หน้า 1 จากทั้งหมด 1
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 01, 2009 9:51 pm
โดย boonboon
เห็นพวกเซียนๆ(แท้บ้างไม่แท้บ้าง)บอกว่าเงินเริ่มล้นระบบ จะดูยังไงกันครับสำหรับประชาชนทั่วไปอย่างเราละก๊า
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 01, 2009 10:19 pm
โดย Renne
ดูืี่ืีที่ money supplyอัตราส่วนเงินหมุนเวียนในระบบเทียบกับเงินออม หรือเปล่าครับ? แต่จริงๆแล้วเคยอ่านหนังสือบางเล่มผ่านๆเห็นมีหลายinducartorเหมือนกัน (อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะ ไม่รู้เข้าใจความหมายของคำว่าเงินล้นระบบถูกไหม ถ้ายังไงก็เดี๋ยวรอให้พี่ๆท่านอื่นมาช่วยตอบให้แล้วกันครับ จะได้รอฟังคำตอบด้วย

)
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 10:55 am
โดย niyom_value
ผมเข้าใจว่า ดูที่ปริมาณเงิน M2 นะครับ
แล้วเทียบกับ market cap นะครับ ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 1- 4 เท่า
ถ้ามากกว่านี้ 4-5 เท่า เงินในระบบจะมีมากครับ อาจจะมีโอกาสย้ายเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นครับ
ลองหาดูใน google เพิ่มเติมได้ครับ
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 11:48 am
โดย i_sarut
http://www.huayuanjie.net/phpBB2/viewto ... 8b184e29a8
อัตราส่วนฐานเงินอย่างกว้าง หรือ Money supply ชนิด M2 หารด้วย Market Capitalization
อัตราส่วนนี้ใช้สมมติฐานว่า การที่ SET Index จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ และก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ Market Capitalization ตามมา
จะต้องอาศัยเม็ดเงินเป็นตัวผลักดัน ซึ่งเม็ดเงินนี้สามารถคำนวณได้จากฐานเงินอย่างกว้าง หรือ Money supply ชนิด M2 ซึ่งประกอบด้วย เงินฝากในบัญชีกระแสรายวัน และเงินฝากออมทรัพย์
อัตราส่วน M2 หารด้วย Market Capitalization ของ SET
ในอดีตจะวิ่งระหว่าง 1.1 เท่าถึง 4 เท่า
ถ้าอัตราส่วนยิ่งมาก หมายถึงว่าปริมาณเงินในระบบยังมีมากกว่าปริมาณเงินที่ถูกลงทุนในตลาดทุนหรือหุ้น
เพราะฉะนั้นหุ้นจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก เช่น ในปี พ.ศ. 2545 อัตราส่วน M2 หารด้วย Market Capitalization อยู่ที่ 4 เท่า
จากนั้นเม็ดเงินที่อยู่ตลาดเงินที่ไหลเข้าตลาดทุนและได้ผลักดันให้ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น
จาก 300 จุดเศษๆ ไปสู่เกือบ 800 จุดในปลายปี พ.ศ. 2546 หรือในระยะเวลา 15 เดือน
ซึ่งในขณะนั้นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคหลายท่านมองว่าหุ้นจะไป 1,000 จุด
ในอดีตจุดต่ำสุดของอัตราส่วนนี้อยู่ที่ 1.1 เท่า
ซึ่งสามารถตีความว่าเงินออมส่วนใหญ่ของนักลงทุนได้ถูกนำมาลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว
หรือทุกคนได้ซื้อหุ้นแล้ว (Supply exceeds demand) เหมือนกับตลาดหุ้นในต้นปี พ.ศ.2547
ที่อัตราส่วน M2 หารด้วย Market Capitalization ที่ 1.18 เท่า อัตราส่วนที่จะ "อันตราย" เพิ่มขึ้น ถ้าใกล้เคียงหนึ่ง
ถ้าไม่มีเงินก้อนใหม่ไหลเข้าตลาดหุ้น เช่นเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ
ตลาดหุ้นก็พร้อมที่จะปรับฐานหรือรับตัวลงทันที ซึ่งเราได้เห็นแล้วในช่วงกลางปี พ.ศ. 2547
เพราะฉะนั้นการคาดการณ์ของอัตราส่วนของ
Market Capitalization กับ M2 และ GDP ทำให้เราสามารถคาดการณ์ทิศทางของเม็ดเงินได้...
