหลักหลายล้านเล่ม แต่มัลคอล์มกับออกปากว่า ต่อให้ขายดีอย่างไร หนังสือเล่มนี้ชาวอเมริกันก็อ่านกันน้อยกว่า 1% ของประชากรทั้งหมด แต่นักเขียนผู้นี้ไม่ได้ยี่หระกับจำนวนผู้อ่านที่คิดเป็นอัตราเปอร์เซ็นต์ ออกมา สำหรับเขาแล้วใครได้อ่านไม่สำคัญเท่ากับใครเอาสิ่งที่เขาคิดไปใช้งานอย่างไร เช่น โรนัลด์ รัมสเฟลด์ ใช้ทฤษฎีหลายอย่างใน The Tipping Point เพื่ออธิบายถึงการทำสงครามในอิรัก เป็นต้น

จากนั้นปี 2005 The Blink งานเขียนประเภทเดียวกับเล่มแรกก็พิมพ์ออกจำหน่าย ประเด็นของ The Blink คือการวิเคราะห์จิตใต้สำนึกของมนุษย์ว่าทำไมประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีตจึง ส่งผลต่อการตัดสินใจที่รวดเร็วฉับพลันกับเหตุการณ์ที่เกิดกับบุคคลนั้นใน ปัจจุบัน และในปีเดียวกับที่หนังสือวางตลาด  มัลคอล์มได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Time ให้เป็นหนึ่งในร้อยบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก และ Outliers : The Story of Success (2008-ผู้อ่านชาวไทยสามารถอ่านภาคภาษาไทยในชื่อ "สัมฤทธิ์พิศวง-ตีแผ่ 'ความสำเร็จ' ในมุมที่คุณคาดไม่ถึง" แปลโดย พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ,  วิโรจน์ ภัทรทีปกร  และวิญญู  กิ่งหิรัญวัฒนา  พิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น)

Outliers : The Story of Success ได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลายจากนักอ่านทั่วโลก มีการแปลออกมาถึง 40 ภาษา เนื้อหาในงานเขียนเล่มนี้ครองใจนักอ่านทั่วโลก เป็นเพราะการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อย่างชาญฉลาดของมัลคอล์ม โดยเขาพยายามค้นหาคำตอบในสิ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จสูงสุด

อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน, ทำไมเด็กอัจฉริยะจำนวนมากที่มีไอคิวสูงกว่าไอน์สไตน์ถึงเติบโตขึ้นมาเป็น ผู้ใหญ่ที่มีชีวิตล้มเหลว, บิล เกตส์ เหมือนกับวงดนตรีเดอะ บีเทิลส์ ตรงไหน, ทำไมนักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติเช็กมากกว่าร้อยละ 70 ถึงเกิดในเดือนมกราคมถึงมีนาคมเท่านั้น, เพราะอะไรบรรดานักกฎหมายชั้นนำในนิวยอร์กส่วนใหญ่ถึงมาจากครอบครัวที่ทำงาน ตัดเย็บเสื้อผ้า, การมาจากครอบครัวที่ทำนาปลูกข้าวทำให้นักเขียนจีนเรียนเลขเก่งกว่านักเรียน ตะวันตกได้อย่างไร, ทำไมอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ (รวบรวมข้อมูลตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณเมื่อหลายพันปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน) ร้อยละ 20 ถึงเป็นชาวอเมริกันที่เกิดห่างกันไม่เกิน 9 ปี ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้น

ซึ่งเป็นการตั้งคำถามที่ดูพิศวง แต่มัลคอล์มทำให้ทุกคำถามคลี่คลายได้อย่างสัมฤทธิผล ประเด็นที่เขาจุดประกายไว้ในหนังสือคือ สิ่งสำคัญอย่างที่สุดในการที่ทุกคนจะประสบความสำเร็จสูงสุดได้คือการฝึกซ้อม

การตั้งข้อสังเกตมากมายกลายเป็นเสน่ห์ในงานเขียนแนวพัฒนาตัวเองทั้งสาม เล่มของมัลคอล์ม คือ การที่เขาเขียนถึงเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ผู้คนคาดไม่ถึง แล้วใช้การทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์สังคมประกอบในการทำงาน และบ่อยครั้งที่เขาใช้หลักทฤษฎีของงานวิชาการด้านสังคมวิทยา, จิตวิทยา และจิตวิทยาสังคมมาช่วยในการวิเคราะห์ ทั้งที่มัลคอล์มไม่ชอบการเป็นนักวิชาการ

