คลังสหรัฐเสนอกฏหมายให้อำนาจผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 8:33 am
คลังสหรัฐเสนอกฏหมายให้อำนาจผู้ถือหุ้น
กำหนดเงินเดือนผู้บริหาร--------------
วอชิงตัน คณะบริหารโอบามาแต่งตั้งเค็นเน็ธ เฟนเบิร์ก ทนายความที่เคยดูแลเรื่องค่าเสียหายให้กับเหยื่อของการโจมตีสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 เป็นผู้ดูแลค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงในบริษัทที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล นอกจากนี้ยังเสนอกฏหมายใหม่เพื่อให้ ผู้ถือหุ้นมีอำนาจมากขึ้นในการกำหนดเงินเดือนผู้บริหารและวางระเบียบควบคุมการจ่ายค่าตอบแทนในบริษัทที่ได้รับเงินภาษีของประชาชน
ตามระเบียบใหม่ เฟนเบิร์กจะควบคุมเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้บริหารระดับสูงของเจ็ดบริษัทที่ได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษจากรัฐบาล ซึ่งได้แก่ เจเนอรัล มอเตอร์ ซิตี้กรุ๊ป แบงก์ ออฟ อเมริกา ไครสเลอร์ เอไอจี จีแมค และ ไครสเลอร์ ไฟแนนเชียล
เฟนเบิร์กสามารถคัดค้านการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้บริหารที่อาวุโสสุด 5 คนในแต่ละบริษัทได้ และมีอำนาจคัดค้านการจ่ายค่าตอบแทน ให้กับพนักงานที่ได้รับผลตอบแทนมากที่สุด 20 คนถัดมาได้ด้วย หากเห็นว่ามากเกินไป
ธนาคารหลายแห่งไม่พอใจที่มีการควบคุมค่าตอบแทนพ่วงมากับการอัดฉีดเงินทุนที่พวกเขาได้รับจากรัฐบาล แต่ธนาคาร 10 แห่งจะเป็นอิสระจากการควบคุมนี้หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ชำระงินคืนแก่รัฐบาลได้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน ทิมโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐเรียกร้องให้สภาคองเกรส ให้อำนาจใหม่แก่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(เอสอีซี)ในการกำหนดขอบเขตในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้บริหาร
โดยกระทรวงการคลังสหรัฐต้องการให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฏหมายที่ให้อำนาจเอสอีซีบังคับบริษัทให้มหาชนทั้งหมดให้ผู้ถือหุ้นลงมติโดยไม่มีข้อผูกมัดต่อค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูง นอกจากนี้ยังต้องการให้เอสอีซีมีอำนาจทางกฏหมายเพื่อสร้างความมั่นใจว่าคณะกรรมการภายในที่ดูแลเรื่องค่าตอบแทนเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารมากขึ้น
ไกธ์เนอร์กล่าวว่า คณะบริหารสหรัฐตั้งใจที่จะไม่กำหนดเพดานในการจ่ายค่าตอบแทนแต่จะเชื่อมโยงค่าตอบแทนเข้ากับฐานะการเงินในระยะยาวของบริษัท ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
คาดว่าสภาคองเกรสอาจจะมีปฏิกิริยาด้วยความระแวงสงสัยต่อข้อเสนอของคณะบริหารบาร์นีย์ แฟรงก์ ประธานกรรมาธิการบริการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ข้อเสนอที่ให้คณะกรรมการค่าตอบแทนมีความเป็นอิสระมากขึ้น เป็นภาระกิจที่ไร้ผล
มีเสียงโจมตีว่า คณะกรรมการด้านค่าตอบแทนมักประกอบด้วยบุคคลที่มีภูมิหลังคล้ายกับผู้บริหารระดับสูงและมักเป็นคณะกรรมการตรายางที่อนุมัติให้มีการจ่ายค่าตอบแทนด้วยความใจดี
คณะบริหารสหรัฐได้กล่าวเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ว่าจะกำหนดเพดานเงินเดือนของผู้บริหารบริษัทที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลไว้ที่ 500,000 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนค่าชดเชยใดๆนอกเหนือจากนั้นจะต้องอยู่ในรูปหุ้นหรือโบนัสในระยะยาว แต่เจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่า แผนการดังกล่าวไม่เหมาะสม หลังจากที่สภาคองเกรสผ่านร่างกฏหมาย ซึ่งกำหนดให้เงินโบนัสมีสัดส่วนไม่เกินกว่าหนึ่งในสามของค่าตอบแทนของผู้บริหาร