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 10:13 pm
โดย IWILLBEVI
ผมสนใจอัตราส่วนที่ว่านี้มาก แต่ไม่ทราบเราจะหาข้อมูล M2 และ Market cap ล่าสุดได้ที่ไหนหรือครับ อยากลองหาดูเล่นๆ ว่าจริงๆแล้วปริมาณเงินในระบบมีพอเพียงที่จะขับดันตลาดหุ้นได้อีกแค่ไหน ในอีกมุมหนึ่งมีบทวิเคราะห์ที่เคยรัน Regression model โดยใช้ความสัมพันธ์ของ GDP และ Market Cap มาลองรันเพื่อคาดคะเน Set band ที่เป็นไปได้ภายใต้สมมุติฐานGDP ปัจจุบัน จะได้ SET ที่ไม่เกิน 580 ผมอยากลอง validate ด้วยอัตราส่วนM2 และ Market cap ดูครับ เผื่อมีอะไรน่าสนใจ ถ้าใครมีข้อมูลช่วยแชร์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 04, 2009 11:50 pm
โดย i_sarut
[quote="IWILLBEVI"]ผมสนใจอัตราส่วนที่ว่านี้มาก แต่ไม่ทราบเราจะหาข้อมูล M2 และ Market cap ล่าสุดได้ที่ไหนหรือครับ
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 05, 2009 12:11 am
โดย miracle
ความคิดใหม่
เลยเอามุมมอง ศศ เรื่องปริมาณเงินกับ Market cap มาอธิบาย
เห็นแล้วอึ้งเลย

เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 05, 2009 8:52 am
โดย niyom_value
คุณ i_sarut ตอบได้ชัดเจนเลยครับ
ผมก็หาได้ประมาณ 2 กว่า แต่ประเด็นมันน่าจะอยู่ที่ M2 มันเป็นข้อมูลของสิ้นเดือนมีค.52 (ไม่แน่ใจว่า update หรือยัง) แต่ถึงยังไงมันก็ยังช้ากว่าเมื่อต้องนำมาเทียบกับ Market cap ในปัจจุบัน แล้วเราจะมีจะแปลความหายของมันว่าอย่างไรครับ
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 05, 2009 11:03 am
โดย miracle
ถ้าดูจากข้อมูล ของคุณ i_sarut
ประกอบกับดูข้อมูลเรื่องของอัตราดอกเบี้ย PR ประกอบ
เห็นภาพชัดเจนว่า ทำไมถึงลดดอกเบี้ยหรือเปล่า

เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 06, 2009 10:06 pm
โดย IWILLBEVI
ขอบคุณมากครับคุณ i_sarut ขอถามเพิ่มนิดนึงครับ
1) ปริมาณเงินอย่างกว้าง M2 ยังไม่รวมเม็ดเงินจาก fund flow ต่างชาติใช่ไหมครับ
2) เคยมีการวิเคราะห์ไว้บ้างไหมครับว่า ว่าอัตราส่วนที่หาได้มี correlation กับการขึ้นหรือลงของ SET ขนาดไหน
ว่างๆ ผมจะลองหาข้อมูลย้อนหลังมาวิเคราะห์เล่นๆ
เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 06, 2009 11:47 pm
โดย miracle
niyom_value เขียน:คุณ i_sarut ตอบได้ชัดเจนเลยครับ
ผมก็หาได้ประมาณ 2 กว่า แต่ประเด็นมันน่าจะอยู่ที่ M2 มันเป็นข้อมูลของสิ้นเดือนมีค.52 (ไม่แน่ใจว่า update หรือยัง) แต่ถึงยังไงมันก็ยังช้ากว่าเมื่อต้องนำมาเทียบกับ Market cap ในปัจจุบัน แล้วเราจะมีจะแปลความหายของมันว่าอย่างไรครับ
GDP ออกมาน่ะจมีการคิด M2 ออกมาด้วยนี่น่ะครับ
ลองคุ้ยๆๆที่ website ของ ธปท ดูครับ