"พ่อของผมชื่อแกรแฮม แกลดเวลล์ เป็นนักวิชาการที่เกิดในเมืองเคนท์ พ่อสอนวิชาคณิตศาสตร์อยู่ที่ University of Waterloo ในแคนาดา ผมรู้สึกสบายๆ กับโลกนี้นะ แต่ผมก็ตระหนักดีว่าโลกนี้มันยุ่งยากซับซ้อนเพียงไหน เมื่อก่อนผมอยากเป็นนักวิชาการมาก ผมฝันแบบนี้อยู่ตั้งหลายปี จนค้นพบตัวเองว่าคงไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นนักวิชาการ และผมไม่อยากพบกับโศกนาฏกรรมทางวิชาการ นั่นก็คือการติดกับดักกำแพงวิชาการ ที่ต้องอยู่กับทฤษฎีมากมาย ผมจึงเลิกคิดที่จะเป็นนักวิชาการ ผมโตมาในครอบครัวที่พ่อเป็นนักวิชาการเต็มขั้น ทำให้เห็นว่าเป็นงานที่หนักและน่าเบื่อ ส่วนแม่ของผมเป็นชาวจาไมกา เป็นนักจิตวิทยาบำบัดและเขียนหนังสือชื่อ Brown Face, Big Master หนังสือพิมพ์เมื่อปี 1972 และพิมพ์ซ้ำไปเมื่อปี 2002 ผมชอบงานเขียนเล่มนี้ของแม่มาก และเป็นหนังสือที่ผมชอบมากที่สุด แม่คือต้นแบบที่ทำให้ผมอยากเป็นนักเขียน

ผมเกิดที่อังกฤษและมาโตที่แคนาดา เติบโตมาในฟาร์มปศุสัตว์ ไร่ข้าวโพด ผมไปโรงเรียน พอตกเย็นหลังเลิกเรียนผมต้องช่วยงานในฟาร์มของที่บ้าน ผมเชื่อเสมอว่าความสำเร็จของคนอยู่ที่การขวนขวายและใฝ่เรียนรู้ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เกิดมามีฐานะร่ำรวย การหมั่นหาความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผมเป็นคนที่มานะบากบั่นมาตั้งแต่เด็ก ชอบการแข่งขัน เคยเป็นนักวิ่งของโรงเรียนและวิ่งได้อันดับสอง ผมมีเพื่อนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะและพวกเขาก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ดังๆ ส่วนผมเรียนด้านประวัติศาสตร์ที่ University of Toronto's Trinity College พอเรียนจบทำงาน ผมจึงได้โอกาสในการเรียนรู้เรื่องธุรกิจจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจ The Washington Post ที่ผมทำงานให้"

มัลคอล์มเริ่มต้นการทำงานที่ The American Spectator นิตยสารรายเดือนของกลุ่มอนุรักษนิยม และทำหน้าที่นักเขียนแนววิทยาศาสตร์ให้กับนิตยสารเล่มนี้ตั้งแต่ปี 1987-1996 จากนั้นมาทำงานให้กับ The Washington Post และปัจจุบันเขียนบทความให้กับ The New Yorker โดยงานเขียนเล่มแรกของเขาเป็นผลพวงมาจากบทความชื่อ The Tipping Point ที่ไปเตะตาเอเยนซีรายหนึ่งเข้า จึงเสนอให้เขาเขียนเพื่อจัดพิมพ์เป็นเล่ม จนมียอดจำหน่ายสูงกว่าที่คาดเอาไว้

