Thai VI

ในช่วงที่ตลาดเงียบเหงามานาน แล้วเพิ่งมาคึกคักในช่วงไม่นานมานี้
ราคาหุ้นหลายๆตัว(ส่วนใหญ่) ได้ปรับตัวขึ้นมาพร้อมๆกับตลาดโดยรวม
ผมรู้สึกไม่สบายใจนัก ที่ไม่มีหุ้นเต็มพอร์ต มีเงินสดจำนวนหนึ่ง
เพราะว่าช่วงนี้ที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาพอสมควรนั้น ผมได้ทำคลายเครียดเรโชไป :lol:
ซึ่งเงินสดได้จากการขายหุ้นนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะย้ายมาซื้อหุ้นตัวไหน (บอกตามตรงว่า ผมควรจะเรียกว่า ไม่กล้าซื้อ มากกว่า)
เพราะว่าตัวที่มีๆอยู่นั้น ราคาได้ปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว
จะซื้อตัวอื่นก็เกรงว่าจะมีการกระจายมากเกินไป ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมไม่ไปไหน
จะถือเงินสดต่อก็ไม่สบายใจ กลัวไม่ได้ซื้อแล้วหุ้นจะขึ้นไปแรง
จะเข้าซื้อเลยก็ไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าเข้าไปซื้อตอนราคาเพิ่มขึ้นแล้วนั้น จะทำให้ได้กำไรน้อย หรือราคาหุ้นอาจจะตกลงมาก็ได้
เรียกได้ว่าอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มีพี่ๆ ท่านใด พอมีคำแนะนำที่พอจะช่วยแก้ความกังวลนี้ได้หรือไม่ครับ  :oops:

รอคอยคำตอบจากพี่ๆอยู่ครับ คาดว่าจะตัดสินใจพรุ่งนี้เช้า
(แล้วมาตั้งกระทู้ซะเกือบตี 1 เนี่ยนะ  :lol: )
เผื่อมีพี่ๆท่านใดที่นอนดึกแล้วหลงเข้ามา
ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเอนเอียงไปกับการอยากซื้อหุ้นเพิ่มครับ

MOS เป็นคำตอบครับ หากมีก็ซื้อครับโอกาสเจ็บตัวน่าจะน้อย

ซื้อขาขึ้นน่าจะดีกว่าซื้อขาลงน่ะครับ (ความเห็นส่วนตัว)
หากราคาเข้าเป้าก็ขายได้ ไม่ต้องรอนาน

ผมว่าคุณ Diablo ไม่ผิดหรอกครับ พอราคาขึ้นมาก็เลือกหุ้นยากขึ้น ที่ยากกว่าคือคิดว่าเมื่อไหร่จะขายตัวที่ถืออยู่ดี... ถามพี่มนแกก็วางสายผม ไล่ผมไปศึกษาต่อ :lol:
ผมดูไม่ค่อยละเอียดแบบหลายๆคน แต่ผมว่าในวิกฤติมักจะมีโอกาส

ตอนนี้อะไรยังอยู่ในช่วงวิกฤติมั่งน้อ  

ถ้าไม่แน่ใจก็อย่าไปซื้อครับ อยู่เฉยๆดีกว่า

2 เดือนนี้ผมก็ไม่ได้ซื้อสักตัว ใครจะว่าตกรถก็ช่างเขา พอร์ตของเรา เงินของเรา

ขอบคุณครับ ผมต้องไปทำงานแล้ว
วันนี้ผมว่าจะอยู่เฉยๆ ก่อนครับ (ยังมีพรุ่งนี้อีกวัน)
พี่ๆท่านอื่นที่เข้ามาในช่วงกลางวัน ขอคำแนะนำด้วยนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ  

สวัสดีครับเพื่อนๆๆ

     ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณ Diablo เลยแม้แต่น้อย   โดยเฉพาะกับ
หุ้น Stanly  แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรกับมัน  คิดซะว่าตอนนี้โชคดีที่ยังมี
กระสุนอยู่ในรังเพลิง  ไว้สำหรับยิงในช่วงที่จำเป็นจริงๆๆ  

     ใครลงทะเบียนเรียนบัญชี 13-14 มิ.ย. นี้เจอกันครับ

อย่ากลัวตกรถไฟครับ พี่ Diablo เดี๋ยวมันก็กลับมารับใหม่  :P

http://api.settrade.com/blog/1001ii/2009/01/21/443

สุมาอี้ เขียน:เมื่อก่อนนี้ผมคิดว่าทักษะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ขาดคือความอดทนในการถือหุ้นเป็นเวลานานๆ แต่เดี๋ยวนี้ผมคิดว่าทักษะนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากมากนัก เวลาเราซื้อหุ้นแล้วขาดทุนหนัก เราจะรู้สึกอยากถือยาวๆ ได้เอง ที่จริงแล้วทักษะที่ยากกว่าการถือยาวมากคือ ทักษะในการอดทนรอที่จะไม่ซื้อหุ้นเมื่อราคายังไม่เหมาะสม คนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นมักไม่มีทักษะนี้ ดังนั้นใครที่สามารถฝึกฝนจิตใจของตนจนมีทักษะที่สำคัญอันนี้ถือเป็นความได้เปรียบอย่างยิ่ง ในรอบหลายๆ ปี วอเรน บัฟเฟต ถึงจะลุกขึ้นมาช้อปปิ้งครั้งใหญ่สักครั้งหนึ่ง ในตลาดหุ้น มีน้กลงทุนจำนวนน้อยมากๆ ที่อดทนที่จะไม่ซื้ออะไรเลยเป็นปีๆ ได้ มันเป็นการรอคอยที่ทรมาน (กระเป๋าร้อน)

คิดไว้เสมอว่าอย่ากลัวตกรถไฟ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่ามันจะวิ่งไปไกลมากแค่ไหน มันจะกลับมารับเราอีกเสมอ ขอให้เรามีความสามารถในการรอคอย

i_sarut เขียน:อย่ากลัวตกรถไฟครับ พี่ Diablo เดี๋ยวมันก็กลับมารับใหม่  :P

งั้นผมเอาอีกบทความของโจ๊กมาคัดง้างน้องไอสลุต ก็ละกัน
     โจ๊กเขียนไว้เมื่อ4พย2008ชื่อเรื่อง ทำเช่นไรต่อไปดี!
     แม่นยำยังกับตาเห็น
     ที่น้องไอสลุตว่า ไม่ต้องกลัว มันมาแน่
     ผมก็เชื่อนะว่ามันมาแน่
     แต่อาจเป็นรอบหน้าก็ได้นะครับที่มันมาแน่
     อีก1รอบ8ปีเชียวนา
     ส่วนผมเองนั้นอ่านทั้ง2บทความมาหลายเที่ยว
     จนตัดสินใจไม่รอรถไฟวนกลับมารับ
     ผมวิ่งตามตั๊กๆๆกระโดดขึ้นมาได้ซักพักแล้ว
     

วิกฤตครั้งนี้ก็ผ่านมาได้สักปีกว่าแล้ว
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า
ถ้าจุดต่ำสุดไม่ได้ผ่านไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
มันก็คงอยู่ตรงไหนสักแห่งในอีก 9 เดือนข้างหน้านี้ ณ
เวลานี้หลายท่านก็มีความเห็นพ้องต้องกันว่า
ตลาดหุ้นได้ซึมซับความเลวร้ายของภาคการเงิน
ไปมากพอสมควรแล้ว ที่เหลืออยู่ข้างหน้าคงเป็นเรื่องของความเลวร้ายของเศรษฐกิจ
ภาคจริง ที่ยังเผยตัวออกมาไม่ชัดเป็นหลัก
ใครก็ตามที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะอยู่ในตลาดหุ้นตลอดชีวิต
ไม่ควรพลาดที่จะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของหุ้นหลังตลาด crash
ให้ได้ ช่วงเวลาเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยนักในชั่วชีวิตของคนหนึ่งคน
และมันก็กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้แล้วด้วย
(หรือคือตอนนี้แล้วหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ)
คนส่วนใหญ่มักไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน
เพราะเมื่อเวลาเช่นนี้มาถึงกลับตัดสินใจออกจากตลาด
แต่เวลาที่หุ้นเป็นขาขึ้นแต่แพงมากแล้ว
กลับอยากจะเข้ามาลงทุน

[quote="Diablo"]ในช่วงที่ตลาดเงียบเหงามานาน แล้วเพิ่งมาคึกคักในช่วงไม่นานมานี้
ราคาหุ้นหลายๆตัว(ส่วนใหญ่) ได้ปรับตัวขึ้นมาพร้อมๆกับตลาดโดยรวม
ผมรู้สึกไม่สบายใจนัก ที่ไม่มีหุ้นเต็มพอร์ต มีเงินสดจำนวนหนึ่ง
เพราะว่าช่วงนี้ที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาพอสมควรนั้น ผมได้ทำคลายเครียดเรโชไป :lol:
ซึ่งเงินสดได้จากการขายหุ้นนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะย้ายมาซื้อหุ้นตัวไหน (บอกตามตรงว่า ผมควรจะเรียกว่า ไม่กล้าซื้อ มากกว่า)
เพราะว่าตัวที่มีๆอยู่นั้น ราคาได้ปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว
จะซื้อตัวอื่นก็เกรงว่าจะมีการกระจายมากเกินไป ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมไม่ไปไหน
จะถือเงินสดต่อก็ไม่สบายใจ กลัวไม่ได้ซื้อแล้วหุ้นจะขึ้นไปแรง
จะเข้าซื้อเลยก็ไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าเข้าไปซื้อตอนราคาเพิ่มขึ้นแล้วนั้น จะทำให้ได้กำไรน้อย หรือราคาหุ้นอาจจะตกลงมาก็ได้
เรียกได้ว่าอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มีพี่ๆ ท่านใด พอมีคำแนะนำที่พอจะช่วยแก้ความกังวลนี้ได้หรือไม่ครับ

[quote="por_jai"][quote="i_sarut"]อย่ากลัวตกรถไฟครับ พี่ Diablo เดี๋ยวมันก็กลับมารับใหม่

ผมออกจากตลาดแล้วครับ
ที่ set 580 ถูกหรือผิดไม่รู้จริงๆ

ใจหนึ่งว่า มันยังคงไปได้อีกนะ  แต่บังเอิญช่วงนี้ไปไหนมาไหน
มีแต่คนพูดเรื่อง หุ้นกับ ทอง , ไปดูห้องค้า brokers ไม่มี่ที่นั่งครับ

pe ตลาดตอนนี้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ขณะที่บ้านเรายังมีปัญหาต่างๆที่ยังไม่จบ เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจริง เป็นเพียงแค่คาดการณ์นั้น ยังไงการขึ้นรอบนี้ต้องมีการพักฐานแน่ๆครับ แต่ไม่รู้เป็นตรงไหน ยังไงรอก่อนก็ได้นะครับ ถ้าเข้าไปในจังหวะที่ร้อนแรงแล้วเจอเทขาย เดี๋ยวจะเครียดไปกันใหญ่

ผมมองว่า ในอนาคต บริษัทจดทะเบียนจะกลับมาทำกำไรได้สูงกว่าเมื่อก่อน ...ถ้าเป็นอย่างนั้น pe ในอนาคต(ณ ราคานี้) ก็อาจไม่แพงเกินไปก็ได้

พี่ๆคิดว่า บริษัทจดทะเบียนกำลังจะทำกำไรได้มากขึ้นในอนาคตแล้วหรือยัง

Flashy เขียน:ผมมองว่า ในอนาคต บริษัทจดทะเบียนจะกลับมาทำกำไรได้สูงกว่าเมื่อก่อน ...ถ้าเป็นอย่างนั้น pe ในอนาคต(ณ ราคานี้) ก็อาจไม่แพงเกินไปก็ได้

พี่ๆคิดว่า บริษัทจดทะเบียนกำลังจะทำกำไรได้มากขึ้นในอนาคตแล้วหรือยัง

เรื่องของอนาคต.........ยาก ที่จะบอก ครับ

ดูปัจจุบันให้ดี ทำปัจจุบันให้ดี  
ตัดสินใจจากข้อมูลปัจจุบันให้ดี
น่าจะเพียงพอแล้ว  สำหรับการลงทุนที่ดี
คือ ไม่ตึง ไม่หย่อน จนเกินไป เป็นทางสายกลาง

[quote="kmphol"]

ผมคิดว่าไม่เห็นจะต้องเครียดอะไรเลยหนิครับ
คุณลองคิดดูในทางตรงกันข้ามซิครับ


ถ้าคูณเข้าไปตอนนี้แล้วหุ้นมันเกิดตกลงมา 50% แบบปีที่แล้วคุณจะรู้สึกอย่างไร ครับ

ลองอ่านกระทู้นี้ที่ผมโพสไว้ปีที่แล้วตอนหุ้นตกหนักดูซิครับ

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=35523

ปีที่แล้วผมโครตเครียดเลยครับ แต่ถึงวันนี้ก็คิดว่ามันผ่านมาได้ด้วยดี โดยไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก

แต่ที่ได้กลับมามากกว่าก็คือ บทเรียนราคาแพง ที่คิดว่าจะไม่มีวันกลับไปจ่ายมันซ้ำอีก เพราะคิดว่ามันแพงเกินไป

ผมคิดว่า ถ้าเรายังมีเงินสด เราก็ยังมีโอกาสในตลาดหุ้นเสมอ ที่สำคัญ คือเราต้องรอจนกว่าโอกาสนั้นจะมาเราถึงลงมือ

ส่วนตัวผมคิดว่าสภาพตลาดตอนนี้ไม่เหมาะกับการลงทุนเท่าไหร่นัก
มันเหมาะกับการเก็งกำไรมากกว่า
ผมเองก็ลดพอรตหุ้นกับเงินสดเหลือ 50:50 แล้ว
คิดว่าตอนนี้ถ้าโอกาสครั้งต่อไปมา เราก็สมารถไขว่คว้ามันได้ อย่างเต็มที่

ขอบคุณพี่ๆทุกท่าน และน้อง i_sarut มากนะครับ
(พี่ก็อายุมากกว่าน้องไม่เท่าไรครับ เราห่างกัน 2 ปีพอดีครับ เกิดเดือนตุลาเหมือนกัน)  
ในบอร์ดนี้ คนที่อายุน้อยๆ (เอาเป็นว่าไม่เกิน 25 ปี นะครับ)
เท่าที่ทราบ ก็มีน้อง i_sarut น้อง kornjackkrit คุณ Renne น้อง Guiman แล้วก็ผม
กลับเข้าเรื่องกระทู้ต่อ
วันนี้กลับมาบ้านมันขึ้นไปต่ออีกแล้วแฮะ
แต่การข้ามวันไปสักวัน นอนสักคืน ก็ทำให้จิตใจสงบลงมากครับ  :D

ต้องเลือกหุ้นดี ๆ ครับตอนนี้ ถ้าจะซื้อ บางตัวผมว่าซื้อราคาตอนนี้
อาจจะไม่ได้อะไรเลย ในอีกหลาย ๆ ปีต่อมา

ที่ราคาปัจจุบัน หุ้นหลาย ๆ ตัวไม่ได้เป็นราคาที่ crash แล้ว

แต่บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งก็มีความสามารถในการฟื้นตัวได้ไม่เท่ากัน

ผมยึดหลักสำคัญคือ ไม่สนใจดูดัชนีมากนัก ดูตัวกิจการให้เยอะ ๆ

ส่วนเขต PE ซื้อตอนนี้จะให้เท่าไหร่ ก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ

การขึ้นของตลาดรอบนี้ผมมองว่า ไม่มีเหตผลอะไรรองรับเลยครับ สถานการทุกอย่างยังไม่มีอะไรดีขึ้น

น่าจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นของฝรั่งมากกว่า

ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ ส่วนตัวแล้วยังถือเงินสดไม่ถึง 10%อยู่เช่นเคย

ตอนพี่อายุเท่าน้อง ก็เป็นอย่างนี้ อาการเดียวกัน....
ตอนนี้แก่แล้ว ผ่านการขึ้นลงมาก็หลายรอบ จนชาชินกับอารมณ์แบบนี้....เห็นเป็นปกติ อารมณ์นี้ก็ปกติ
วิธีแก้ก็ง่ายมาก ถ้าลงทุนได้ตามเป้า ก็ต้องพอใจ และให้ยึดเป้าหมายการลงทุนของตัวเองเป็นหลัก อย่าหวังต้องเก็บกำไรทุกบาททุกสตางต์ จะทั้งเครียด และทำให้ลงทุนได้ไม่ดี (เซียนหุ้นในนี้ก็เป็นประเภทบรรลุธรรมกันไปแล้วทั้งนั้น)
ถ้าเครียดมาก....1.หนีไปปฎิบัติธรรมสักอาทิตย์ 2.ท่องคาถา ขายหมูได้ อย่าซื้อควายมา 3. stay clam stay invest อายุยังน้อย ได้เปรียบกว่าเห็นๆ

ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

ผมกำลังคิดแบบเดียวกันอยู่เลย ปวดหัวมั๊ก  ๆ แต่คิดไปคิดมาแล้ว ..... ก็กระโดดตามไปเมื่อสองวันก่อนแล้ว ดูกันต่อไปครับ

ปล. เหลือเงินสด ไว้นิด ๆ จิตแจ่มใส แหะ

มีกำไรถ้าขายแล้วจะต้องคิดอะไรมากอีกครับ ถ้าขาดทุน หรือบริษัทมีปัญหาก็ไปอีกอย่างหนึ่ง

ไม่ใช่นักเก็งกำไรรายวันสักหน่อย
รออีกปีครึ่งปีก็ยังไหว
ผมเคยไม่มีหุ้นถึงครึ่งปีเต็มๆก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ในเมื่อเรายังหาหุ้นที่เข้าตาในราคาที่เราต้องการไม่ได้

ผมว่าหุ้นโรงแรมยังมาไม่มากนะ น่าสนใจ น่าสนใจ ถึงยาวได้นะ

ว้าว มีพี่ๆ ขาประจำแวะมาตอบหลายท่านเลย
ขอบคุณมากๆนะครับ
โรงแรมผมมีอยู่ครับ
คิดว่าจะเลือกตัวที่ Upside สูงที่สุดนะครับ
(แต่ไม่ลืมคิดเรื่อง Downside นะ)
แต่วันนี้ก็ขออยู่นิ่งๆ อีกวันดีกว่า
มันคงไม่ขึ้นอย่่างเดียวไปทุกวันมั้ง  :)