Thai VI

คุณ มิ่งขวัญ มีคำถามผ่าน PM มาที่ผม และผมก็ได้ตอบให้เธอไปแล้ว แต่เห็นว่าเป็นคำถามที่ดี อยากให้พี่ผู้อวุโส ช่วยกันอธิบายในแนวที่ตนเองคิด จะได้หลากหลายขึ้นครับ

หลังจากที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับ Value investment จุดประสงค์ของการลงทุนแบบนี้คือ การลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานกิจการที่มีกำไรแบบสม่ำเสมอ และถือหุ้นนั้นในเวลาที่ยาวนาน จนหุ้นพวกนั้นมีมูลค่าในตลาดที่สูงขึ้นมากแต่ก้อเก็บไว้ไม่ขาย ได้ปันผลคือผลประโยชน์ จากหุ้น Value

แต่ดิฉันข้องใจมากเลยค่ะ การถือหุ้นไว้เป็นระยะเวลานานโดยไม่มีการซื้อขายเลย จะทำให้เราได้ผลประโยชน์อะไรบ้างจากหุ้นพวกนี้ นอกจากการปันผล
อาจจะเป็นคำถามที่ ไม่มีสาระเท่าไหร่นะคะ แต่อยากทราบจริงๆ รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ

ผมขอคุณมิ่งขวัญแล้ว และเธอก็อนุณาติแล้วครับ ส่วนคำตอบผมจะpostที่หลังครับ ขอของคนอื่นก่อนนะครับ

สำหรับผม ได้หลักประกันครับ

เพิ่งจะมาเข้าใจว่าทำไมพวกฝรั่งถึงเรียกหุ้นประเภทต่างๆรวมกันว่า Security เพราะถ้าเราถือไว้ มันจะให้หลักประกันและความสบายใจในชีวิต

ตอนทำงานให้คนอื่น ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะตกงาน ถ้าเกิดมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเรา หรือมีเหตุให้ไม่สามารถทำงานต่อได้ ใครจะจ่ายค่านมค่าเล่าเรียนลูก

ประกันชีวิตหรือประกันภัยก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด

ถ้าเราถือหุ้นบริษัทที่มั่นคงหลายๆบริษัท แต่ละบริษัทสามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นทุกปี เราก็ได้สบายใจได้ว่า ต่อให้ไม่ทำอะไรเลย เราก็ยังได้เงินปันผลไปเรื่อยๆ และถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจริงๆ ก็ยังสามารถขายหุ้นบางส่วน นำเงินมาใช้ได้

อีกนานครับกว่าผมจะเป็นอิสระจากเงิน แต่ถ้าไม่เริ่มซะทีเมื่อไหร่จะได้ คิดๆดูก็อิจฉาพวกเด็กรุ่นใหม่อย่าง Genie นะครับ รู้จักลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ ผมตั้งเป้าจะ retire ใน 21 ปีจากนี้ ถ้า Genie ทำเหมือนกันก็จะ retire ได้ก่อน 50 ตั้งหลายปี ของผม โน่น 60 มั้ง

กระทู้นี้น่าสนใจครับ จริงๆ แล้ว ถ้ามองการลงทุนหุ้นเหมือนเป็นการ "ร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ" ซิครับ

การจ่ายเงินปันผล ก็เป็นการที่เราลงทุนในธุระกิจแต่ละชนิด แต่ละกิจการ ผลตอบแทนที่ได้ก็อยู่ในรูปของเงินปันผล ขณะเดียวกัน หากกิจการเราดีเจริญรุ่งเรือง มูลค่าของหุ้นก็สูงขึ้น ผลตอบแทนก็อยู่ในรูบของ capital gain ไงครับ

การร่วมเป็นเจ้ากิจการในลักษณะนี้ ถึงแม้มีข้อจำกัดอยู่บ้างในแง่ของการร่วมบริหารกิจการ ผลตอบแทน และ อื่นๆ แต่ก็มีข้อดีอยู่อย่างมากๆ ถ้ามีโอกาสจะแชร์ในฟังมากกว่านี้ครับ

ความจริงแล้ว สำหรับคนที่ไม่ได้มีกิจการส่วนตัวที่สร้างไว้สำหรับคนรุ่นหลัง ก็สามารถมองการเข้าร่วมธุรกิจ เป็นกิจการที่เราสร้างไว้สำหรับเขาเหล่านั้นได้ครับ หากเป็นธุรกิจที่คนคิดว่า solid มากๆ คุณสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจในสัดส่วนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ได้