"ผมตกหลุมรักการเล่าเรื่องแบบในงานเขียนทั้งสามเล่ม เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมทำให้คนอ่านรักในสิ่งที่ผมเล่า ผู้อ่านก็จะติดตามและอยากรู้ไปพร้อมๆ กับผมเช่นกัน งานเขียนแบบนี้มีเสน่ห์กว่านวนิยายตรงที่มันมีข้อมูลทางสถิติมารองรับให้ เกิดความน่าเชื่อถือ ประเด็นที่ผมต้องการนำเสนอใน Outliers อีกอย่างคือเรื่องชาวยิวที่อพยพเข้ามาอยู่ยังที่ต่างๆ และพวกเขาก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้ดีเด่อะไร ผมจึงอยากไขความลับและทำให้คนอ่านเข้าใจชาวยิว ถ้าพวกเราเข้าใจความลับที่ผมพาคุณไปค้นพบด้วยกัน พวกเราก็จะสามารถเข้าใจและช่วยคนเชื้อสายอื่นๆ ได้อีก

ตอนเป็นเด็กผมคิดเสมอว่าผมเหมือนอยู่ในเปลือกหอย ไม่มีใครนอกจากพ่อแม่และเพื่อนไม่กี่คน ตอนนั้นเทอร์รี่ซึ่งเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผม บอกกับผมว่าโลกเป็นรูปแบบหนึ่งของระบบที่เราสามารถตักตวงผลประโยชน์เอาจาก โลกได้ในรูปแบบที่มันจะบังเกิดผลให้กับเรา จากนั้นผมก็รู้ว่าผลงานอันน่าทึ่งเกิดขึ้นจากมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นบารัก โอบามา ดอริส เลสซิ่ง กอร์ วิดัล แลร์รี่ เครเมอร์ เรื่องราวของบุคคลเหล่านี้ทำให้ผู้รับสารจัดกลุ่มให้พวกเขาเป็นคนนอก  และตัวผมเองก็จัดอยู่ในประเภทคนนอกเมื่อหลายปีมาแล้ว

ผมเป็นชาวอังกฤษซึ่งมาโตที่แคนาดา ไม่ใช่ทั้งคนขาวและคนดำ ผมเป็นคนสองเชื้อชาติที่ตกทอดมาจากพ่อและแม่ และผมก็เดินทางไปๆ มาๆ กับสิ่งที่ผมได้รับมาจากพ่อและแม่ ถ้าคุณคือส่วนผสมของขาวและดำ คุณไม่สามารถทำลายมันลงได้ บางทีคุณอาจสร้างกลุ่มของตัวเองขึ้นมาใหม่ เป็นกลุ่มที่สามซึ่งเรียกร้องต่อการมีตัวตนและการมีอยู่ของตัวเอง แม้หลายคนจะมองว่าคนผิวดำมีสถานภาพทางสังคมในระดับล่าง แต่ผมกลับมีทัศนคติเรื่องเชื้อชาติ สีผิวที่ต่างจากหลายคนเหล่านั้น" มัลคอล์ม กล่าว

งานเขียนแต่ละเล่มของมัลคอล์มมีวาระและนัยซ่อนเร้นเอาไว้ อย่างเล่มล่าสุด Outliers ที่พูดถึงพรสวรรค์อันพิศวงของบุคคล เพื่อชี้ให้เห็นว่าบุคคลที่เขานำมาเขียนไม่ใช่บุคคลที่ถูกมองข้ามหรือไร้ตัว ตน แต่สิ่งใดที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้กลายเป็นบุคคลที่สำคัญ และเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรกันที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ไม่ไร้ตัวตนและ เป็นบุคคลที่สำคัญในความรู้สึกและความคิดของเขา? มัลคอล์มนิ่งไปพักหนึ่งและตอบว่า...  

"ก็เพราะการที่ผมมีแม่เป็นชาวจาไมกา ที่แม้จะอยู่ที่ไหนแม่ก็ยังเป็นชาวจาไมกา คุณเกิดที่ไหนคุณก็จะมีความรู้สึกเป็นคนของที่นั่น ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ครอบงำและมีอิทธิพลต่อชีวิตของคุณ ดังนั้นงานเขียนเล่มล่าสุดของผมจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวผม เข้าข่ายเรื่องส่วนตัว ประเด็นของงานเขียนก็เอามาจากชีวิตของผมเอง ผมวิเคราะห์ชีวิตของแม่เพื่อลงในรายละเอียด ว่าอะไรบ้างที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของแม่"