เพราะ ธปท ดูแลเรื่องนี้โดยตรง

เงินล้นระบบ จิงเหรอ ดูยังไงกันน้อ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 07, 2009 11:52 pm
โดย i_sarut
niyom_value เขียน:คุณ i_sarut ตอบได้ชัดเจนเลยครับ
ผมก็หาได้ประมาณ 2 กว่า แต่ประเด็นมันน่าจะอยู่ที่ M2 มันเป็นข้อมูลของสิ้นเดือนมีค.52 (ไม่แน่ใจว่า update หรือยัง) แต่ถึงยังไงมันก็ยังช้ากว่าเมื่อต้องนำมาเทียบกับ Market cap ในปัจจุบัน แล้วเราจะมีจะแปลความหายของมันว่าอย่างไรครับ
ผมว่าไม่น่าจะช้ามากครับ เพราะถ้าดู M2 ช่วง 4 เดือนมาก็เปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
ดูจากต้นปี 2552
ม.ค. = 10,050,404 ก.พ. = 10,210,518 มี.ค. = 10,241,048 เม.ย. = 10,254,617
IWILLBEVI เขียน:1) ปริมาณเงินอย่างกว้าง M2 ยังไม่รวมเม็ดเงินจาก fund flow ต่างชาติใช่ไหมครับ
2) เคยมีการวิเคราะห์ไว้บ้างไหมครับว่า ว่าอัตราส่วนที่หาได้มี correlation กับการขึ้นหรือลงของ SET ขนาดไหน
1. fundflow เท่าที่ผมทราบมันจะเข้าลงทุนในหลายๆอย่างครับ อาจจะมีทั้งเงินฝาก หุ้น พันธบัตรโภคภัณฑ์
ซึ่ง M2 หลักๆจะมี เหรียญ - ธนบัตร, demand deposit , saving deposit , small time deposit , overnight loans ที่อยู่ในภาคเอกชนครับ
ในกลุ่มนี้ก็น่าจะเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของ fundflow ครับ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
2. ผมอ่านหนังสือ money game ของคุณวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล เค้าเคยวิเคราะห์เอาไว้ครับว่าถ้า อัตราส่วนพวกนี้เป็นแบบนั้น แบบนี้ set จะมีทิศทางอย่างไรในอนาคต พี่ลองหาอ่านดูครับ ผมได้ความรู้จากหนังสือนี้เยอะครับ
http://www.se-ed.com/eShop/Book/BookDet ... 9749997840
ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นไปได้และมีเหตุผลรองรับครับ เพราะเงินจะไหลจากสิ่งที่ผลตอบแทนต่ำไปสู่สิ่งที่ผลตอบแทนสูงกว่าเสมอครับ ประมาณว่าย้ายจากของแพงไปซื้อของถูกๆ รอขายตอนแพงๆ แล้วก็วนไปรับของถูกๆใหม่อะครับ
miracle เขียน:GDP ออกมาน่ะจมีการคิด M2 ออกมาด้วยนี่น่ะครับ
ลองคุ้ยๆๆที่ website ของ ธปท ดูครับ
เพราะ ธปท ดูแลเรื่องนี้โดยตรง
เพิ่มเติมลิงค์ให้ครับ ถ้าจะดูปริมาณเงินก็ในส่วนของ ภาวะการเงิน :P
http://www.bot.or.th/Thai/EconomicCondi ... nthly.aspx
รูปนี้เอามาจากห้องเทคนิคครับ จากพี่ 3331
ว่าแต่พี่ๆเรียกผมน้องนะครับ ผมอายุ 20 เองครับ ปีนี้เพิ่งจะขึ้น ปี 2 ครับ
พอดีเรียนเศรษฐศาสตร์อยู่ด้วย แล้วก็ส่วนตัวผมชอบพวกเรื่องแนวๆนี้เลยลองออกความเห็นดูครับ ผิดถูกยังไงก็ช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ
ไม่ใช่อะไรหรอกแต่เรียกคุณแล้วผมเกร็งครับ :oops: