Thai VI

โลกในมุมมองของ Value Investor

ขอบคุณครับ ไม่มี ดร นี่ไม่รู้จะทำไงนะเนี่ย  :oops:

เห็นด้วยอย่างแรง เจ้าประคู๋น ขอให้จริงดังที่ ดร ว่ามานะครับ  

นานๆอาจารย์ออกมาฟันธงซักครั้งนึง...ฮ่า...

ถ้ากระทิงตัวนี้มาจากป่าไทย ไม่ใช่ป่านอก  คงตัดเหตุผลออกไปได้หลายอย่างถึงสาเหตุที่จะทำให้หมีกลับมา  ยกเว้นพวกเราช่วยกันไล่กระทิงกลับเข้าป่า  ได้เห็นมุมมองดอกเตอร์ครั้งนี้ออกมายืนยันความคิดในใจของผม(ที่ไม่กล้าบอกใคร)  ก้ออดอมยิ้มเล็กๆไม่ได้  สงสัยคืนนี้นอนหลับฝันดี  โชคดีทุกคนครับ

อ่านแล้วรู้สึกดี ; )

ขอบคุณมากครับ  :D

ดอกเบี้ยตอนนี้ 1 %
PE ตอนนี้ 20 คิดแบบกำปั้นนทุบดิน 5 %

PE ตลาดจะขึ้น หรือดอกเบี้ยจะขึ้น

ท่าน ดร. ออกมาฟันธงอย่างนี้ ใครที่ตกรถ จะซื้อช่วงนี้ดี หรือรอพักฐานดีครับเนี่ย  :roll:

[quote="baby-investor"]ท่าน ดร. ออกมาฟันธงอย่างนี้ ใครที่ตกรถ จะซื้อช่วงนี้ดี หรือรอพักฐานดีครับเนี่ย

chode เขียน:ดอกเบี้ยตอนนี้ 1 %
PE ตอนนี้ 20 คิดแบบกำปั้นนทุบดิน 5 %

PE ตลาดจะขึ้น หรือดอกเบี้ยจะขึ้น

กดดอกเบี้ยต่ำๆไว้เป็นเวลานานมันทำให้เกิดฟองสบู่ขึ้นได้

 :shock:  :shock:  :shock:  :shock:

โอ้......   สุดยอดครับ   สวนทางนักวิเคราะห์ที่ออกมาพูดกันหมดเลย

ถ้าวิชาอาคมไม่แกร่กล้าอย่าง ดร. คงไม่กล้าออกมาพูดสวนทางแบบนี้ครับ

       

อ่านแล้วรู้สึกดีครับเพราะมีหุ้นอยู่เต็มพอร์ท  :lol:

กำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงวิกฤตินั้น
มักจะลดลงชั่วคราวซึ่งทำให้ค่า PE สูงขึ้นผิดปกติ   แต่ถ้าดูสถิติกำไรของบริษัทจดทะเบียนย้อนหลัง
ก็จะพบว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในอดีต
เช่นในช่วงปี  2547 ถึงปี 2550
ก็จะพบว่าบริษัทจดทะเบียนมีกำไรรวมแต่ละปีประมาณ
450,000-540,000  
ถ้าเราคิดว่าในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
กำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะกลับมาที่ประมาณ 500,000 ล้านบาท  
ก็แปลว่าค่า PE ของตลาดก็กลับมาอยู่ที่ไม่เกิน  10 เท่า

แบบนี้ก็แปลว่าถ้ากำไรลดลงชั่วคราวจริง PE ของตลาดก็จะราวๆ 10 เท่า แต่ถ้าไม่จริง PE ของตลาดก็จะมากกว่านั้น ซึ่ง downside risk ก็จะมากตาม แบบนี้ก็ต้องหวังว่ากำไรจะลดลงชั่วคราวนะครับ ซึ่งผมก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าปีหน้าน่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะปัจจัยที่กำหนดราคาไม่ใช่ %ของการซื้อขายรวม แต่น่าจะเป็น Marginal volumn มากกว่า ส่วนตัวผมไม่เห็นว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาเหมือนเดิมเร็วๆนี้ได้ยังไงเฮะ แต่ก็ซื้อหุ้นไปเกือบหมด port เหมือนกันครับ :lol:

กระทิงดุ

ดุจริงๆ ครับ คริคริ  :8)

ช่วงกระทิงดุ ดุ นี่ก็น่ากลัวนะครับ

มันอาจจะขวิดให้เราไปอยู่บน ดอย ก็ได้

แล้วหมีก็ตามมาตะปปซ้ำจนเลือดสาด

เพราะเราไม่มีกระสุนจะยิงหมี

ยังไงก็ขอให้ทุกคนบริหารปอดด้วยความระมัดระวังครับ

เพราะยังไงการลงทุน ก็มีความเสี่ยงสูง

น่ากลัวครับ
ทุกคนหวังแต่ได้
น่าจะหมดรอบแล้ว ละครับ :lol: อิอิ

ระวังพวกนายกอง  และพวก บลจ ขนหุ้นมาชอรทฅ์นะครับ  

โชคดีครับ ทุกคน อิอิ

ขอโทษนะครับ คือ อ่านแล้วหมดศรัทธา จริงๆ



[quote="oatty"]โลกในมุมมองของ Value Investor

ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า

หุ้นขึ้นมารอบนี้  น่าจะสมเหตุสมผล   ราคาไม่ได้แพงเกินพื้นฐาน  แต่เหมาะสมกับพื้นฐานแล้ว  เรียกได้ว่า  ไม่ถูก  ไม่แพง

ซึ่งต่างจากบทวิเคราะห์  นักวิแคระทั้งหลาย  ที่บอกว่าสูงเกินพื้นฐาน  ให้ขายก่อนแล้วรอรับใหม่  (ซึ่งก็น่าเห็นใจ  เพราะเค้าต้องการให้คนซื้อๆขายๆ  ถึงจะมีรายได้  ถ้าซื้อแล้วถือ  ก็เจ๊งนะซิ  :lol:  )

แต่อย่างที่บอกว่า  ราคาหุ้นตอนนี้ไม่ได้ถูกเลย  ใครจะซื้อก็ต้องพิจารณาเป็นรายบริษัทนะครับ

ขอนับถือท่านด้วยใจจริงๆ ที่ผ่านมาถึงผมจะถือหุ้นเต็มพอร์ตแต่ก็ยังสงสัยว่า รอบนี้จะเป็นกระทิงในหมีหรือเปล่า แต่พออ่านแล้วพอรู้เหตุและผลแล้วครับ
ขอมาคารวะท่านอาจารย์ครับ  

การที่เราอ่านข่าวสาร ข้อมูล บทความหรือความเห็นของบุคคลอื่น ๆ แล้วไม่ได้คิด วิเคราะห์ ไตร่ตรองหาเหตุผลด้วยตัวเอง แต่เชื่อว่าผู้พูดหรือผู้ให้ความเห็นเป็นเซียนหรือผู้รู้ แล้วเราดำเนินตามอย่างนั้นจะอันตรายมากครับ

อย่างที่อ.ดร. นิเวศน์กล่าวไว้ว่าการจะทำนายตลาดเป็นเรื่องที่ยาก แต่ท่านให้เหตุผลว่าการที่ตลาดขึ้นมา ณ 600 จุดกว่า ๆ นั้นเมื่อพิจารณาจากกำไรของบริษัทต่างๆ ในปีที่ผ่านมาที่สภาวะปกติถือว่าสมเหตุสมผล

ส่วนตลาดจะขึ้นหรือลงต่อก็แล้วแต่บรรดาท่านนักลงทุนจะมองว่า ตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววันหรือไม่ บางครั้ง ณ ราคาที่ 600 จุดอาจจะถูกหรือแพงก็ได้

ส่วนตัวผมเองประสบการณ์การลงทุนยังน้อยนิด ตลาดขึ้นแรงอย่างนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อเพิ่ม ต้องพิจารณาเป็นตัว ๆ ไปครับ หากว่าพอใจในมูลค่าที่คิดว่าจะได้รับจากราคาที่ซื้อ รวมถึงมีอัตราส่วนความปลอดภัยที่ยอมรับได้ในกรณีที่คิดไว้อาจจะผิดพลาด ก็ค่อย ๆ ซื้อไปครับ แต่ตัวที่ถืออยู๋ในพอร์ทค่อนข้างจะขึ้นแรง  :)

ผมปรับพอร์ทแล้วสำหรับบางตัวที่กำไรมากๆ บางตัวกำไร 90%-100%  :shock:  เลยคิดว่าน่าจะขายไปซื้อหุ้นที่ยังรู้สึกว่า undervalue กว่า

ไม่รู้คิดถูกหรือปล่าวแต่จะคอยดูต่อไปครับ

จริงๆแล้วที่ขึ้นเต็มๆก็พวกบลูฉิบเท่านั้นครับ
ไอ้บลูชิบจริงๆก็ยังไม่ขึ้นอีกเพียบ  :8)

ขึ้นเท่าไรถึงแพง ครับ  แค่ไหนยังถูก
mint แพงยังครับ หรือ ยังถูกอยู่
เดี๋ยวแขกก็เต็มโรงแรมเหรอครับ
อิอิอิ ผมว่าขำนะ
ผมว่าระวังดีกว่านะครับ พวกเล่นดันจนเกินงาม คนเคลิ้มเข้าไปฝันว่าจะลงทุน กลายเป็นเหยื่อง่ายมากครับ
หามาร์จินออฟเซฟตี้เหมือนเดิมดีกว่าครับ
ผมเป็นห่วงคนที่เพิ่งเข้ามาในวงการ ลับ ลวง พราง เดี๋ยวจะซัดเกินตัวแล้วชีวิตพังครับ
กลับไปอ่านบทความอื่นๆของอาจารย์ด้วยนะครับ
อย่าเพิ่งเคลิ้มคำว่ากระทิงอย่างเดียว
เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นแต่ด้านดีผมขอเดินแบบเต่าตามอาจารย์ต่อดีกว่า
ระวังเลือกผิดตัวครับ

ด้วยความหวังดี
ปล เต็มพอรท์แต่อยากเตือน

เต็มพอร์ตหมดทุกคนเลยแฮะ อย่างนี้ตอนลงทำงัยเนี่ย
อืม อืม

ถ้าลง เก็บต่อสิครับ
โอกาสมาอีก
ผมว่าลงต่อนะ
แต่พวกจะเอาตัวที่ไม่ขึ้น ขึ้นแทน

ตัวเล็กๆมีคุณค่าน่าจะมาง่ายกว่าครับ
จริงๆไม่อยากให้รีบขึ้นครับ
ตังหมด  :roll:

ณ ปัจจุบันนี้ ดร.ก็ยังออกบทความที่ให้กำลังใจ และ ความรู้รวมถึงการเตือนสติ เหล่าชาว vi ตลอดมา คำว่ากระทิงดุ ฟังดูแล้วคล้ายๆกับความน่ากลัวของกระทิงเวลาที่มันมุ่งทำร้ายศัตรูที่ปลายทาง ณ เวลานี้เราคงเดาไม่ออกว่า กระทิงจะหยุดวิ่งเมื่อไหร่ แต่ถ้ามองในมุมมองระยะยาวแบบที่ดร.ท่านมอง ก็จะเห็นว่า PE ปัจจุบันก็ยังไม่สูงมาก ถ้าเรามองกำไรในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แต่ในระยะสั้นนั้น เรามิอาจคาดการณ์ได้
       ณ จุดๆนี้ ทุกคนที่หวังที่จะลงทุนแนว vi ที่มุ่งหวังในผลกำไรจากการลงทุนในระยะยาว ก็ถือว่ายังไม่ตกรถ เพราะผมมองแบบเดียวกับท่าน ดร. ว่ายังมีบริษัทอีกมากที่พร้อมจะทำกำไรได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อภาวะเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นจากภาวะการชะงักงันทางเศรษฐกิจที่ทุกคนต่างหยุดการซื้อขายสินค้า หากเราลองศึกษาสิ่งที่บุคคลต่างๆได้ทำการวิจัยวิกฤตเศรษฐกิจในอดีตที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าเมื่อมรสุมผ่านพ้นไป แต่ละบริษัทที่อยู่รอดก็กลับทำกำไรได้มากกว่าช่วงก่อนวิกฤตเสียอีก บางบริษัทก็โตขึ้นแบบก้าวกระโดด เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับช่วงก่อนวิกฤต ดังนั้นเวลาคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนแนว vi
      ผมขอให้กำลังใจท่านดร. ที่เป็นผู้แนะนำ และ ให้กำลังใจ เหล่านักลงทุนเสมอมา และขอบอกแก่ท่านทั้งหลายว่าสิ่งที่ท่านทำมานั้นมีประโยชน์มากมายมหาศาลในการลงทุนของหมู่นักลงทุนชาวไทย ขอขอบคุณสิ่งที่ท่านทำจริงๆครับ

ขอบคุณอาจารย์มากเลยครับ

อ่านแล้วรู้สึกว่าดีมากๆๆๆ

แบบว่า จริงใจ ครับ

ปล. ถ้าฟันธงพลาดผมก้อยังรักอาจารย์อยู่เหมือนเดิม

เพราะเงินในกระเป๋าผม ถ้าผมพลาดก้อโทษตัวเอง

ปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้น ผมว่ามันเป็นความผิดเพี้ยนซึ่งเกิดจากการผ่อนคลายกฎเกณฑ์บางอย่างกับพอร์ทของโบรกเกอร์หรือเปล่าครับ ถ้าเราเอามาเทียบกันตรงๆ กับปี 40 ผมว่าอันตรายครับ