วันที่ 12 มิ.ย. 2552 แสดงข่าวมาแล้ว -1วัน 12ช.ม. 5นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/gen ... ?cid=27924
กำหนดเงินเดือนผู้บริหาร--------------
วอชิงตัน คณะบริหารโอบามาแต่งตั้งเค็นเน็ธ เฟนเบิร์ก ทนายความที่เคยดูแลเรื่องค่าเสียหายให้กับเหยื่อของการโจมตีสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 เป็นผู้ดูแลค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงในบริษัทที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล นอกจากนี้ยังเสนอกฏหมายใหม่เพื่อให้ ผู้ถือหุ้นมีอำนาจมากขึ้นในการกำหนดเงินเดือนผู้บริหารและวางระเบียบควบคุมการจ่ายค่าตอบแทนในบริษัทที่ได้รับเงินภาษีของประชาชน
ตามระเบียบใหม่ เฟนเบิร์กจะควบคุมเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้บริหารระดับสูงของเจ็ดบริษัทที่ได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษจากรัฐบาล ซึ่งได้แก่ เจเนอรัล มอเตอร์ ซิตี้กรุ๊ป แบงก์ ออฟ อเมริกา ไครสเลอร์ เอไอจี จีแมค และ ไครสเลอร์ ไฟแนนเชียล
เฟนเบิร์กสามารถคัดค้านการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้บริหารที่อาวุโสสุด 5 คนในแต่ละบริษัทได้ และมีอำนาจคัดค้านการจ่ายค่าตอบแทน ให้กับพนักงานที่ได้รับผลตอบแทนมากที่สุด 20 คนถัดมาได้ด้วย หากเห็นว่ามากเกินไป
ธนาคารหลายแห่งไม่พอใจที่มีการควบคุมค่าตอบแทนพ่วงมากับการอัดฉีดเงินทุนที่พวกเขาได้รับจากรัฐบาล แต่ธนาคาร 10 แห่งจะเป็นอิสระจากการควบคุมนี้หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ชำระงินคืนแก่รัฐบาลได้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน ทิมโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐเรียกร้องให้สภาคองเกรส ให้อำนาจใหม่แก่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(เอสอีซี)ในการกำหนดขอบเขตในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้บริหาร
โดยกระทรวงการคลังสหรัฐต้องการให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฏหมายที่ให้อำนาจเอสอีซีบังคับบริษัทให้มหาชนทั้งหมดให้ผู้ถือหุ้นลงมติโดยไม่มีข้อผูกมัดต่อค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูง นอกจากนี้ยังต้องการให้เอสอีซีมีอำนาจทางกฏหมายเพื่อสร้างความมั่นใจว่าคณะกรรมการภายในที่ดูแลเรื่องค่าตอบแทนเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารมากขึ้น
ไกธ์เนอร์กล่าวว่า คณะบริหารสหรัฐตั้งใจที่จะไม่กำหนดเพดานในการจ่ายค่าตอบแทนแต่จะเชื่อมโยงค่าตอบแทนเข้ากับฐานะการเงินในระยะยาวของบริษัท ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
คาดว่าสภาคองเกรสอาจจะมีปฏิกิริยาด้วยความระแวงสงสัยต่อข้อเสนอของคณะบริหารบาร์นีย์ แฟรงก์ ประธานกรรมาธิการบริการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ข้อเสนอที่ให้คณะกรรมการค่าตอบแทนมีความเป็นอิสระมากขึ้น เป็นภาระกิจที่ไร้ผล
มีเสียงโจมตีว่า คณะกรรมการด้านค่าตอบแทนมักประกอบด้วยบุคคลที่มีภูมิหลังคล้ายกับผู้บริหารระดับสูงและมักเป็นคณะกรรมการตรายางที่อนุมัติให้มีการจ่ายค่าตอบแทนด้วยความใจดี
คณะบริหารสหรัฐได้กล่าวเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ว่าจะกำหนดเพดานเงินเดือนของผู้บริหารบริษัทที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลไว้ที่ 500,000 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนค่าชดเชยใดๆนอกเหนือจากนั้นจะต้องอยู่ในรูปหุ้นหรือโบนัสในระยะยาว แต่เจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่า แผนการดังกล่าวไม่เหมาะสม หลังจากที่สภาคองเกรสผ่านร่างกฏหมาย ซึ่งกำหนดให้เงินโบนัสมีสัดส่วนไม่เกินกว่าหนึ่งในสามของค่าตอบแทนของผู้บริหาร
วันที่ 12 มิ.ย. 2552 แสดงข่าวมาแล้ว -1วัน 12ช.ม. 5นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/gen ... ?cid=27924