ดังนั้นการตัดสินใจร่วมลงทุน ร่วมเป็นเจ้าธุรกิจ จะต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบในธุรกิจนั้นๆ หากเราคิดว่าธุรกิจนั้นมีศักยภาพ มีผู้บริหารดี อยู่คู่ประเทศไทยไปตลอด ลงทุนไปเถอะครับ ระยะยาวราคาของหุ้น ราคาองธุรกิจ ก็จะสะท้อนออกมาเองครับ

ผมเป็นหุ้นส่วนธุรกิจอยู่ 4-5 กิจการที่คิดว่าจะเพิ่มสัดส่วนไปเรื่อยๆ แล้วคุณละครับมีกิจการที่จะไปร่วมเป็นหุ้นส่วน หรือสร้างไว้ให้ลูกหลานคุณในอนาคตหรือยัง

ผมมองว่ามันเป็นการออมอย่างหนึ่งครับ ผลตอบแทนที่ได้จากเงินปันผลในระยะยาวน่าจะสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ผมใช้วิธีคิดว่าแทนที่จะเอาเงินฝากแบงค์ก็เอามาฝากหุ้นแทน ซึ่งผลตอบแทนเท่านี้ผมพอใจแล้ว แล้วก็ได้ capital gain เป็นกำไรเพิ่ม บวกกับความมั่นคงและความภูมิใจที่เราเลือกหุ้นไม่ผิด เป็นเจ้าของกิจการที่ดีครับ

เห็นไหมครับคุณมิ่งขวัญ คำถามของคุณน่าสนใจและมีประโยชน์มาก ถามมากอีกครับ สงสัยตรงไหนถามมาเลย พวกเรารอแบ่งปันความรู้สู่กัน ครับ ที่ว่านี้รวมเพื่อนทุกคนด้วยนะครับ

ความเห็น/แนะนำทุกอันข้างบนจริง ๆ ได้ประโยชน์จริง ๆ โดยเฉพาะคำว่า Securities นี่ ... เห็นด้วยกับที่มาของคำนี้จริง ๆ

^____^ (ยิ้มปากกว้าง)

โดยเงื่อนไขที่ว่า หุ้นที่เลือก ต้องเป็น "หุ้นที่ดี" จะได้ถือยาว แบบกินได้นอนหลับ

มือใหม่ที่มือด้านแล้วก็ยังนี้แหละ ประสบการณ์สูงส่งแต่ยังคงบอกว่าใหม่

ผมชอบความหมายของคำว่าsecuritiesจริงๆเลย คมมากครับพี่

สำหรับผมได้ร่วมทำกิจการ ที่เรารักเราชอบ
เราเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่ถือหุ้นอยู่
เป็นสุขใจ เมื่อกิจการมั่นคง เจริญก้าวหน้า
มีความภาคภูมิใจ และเป็นสุขใจ
กับผลที่ได้แบ่งกำไรกลับมา
ในรูปของเงินปันผลครับ :lol:

ตัวผมเองหลังจากได้รู้จักและสัมผัสกับการเป็นหุ้นส่วน(ด้วยการซื้อหุ้น) ผมรู้สึกภูมิใจและมั่นใจตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมที่เป็นลูกจ้างอย่างเดียว ผมว่านี่ก็คือสิ่งที่เราได้จากการเป็น VI ในส่วนปันผลผมมีคำถาม (ผมเพิ่งเคยได้รับแค่ครั้งเดียว) ว่าถ้าราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น 30% จากปีก่อนจะทำให้ปันผลเพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วยหรือไม่ครับ เพราะผมคิดว่าถ้าเราถือหุ้นตัวที่เติบโตไปเรื่อยๆจะทำให้เราได้ปันผลที่มากขึ้นเรื่อยๆด้วยถูกต้องมั้ยครับ

ถ้าราคาหุ้นที่ขึ้นนั้นมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท และบริษัทต้องการเงินลงทุนไม่มากมายนัก เราก็อาจมีปันผลเพิ่มครับ ขึ้นอยู่กับว่า บริษัทจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้ดีแค่ไหน

ได้รู้จักและได้ความรู้จากเพื่อนดีๆที่ร่วมถือหุ้นตัวเดียวกับเราครับ  :D

สบายใจ เติบโตมั่นคง เศรษฐกิจไม่ดี หุ้นลงก็แค่ชั่วคราว สุดท้ายก็กลับมาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ปันผลจากที่เคยได้ 4-5% จากเงินลงทุน ก็ค่อยๆ เพิ่ม จนกลายเป็นปันผลเกือบ 10% ของเงินที่เคยลงทุนในตอนแรก

เคยปรับพอร์ทไป หุ้นเล่นรอบ หุ้นเล่นข่าวรายไตรมาส แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ต้องคอยตามข่าวตลอด กลัวจะตกข่าว แล้วจะ ขาย/ซื้อเพิ่ม ไม่ทัน ยิ่งถือยิ่งไม่สบายใจ สุดท้ายก็กลับมาที่หุ้นพื้นฐานที่เราเข้าใจ ถือยาวๆ สบายใจกว่า มีเวลาทำงานอย่างอื่นมากขึ้น

ฝากอีกอย่าง ถ้าบริษัทโตได้ 20-30% จริง เงินจากตลาดปลอดดอก ก็ไม่ค่อยจำเป็น กู้เงินมาถอนบริษัทออกจากตลาด เสียดอกไม่ถึง 10% ไม่ดีกว่าหรือ

มาร่วมรับฟังด้วยคน ครับ  :D  :D

ได้นำแนวคิดแบบ value invester ไปใช้ในชีวิตประจำวันครับ

พอถึงจุดจุดหนึ่ง ดอกผลที่เราได้รับจากการที่เราไปลงทุนไว้ จะสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นอย่างมาก โดยที่เราไม่ต้องใช้แรงงานไปแลกอีกต่อไป ครับ

นี่คือ Value Investment ในความหมายของผม    ...

มีคำถามเพิ่มเติมครับ  

ในกรณีที่ราคาหุ้นมันพุ่งขึ้นไปเกินราคาที่แท้จริงมากๆ คิดว่าควรจะขายหรือไม่ครับ ในหลักการของ vi

ตามความเป็นจริงก็คือ น่าจะขายแล้วกลับมาซื้อ
เอาจำนวนหุ้นเพิ่ม ตอนราคามันตกลงมาราวๆ ราคาแท้จริงอย่างนี้หรือเปล่าครับ

[quote="jung_dalglish"]มีคำถามเพิ่มเติมครับ

1. แล้ว VI มีเป้าหมายมั๊ยครับ เช่นซื้อที่ 20 ตั้งเป้า 80 แล้วจะขาย
2. หรือถ้าไม่มีเป้า ซื้อ 20  แล้วมันขึ้นไปจน 80 หล่ะครับ จะขายมั๊ยครับ (พื้นฐานยังดีเหมือนเดิม ราคา BV 30)
3. หรือ ถ้าพื้นฐานยังดีเหมือนเดิม แต่เจอเศษฐกิจแบบปัจจุบัน ราคา 80 บาท มีแนวโน้มลงเรื่อยๆ เช่นที่เจอกันปัจจุบันนี้ จะขายแล้วมารอรับใหม่มั๊ยครับ
4. ถ้าจะต้องขาย ขายหมดเลยมั๊ยครับ
อยากรู้ว่า VI ทำอย่างไร ในกรณีแบบนี้  ขอบคุณมากครับ

[quote="awev"]1. แล้ว VI มีเป้าหมายมั๊ยครับ เช่นซื้อที่ 20 ตั้งเป้า 80 แล้วจะขาย
2. หรือถ้าไม่มีเป้า ซื้อ 20

[quote"awev"]
1. แล้ว VI มีเป้าหมายมั๊ยครับ เช่นซื้อที่ 20 ตั้งเป้า 80 แล้วจะขาย
2. หรือถ้าไม่มีเป้า ซื้อ 20  แล้วมันขึ้นไปจน 80 หล่ะครับ จะขายมั๊ยครับ (พื้นฐานยังดีเหมือนเดิม ราคา BV 30)
3. หรือ ถ้าพื้นฐานยังดีเหมือนเดิม แต่เจอเศษฐกิจแบบปัจจุบัน ราคา 80 บาท มีแนวโน้มลงเรื่อยๆ เช่นที่เจอกันปัจจุบันนี้ จะขายแล้วมารอรับใหม่มั๊ยครับ
4. ถ้าจะต้องขาย ขายหมดเลยมั๊ยครับ
อยากรู้ว่า VI ทำอย่างไร ในกรณีแบบนี้  ขอบคุณมากครับ[/quote]

ขอแจมด้วยคนครับ

ข้อ 1
ผมว่าขึ้นอยู่กับแนวทางของ VI แต่ละท่านนะครับ
แต่จริงๆผมว่าหลักการคือการลงทุนในหุ้นของกิจการที่มูลค่าต่ำกว่า
มูลค่าที่แท้จริงของกิจการนั้น ท้งนี้ถ้าเราซื้อ ที่ 20 บาทแต่มูลค่ากิจการ 50 บาท
เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องขายก็ได้ถึงแม้จะขึ้นไป 80 บาท เพราะเรายังถือว่า
เราซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าของกิจการ

ข้อ 2
คำตอบคล้ายๆข้อแรกครับ

ข้อ 3
สำหรับผมไม่ขายนะครับ เพราะผมไมู่รู้ว่ามันจะลงไปอีกไหม
เพราะพรุ่งนี้อาจจะมีข่าวว่าเศรษฐกิจอเมริกาฟื้น หุ้นขึ้น10 %
หรืออาจจะมีข่าวว่าเศรษฐกิจอเมริกาเจ๊ง หุ้นลง 10 %
ซึ่งผมก้คาดการณ์ไม่ได้
ดังนั้นถ้าผมมั่นใจว่าซื้อต่ำกว่าููมูลค่าที่แท้จริงแล้ว
ผมจะถือไว้ครับ

้ข้อ 4
ถ้ากิจการไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไ้ว้หรือพื้นฐานเปลี่ยนไป
ผมขายหมดครับ

หวังว่าจะพอตอบคำถามได้นะครับ

[quote="awev"]1. แล้ว VI มีเป้าหมายมั๊ยครับ เช่นซื้อที่ 20 ตั้งเป้า 80 แล้วจะขาย
2. หรือถ้าไม่มีเป้า ซื้อ 20

ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆครับ

ผมชอบคำตอบที่อยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันมาก เพราะที่เคยอ่านมาก่อนหน้านั้น คนส่วนมากซื้อหุ้นกันในช่วงขาขึ้นเลยมีกำไรกัน

ขอบคุณครับ สำหรับความรู้เพียวๆ แบบนี้

VI คือ ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างที่ควรจะเป็นของบริษัท

 ขอสอบถามหน่อยครับว่ามูลค่าที่แท้จริงคืออะไรครับ  แบบว่าอ่อนประสพการณ์มากๆ

ลองอ่านกระทู้

"คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ"
ใน ห้อง value investing ดูคับ

ผมก็ยังพยายามอ่านอยู่

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=1250

ลืมลิ้งครับ

ความเสี่ยงน่าจะต่ำนะครับในระยะยาว ถ้าเราเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ก้อจะได้เก็บเกี่ยวผลจากมันเรื่อยๆ

จริงๆ ส่วนต่างราคาก็ได้นะครับแต่จะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่วูบวาบแบบ

พวกพี่ป. เค้า แต่ว่าถ้าระยะยาวพื้นฐานของบริษัทยังไม่เปลี่ยนดีขึ้นเรื่อยๆ

เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บแหล่ะครับ VI VS ย่อมเพิ่มขึ้นทุกวันหน้าใหม่ๆ ก็เข้ามาเยอะ

การลงทุนในหุ้น ไม่ต้องกลัวจะตกรถหรอกครับ มีรถมารับเราตลอด

อยู่ที่เราจะขึ้นหรือเปล่า แต่ต้องเลือกขึ้นให้ถูกเที่ยวด้วยนะครับ


ปล. ลงทุนในหุ้น เงินทองเรากินกัน ความสัมพันธืคงเดิมครับ

กลับมาอ่านกระทู้เก่าที่ทำให้เกิด พุทธิปัญญา เวลาในการซื้อขายสร้างเสริมประสบการณ์อย่างดี ทำให้ดวงตาเห็นธรรมว่า กิจการที่ดี เติบโตตามเวลาที่ผ่าน ราคาหุ้นก็ตามมาในไม่ช้า ผู้ถือหุ้นก็มั่นใจไม่ร้อนรนกับราคาเหวี่ยงไปมา