Thai VI

สวัสดีครับ ผมติดตามอ่านกระทู้ในเวบบอร์ดมานานพอสมควรและสนใจในเรื่องการลงทุนแบบVI คือ ตอนนี้ผมเรียนโทFinanceอยู่ต้องทำISและอยากทำเกี่ยวกับการลงทุนแบบVI แต่ยังคิดหัวข้อไม่ออกว่าจะมุ้งเน้นไปที่ส่วนไหนดีเลยอยากถามเพื่อนๆพี่ๆในนี้ว่ามีไอเดียหรือว่าข้อเสนอแนะอะไรกี่ยวกับหัวข้อการทำISบ้างมั้ยครับ

เรื่องเกี่ยวกับภาวะตลาดกับการลงทุนครับ
ทำไม VI ถึงไม่สนใจภาวะตลาด
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงต้องติดตามภาวะตลาดตลอด
ทำไมนักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญจะต้องพยายามคาดการภาวะตลาด
ทำไมผู้จัดการกองทุน หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน
ถึงไม่ค่อยลงทุนในหุ้น แต่กลับเลือกตราสารหนี้ ประกัน
ทั้งๆที่พวกเขามีความรู้ด้านการเงินมากที่สุด
และเป็นผู้แนะนำให้คนทั่วไปลงทุนในกองทุนต่างๆที่ลงทุนในหุ้น
ถ้าไม่อ้างเรื่องของจรรยาบรรณ
หวังว่าคงเป็นแนวทางได้บ้างนะครับ

ลองดูในส่วนของตัวแปรต้นที่กำหนดให้ ผลการดำเนินกิจการ หรือตัววัดทางการเงิน ส่งผลต่อตัวแปรตามคือราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นลง ว่าเป็นไปตามผลการดำเนินงานหรือไม่ ...ลองดูครับอาจไม่ตรง...แต่คิดว่าอาจมีวิธีตัวแปรอื่น ๆที่น่าจะสนใจ

อยากให้ทำเรื่อง การลงทุนโดยใช้ p/e กับ roa ลองไปหาอ่านใน lillte book that beats the market ดูครับ

อยากให้ทำเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผลประกอบการในอนาคตกับราคาหุ้นในปัจจุบันครับ โดยทำเทียบกับอนาคต 1 ปี 2 ปี 3 ปี (คงต้องทำจากข้อมุลในอดีต)

มั่นใจว่าราคาหุ้นจะตามผลประกอบการ แต่อยากเห็นตัวเลขชัดๆเหมือนกันครับ

1.)  Study VI philosophy from VI's  Guru around the world : Buffet / Lynch / Graham / Neff / etc...

2.)  Compare their investment methodology in pros and cons

3.)  Develop your own investment framework based on your study.

4.)  Test that developed framework in Thai's Stock Market reffering to Historical data ( stock prices vs company financial performance. )

การลงทุนแบบวีไอนั้นใช้ได้ผลจริงหรือไม่สำหรับตลาดทุนไทย แล้วได้ผลตอบแทนเท่าไร เมื่อเทียบกับดัชนีแล้ว มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ เพราะเรามักจะมองจากคนที่ชนะ เช่นวอร์เรน บัฟเฟต ดอกเตอร์นิเวศน์ พี่ลูกอิสาน แล้วก็คนที่ชนะอีกหลายๆคน แล้วถ้าหลักการวีไอชนะตลาดได้จริง จะมีวิธีการง่ายๆ อะไรบ้าง ที่คนธรรมดาสามารถนำไปใช้ได้ง่ายๆ เหมือน dollar cost average อะไรทำนองนี้นะครับ

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 7%A2%E9%CD

มะ มาโดนด้วยกัน

For me, course work 1.5 years and thesis 3.5 years. Total 5 years for finish Master.

In the end, I do other thing for living.

I mean you have time to think the topic you interested. Don't ask for topic, it's a shame for you.

ลองถามตัวคุณเองว่า ถ้าคุณจบ MS Finance ไปแล้ว จะไปทำงานอะไร
แล้วศึกษาดูว่า งานที่คุณฝันจะไปทำ เมื่อจบไปแล้ว เค้าใช้หลักการทำงานอะไรบ้าง

หัวข้อ IS คือ หลักการทางทฤษฏีที่ว่าเนี่ย ใช้ได้จริงในตลาดจริง หรือเปล่า

ที่ผมสงสัยก็เพราะ พวกนักวิเคราะห์ หลาย ๆ คนก็จบสูง ๆ กันมาทั้งนั้น
แต่เวลาทำงาน กลายเป็นว่า เอาทฤษฏีมาอธิบายเหตุที่เกิดขึ้นมาแล้วทุกที
ยากมาก ที่จะเห็นประเภทเทพ ๆ ที่เอาข้อมูลมาวิเคราะห์แล้วผลเกิดตามนั้นจริง  

ยิ่งพวกเป้าหมายราคาหุ้นเนี่ย ปรับกันจังเลย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวซื้อเดี๋ยวขาย
ขนาดจบ MS Finance กันทั้งนั้นนะเนี่ย !!

สนใจเรื่อง PE ครับ
อยากให้ทำเกี่ยวกับว่า สาเหตุอะไรทำให้ PE ของแต่ละบริษัทต่างกัน ตัวอย่างสิ่งที่น่าจะมีผลกับ PE
1. ประเภทธุรกิจ  ( แล้วทำไมต่างธุรกิจกัน ถึง PE ต่างกันหว่า )
2. การเติบโตของรายได้ หรือกำไร
3. ต้นทุนเงินลงทุน
4. ความคาดหวังของนักลงทุน
5. ความมั่นคง/เสี่ยงของธุรกิจ
6. อื่นๆ

แล้วทำไม LH กับ SPALI  สร้างบ้านเหมือนกันทำไม PE ต่างกันเยอะ