สำหรับโลกธุรกิจ มัลคอล์ม แกลดเวลล์ เป็น อีกคนที่น่าจับตามองของศตวรรษที่ 21 ด้วยบทบาทของสื่อและการไปปรากฏตัวเพื่อพูดตามที่ต่างๆ ในฐานะผู้ให้คำแนะนำเส้นทางสู่ความสำเร็จ

ส่วนสำหรับโลกของการเป็นนักเขียน คงต้องบอกว่ามัลคอล์ม แกลดเวลล์ เริ่มต้นจากการเป็นนักคิดที่ตามความคิดไปให้สุด  และสัมฤทธิ์ออกมาเป็นงานเขียนทั้งสามเล่ม ที่ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องพิศวง

http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%94.html

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 16, 2009 9:24 pm
โดย atsu
มาช่วยปั่นด้วยอีกคน  :lol:
สนุกดีครับ อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ
เริ่มรู้สึกว่าซื้อหนังสือตามที่แนะนำจากเวปเรานี่ คุ้มจริงๆ ซื้อตามมายังไม่เคยผิดหวังเลย
ต่อไปไม่ต้องหาเองแล้ว ลอกมันจากในเวปนี่แหละ  :lovl:


ไม่ทราบว่าหนังสือสองเล่มก่อนหน้าของ Malcolm Gladwell (The Tipping Point กับ The Blink)
มีแปลเป็นไทยรึเปล่าครับ  จะตามไปอ่านต่อ

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 16, 2009 10:59 pm
โดย Flashy
โอ้โห
มีแต่คอมเมนต์บวก
อย่างงี้ต้องซื้อให้ได้แล้ว(แต่ต้องสอบให้เสร็จก่อน T_T)

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 10:39 am
โดย atsu
Flashy เขียน:โอ้โห
มีแต่คอมเมนต์บวก
อย่างงี้ต้องซื้อให้ได้แล้ว(แต่ต้องสอบให้เสร็จก่อน T_T)
ดีที่เป็นแค่หนังสือนะครับ เพราะถ้าเป็นหุ้นผมว่าก็ใกล้ดอยเต็มที่แล้วครับ  :lovl:

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 12:46 pm
โดย naris
[quote="atsu"]
ไม่ทราบว่าหนังสือสองเล่มก่อนหน้าของ Malcolm Gladwell (The Tipping Point กับ The Blink)
มีแปลเป็นไทยรึเปล่าครับ

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 8:01 pm
โดย SoLid_frOg
เก็บไว้เป็น wishlist ละกันครับ

จ่อคิวกองเรียงเป็นตั้งเลยหนังสือตอนนี้

เวลาอ่านก็ไม่มาก  :cry:

แนะนำหนังสือ Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 6:27 pm
โดย aura
อ่านเจอมาใน post today ครับ

จะมีการเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ตามรายละเอียดข้างล่าง ใครสนใจเชิญได้ครับ


ขอเชิญร่วมงานเปิดตัวหนังสือ Outliers : The Story of Success หนังสือขายดีในต่างประเทศ โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น เปิดมุมมองทางความคิดที่จะทำให้คุณต้องประหลาดใจว่าทำไมคนฉลาดบางคนจึงประสบความสำเร็จ แต่บางคนกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น รวมทั้งการเสวนาโต๊ะกลม เปิดปมคิด สัมฤทธิ์พิศวง : ไขปริศนาความสำเร็จ ในมุมที่คุณคาดไม่ถึง กับ 3 คนดัง นักวิชาการ นักคิด นักเขียน ศิลปินแถวหน้าของเมืองไทย อาทิ

- ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังและอดีต รมช.ศึกษาธิการ
- ฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้แต่งหนังสือยอดนิยม เข็มทิศชีวิต
- วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักเขียนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง

พบกันวันพุธที่ 30 ก.ย. 2552 เวลา 14.0016.00 น. ณ ร้านบีทูเอส เซ็นทรัลเวิลด์ ...พลาดแล้วจะเสียใจ เพราะนั่นหมายถึงคุณอาจพลาดช่วงเวลาสำคัญที่เปิดมุมมองสู่ความสำเร็จในอนาคตก็เป็นได้ รับรองงานนี้คุณจะได้แง่คิดดีๆ กลับไปแน่นอน


http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=68289