Thai VI

Warren Buffett ให้สัมภาษณ์กับ Adam Smith ในปี 1988 ไว้ว่า "อะไร ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นได้ นักลงทุนไม่ควรเป็นกังวลกับมัน หากมีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดราคาโง่ ๆ ขึ้นในตลาด นักลงทุนสามารถที่จะฉกฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นนั้น ขณะที่ในช่วงเวลาอื่น ๆ ส่วนใหญ่ นักลงทุนไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับตลาดเลย ถ้าผมเป็นเกษตรกรและฟาร์มที่อยู่ถัดไปจากฟาร์มของผมมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันในราคาโง่ ๆ ผมจะไม่บอกกับตัวเองว่า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้าย สิ่งที่ผมจะทำก็คือ ถ้าผมมีเงินผมจะซื้อมันไว้ แต่ถ้าผมไม่มีเงิน ผมก็ได้แต่นั่งมองคนอื่นซื้อไป ก็เท่านั้นเอง สิ่งที่ผมจะไม่ทำเลยก็คือ การออกไปซื้อหนังสือพิมพ์มา 6 ฉบับเพื่อมาอ่านดูว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับฟาร์มของผม"

ฮ่า ฮ่า ฮ่า จี้จริงๆ

เรื่องจริงแต่คนส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจ ก็ทำใจไม่ได้

ไม่รู้เหมือนกัน ว่า ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่มีคนเข้าใจ แปลกจังเลย

ขอบคุณคุณ WEB ครับ

ดีครับ เป็นข้อคิดเตือนใจสำหรับนักลงทุน

คำตอบสำหรับคำถามของคุณ Jeng อาจจะเป็นอย่างที่ Seth Klarman Value investor ที่มีชื่อเสียงอีกท่านหนึ่งเคยเขียนไว้ครับ " การลงทุนแบบเน้นคุณค่าต้องอาศัยความขยัน, วินัยในระดับที่สูงกว่าปกติ และ การลงทุนแบบระยะยาว มีคนเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถและยินดีที่จะทุ่มเทเวลาและความพยายามเพื่อเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า และในกลุ่มคนที่พยายามและทุ่มเทแล้วก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีมุมมองและทัศนคติที่เหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จ "

1. กรอบการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ในการเลือกซื้อ/ขายหุ้น จะต้องทำการวิเคราะห์อะไรบ้างครับ ลำดับความสำคัญในการวิเคราะห์

2. อย่างใหนไม่เป็นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

3.มีกำหนดระยะเวลาการลงทุนด้วยหรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับ

ถ้าแนะนำว่าให้ซื้อหนังสือที่คุณเว็บแปลมาทั้งสองเล่มไปอ่านก่อน ผมจะโดนต่อว่าหรือไม่

ว่าทำไมไม่บอกมาเลย

คำตอบคือ นิยามมันกว้างครับ เพียงแต่เราสามารถหาแนวคิดทำนองนี้ได้จากบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เช่น วอเรน บัพเฟต และท่านอื่นๆ ซึ่งคุณเว็บก็ทยอยแปล มาอยู่แล้วครับ

ความคิดเห็น เขียน:1. กรอบการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ในการเลือกซื้อ/ขายหุ้น จะต้องทำการวิเคราะห์อะไรบ้างครับ ลำดับความสำคัญในการวิเคราะห์

2. อย่างใหนไม่เป็นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

3.มีกำหนดระยะเวลาการลงทุนด้วยหรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบมีอยู่แล้วในกระทู้ตระแกรงร่อน
ไม่ได้เชียร์กระทู้น่ะ แต่ลองหาอ่านดูครับ
มีแค่ 36 หน้าเอง

555

ขอบคุณพี่เจ๋งและพี่ VIB007 (ต้องขอโทษด้วยครับที่มาตอบช้า มัวตะไปทานข้าว)

เป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้วครับ

ส่วนที่ผมตั้งเป็นคำถามเพราะผมอยากให้พี่ๆ กรุณาสรุปให้ครับ

หนังสือแปล 2 เล่มแรก เนื้อหากล่าวเกี่ยวกับปรัชญาการลงทุนมากเกิน (น้ำมากกว่าเนื้อ) ด้วยนิสัยของผมเอง (ซึ่งเป็นข้อเสีย) คือ อยากได้หนังสือกึ่งทฤษฏีครับ ยกเหตุ และ อธิบายผล โดยไม่ต้องอุปมาไปเป็นอย่างอื่น

การอุปมาไปเป็นอย่างอื่น เช่น การเปรียบเทียบหุ้นเป็นไม้ดอก ไม้ผล ....แฮะ มะค่อยตรงกับอุปนิสัยอะครับ

กระทู้ตะแกรงร่อน การนำเสนอ มะค่อยตรงกับอุปนิสัยของผมอีกอะ เป็นกระทู้ที่ดีที่ค่อยๆ จับมือนักลงทุนสอน แต่อุปนิสัยของผมคืออยากได้ภาพมุมกว้างอะครับ

สุดท้าย ครับ.......ขอบคุณครับ

WEB เขียน:Warren Buffett ให้สัมภาษณ์กับ Adam Smith ในปี 1988 ไว้ว่า "อะไร ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นได้ นักลงทุนไม่ควรเป็นกังวลกับมัน หากมีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดราคาโง่ ๆ ขึ้นในตลาด นักลงทุนสามารถที่จะฉกฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นนั้น ขณะที่ในช่วงเวลาอื่น ๆ ส่วนใหญ่ นักลงทุนไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับตลาดเลย ถ้าผมเป็นเกษตรกรและฟาร์มที่อยู่ถัดไปจากฟาร์มของผมมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันในราคาโง่ ๆ ผมจะไม่บอกกับตัวเองว่า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้าย สิ่งที่ผมจะทำก็คือ ถ้าผมมีเงินผมจะซื้อมันไว้ แต่ถ้าผมไม่มีเงิน ผมก็ได้แต่นั่งมองคนอื่นซื้อไป ก็เท่านั้นเอง สิ่งที่ผมจะไม่ทำเลยก็คือ การออกไปซื้อหนังสือพิมพ์มา 6 ฉบับเพื่อมาอ่านดูว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับฟาร์มของผม"

คุยต่อนะครับ (หลายๆ มุม)

การยกข้อความบางส่วนมาก็มีผลดีคือได้ข้อสรุปที่รวดเร็ว แต่บางครั้งถ้ายกมาไม่ครบก็อาจทำให้คาดเดาได้หลายมุมมอง

โดยเฉพาะถ้ามีผู้มองในเชิงอคติ

เช่น
หากมีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดราคาโง่ ๆ ขึ้นในตลาด นักลงทุนสามารถที่จะฉกฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นนั้น

1.รอให้มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดราคาโง่ๆ ขึ้นในตลาด ก่อนและนักลงทุนค่อยเข้าซื้อ

2.ถ้านักลงทุนซื้อก่อนที่สถานการณ์ที่ทำให้เกิดราคาโง่ๆ ขึ้นในตลาดก่อน แสดงว่านักลงทุนนั้นโง่กว่า (ละไว้ในส่วนของไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต)

3.ไม่มีใครรู้ว่าจะมีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดราคาโง่ๆ

...

ขอบคุณครับ

ตรงๆ ครับ อยากให้แปลเล่มนี้ครับ

http://btobsearch.barnesandnoble.com/te ... XT=Y&itm=2

ผมก็ไม่รู้ว่าดีมากขนาดใหนนะครับ แต่น่าอ่านมากครับ (ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยแข็งแรงครับ)

อย่างน้อยผมอุดหนุน 1 เล่มครับ

จะขอชมคุณ WEB ครับ

คือ ผมเพิ่งอ่านหนังสือ บทเรียนจากนักลงทุนชั้นนำของโลก ที่คุณ WEB แปลครับ

แปลได้ดีมาก เนียนมากครับ ชื่นชมจริงๆ อยากให้แปลออกมาเยอะๆนะครับ เพราะแปลได้คุณภาพมากครับ ผมเป็นคนนึงที่ติดตามทุกเล่มครับ

ขอบคุณคุณคัดท้ายมากครับ กำลังใจแบบนี้ล่ะครับที่จะทำให้คนบ้ายออย่างผมนั่งแปลจนหัวฟูไม่ได้หลับไม่ได้นอนครับ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

ผมชอบ signature คุณ WEB ครับ

ที่คุณWEBยกมากล่าวนี่มีลิขสิทธิหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมจะขอเอาไปพิมพ์แจกไอ้พวกน้องๆ เพื่อนๆของผมที่มันชอบถามผมว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ซื้อตัวไหนดี ฯลฯ ผมจะได้ยื่นให้มันอ่านกันและจะเดินหนีเลย เบื่อสุดๆ

วันก่อนตาเต๊งมาถามว่า เอ็งคิดว่าหุ้นมันจะขึ้นหลังสงกรานต์ไหววะ ผมก็ตอบประโยคทองของผมนี่แหละว่า จะไปรู้ได้ไงวะ รู้ได้จริงก็รวยไปแล้วดิ เฮ้อ.....

วันนี้ผมได้ไปซื้อหนังสือแปลทั้งสามเล่มของคุณwebแล้ว ดีมากครับ แต่ยังไม่ได้อ่านจบ

ผมก็ชอบหนังสือที่คุณweb แปลครับ ซื้อทุกเล่ม อ่านจบแล้ว 2เล่ม หาหนังสือดีๆมาแปลอีกนะครับ ชอบครับ

ผมขออนุญาตขุดขึ้นมาให้อ่านกันอีกครั้งครับ อย่าลืมที่อาจารย์สอนครับว่า ให้ดูคุณค่าเทียบกับราคา ไม่ใช่ดูแต่ราคาอย่างเดียวครับ

36 หน้าบนเว็บ ประมาณ 500 หน้า A4 เท่านั้น อิอิ
-------------------------------------------------------

ใครอ่านบรรทัดบนแล้วมีความคิด
1.เยอะจะอ่านไหวหรือ
2."เท่านั้น"แซวกันหรือเปล่า

กรุณารีบไปอ่านโดยด่วน
------------------------
มิเช่นนั้นอาจ "เจอไม้งามเมื่อขวานบิ่น"

ขอขุดขึ้นมาให้อ่านกันอีกครั้งนะครับ  :D

[quote="WEB"]ขอขุดขึ้นมาให้อ่านกันอีกครั้งนะครับ

เหมาะสมครับท่าน WEB

เอ่อ ช่วงนี้ขุดของเก่ากันขึ้นมาเยอะแฮะ

พี่ ๆ ในนี้มี Emotional Support อยู่ตลอดเวลาเลย
ที่ชอบ ที่ยึด ที่อยู่ ที่นี่เพราะการแบ่งปัน และความจริงใจนี่แหละครับ  :D

   

   

ขอคารวะด้วยคน

ขออนุญาตนำไปโพสต์ที่เว็บ Settrade นะครับ

ผมอยากยกตัวอย่างนะครับ เกี่ยวกับความคิดนี้ สมมติว่าผมซื้อรถเบนซ์ C Class มาคันหนึ่ง ราคา 3 ล้านบาท โดยที่ผมวิเคราะห์โดยละเอียดแล้วว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายออกไป อยู่ๆ ไปสักพักเพื่อนผมไปซื้อมาเหมือนกันรุ่นเดียวกันแบบเดียวกัน แต่ซื้อในราคาครึ่งนึงของผม คือ 1.5 ล้าน สิ่งที่เกิดขึ้นกับความคิดของผมคือ ทำไมเราถึงซื้อแพงกว่า (วะ) ทำไมไม่รอซื้อตอนที่มันราคาแค่ 1.5 ล้าน พูดตรงๆ ก็คือ "อิจฉา" ครับ ที่เพื่อนสามารถซื้อในราคาที่ถูกกว่า สำหรับหุ้นผมคิดว่าเหมือนกันครับ เราคิดว่าซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม และบริษัทก็มีผลการดำเนินงานที่ดี แต่จู่ๆ ราคาหุ้นตกลงมาค่อนข้างเยอะ ผมเองก็ไม่ขายครับ แต่ผมจะอิจฉาคนที่ซื้อหุ้นได้ถูกว่าผม ซึ่งมันคอยรบกวนจิตใจเราตลอดเวลา สุดท้ายก็ต้องทำใจครับ

ตอนนี้ราคาโง่ๆเต็มตลาด...แต่ไม่ยักกะมีใครกล้าซื้อ...เพราะซื้อแล้วกลัวเจอโง่กว่า...เลยยอมโง่ขายในแบบราคาโง่...  :shock:  :shock:

Warren Buffett ให้สัมภาษณ์กับ Adam Smith ในปี 1988 ไว้ว่า "อะไร ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นได้ นักลงทุนไม่ควรเป็นกังวลกับมัน หากมีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดราคาโง่ ๆ ขึ้นในตลาด นักลงทุนสามารถที่จะฉกฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นนั้น ขณะที่ในช่วงเวลาอื่น ๆ ส่วนใหญ่ นักลงทุนไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับตลาดเลย ถ้าผมเป็นเกษตรกรและฟาร์มที่อยู่ถัดไปจากฟาร์มของผมมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันในราคาโง่ ๆ ผมจะไม่บอกกับตัวเองว่า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้าย สิ่งที่ผมจะทำก็คือ ถ้าผมมีเงินผมจะซื้อมันไว้ แต่ถ้าผมไม่มีเงิน ผมก็ได้แต่นั่งมองคนอื่นซื้อไป ก็เท่านั้นเอง สิ่งที่ผมจะไม่ทำเลยก็คือ การออกไปซื้อหนังสือพิมพ์มา 6 ฉบับเพื่อมาอ่านดูว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับฟาร์มของผม"

ชอบมากครับ

 :cheers:  :cheers:

เพราะว่าตอนหุ้นลงผมมีแต่หุ้น  

ผมไม่มีเงินซื้อเพิ่ม :lovl: