Thai VI

เปิดพอร์ทหุ้นไว้ระยะนึงแล้ว แต่ยังไม่ได้ลอง trade เลย ได้แต่ศึกษาและลงเงินไว้ที่กองทุนต่างๆ ค่ะ

สาเหตุเนื่องจากที่บ้านไม่ชอบคนที่ลงทุนให้หุ้น โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่
ทีนี้หลังส่งคำสั่งสั่งซื้อขาย มันจะมีจดหมายแจ้งจากโบรกส่งมาที่บ้านทุกครั้ง ใช่ไหมเอ่ย  . . . แม่เห็นคงตายแน่ๆ >_<

ควรจะทำยังไง หรือว่ามีโบรกเจ้าไหนที่จะแอบๆ เล่นได้บ้าง เผื่ออนาคตจะได้หาจังหวะลอง

ขอบคุณจ้า ขอให้พอร์ทเติบโตกันทุกท่านนะคะ

ผม trade ผ่าน internet ไม่เคยมีใบแจ้งใดๆ มาที่บ้านเลยนะครับ นอกเสียจากหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่ายของดอกเบี้ย หรือ ปันผลที่ได้

[quote="PloyFund"]มันจะมีจดหมายแจ้งจากโบรกส่งมาที่บ้านทุกครั้ง ใช่ไหมเอ่ย

คุณ GeneraX >
เปิดพอร์ทของที่ไหนหรอคะ
แล้วท่านอื่นๆ เป็นเหมือนกันไหม?

คุณ Coca-Cola>
คิดวิธีนี้อยู่เลยค่ะแต่ไม่ค่อยสนิทเลยไม่ไว้ใจ ค่ะเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วยอ่ะสิเน้อ

โทรไปหาเจ้าหน้าที่การตลาดดูครับ
บอกว่าเราไม่ต้องการรับเอกสารยืนยันการซื้อขายหุ้น
ถ้าหาเบอร์เจ้าหน้าที่การตลาดโดยตรงไม่ได้ก็โทรไปหาเบอร์หลักของบริษัทเลย
เดี๋ยวเขาก็ต่อสายต่อให้เราเองครับ
ผมใช้ KT-Zmico จะส่งมาทุกครั้งครับ แต่แจ้งว่าไม่ขอรับได้

ผมเคยแจ้งเหมือนกัน แต่เขาบอกว่ายังไงก็ต้องส่งจม. ให้ตามที่อยู่บ้านครับ เพราะว่าเป็นไปตามกฎหมายข้อบังคับที่จะต้องแจ้งลูกค้าทราบ มั้งครับ

[quote="PloyFund"]เปิดพอร์ทหุ้นไว้ระยะนึงแล้ว แต่ยังไม่ได้ลอง trade เลย ได้แต่ศึกษาและลงเงินไว้ที่กองทุนต่างๆ ค่ะ

สาเหตุเนื่องจากที่บ้านไม่ชอบคนที่ลงทุนให้หุ้น โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่
ทีนี้หลังส่งคำสั่งสั่งซื้อขาย มันจะมีจดหมายแจ้งจากโบรกส่งมาที่บ้านทุกครั้ง ใช่ไหมเอ่ย

บอกตรงๆดีกว่า

แต่ถ้าไม่อยากให้ส่งไปที่บ้าน ให้ส่งไปที่ ทำงานก็ได้  :lol:

PloyFund เขียน:คุณ GeneraX >
เปิดพอร์ทของที่ไหนหรอคะ
แล้วท่านอื่นๆ เป็นเหมือนกันไหม?

คุณ Coca-Cola>
คิดวิธีนี้อยู่เลยค่ะแต่ไม่ค่อยสนิทเลยไม่ไว้ใจ ค่ะเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วยอ่ะสิเน้อ

ผมใช้ Kimeng เป็น บัญชี internet ครับ เอกสารเรื่องการ trade ต่างๆ จะมาส่งมาเป็น Email ทั้งหมดครับ ยกเว้นก็แค่ หนังสือรับรองภาษีหักฯอย่างที่เคยพูดไปครับที่จะส่งมาเป็นกระดาษเลย

เห็นด้วยกับการทำอะไรตรงไปตรงมาครับ
คุณอาจจะเริ่มจากพอร์ตเล็กๆ เอกสารที่ส่งมาที่บ้าน
ก็เปิดเอาไปให้เขาดูด้วย เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
ว่าการลงทุนของคุณถูกต้อง

กรณีตัวผมเอง มีพี่ที่เข้าตลาดมาก่อนผม
และผมก็เข้าตามมาทีหลัง แต่ปัจจุบัน พี่ของผมเค้าออกจากตลาดไปนานแล้วครับ
โดยที่ผมยังทยอยลงทุนอยู่ คนที่บ้านก็ห่วง ค่อยเตือนผมตลอด
แต่ผมก็อธิบายหลักการที่ผมใช้ให้คนที่บ้านฟังบ่อยๆ เหมือนกัน
ใช้โต๊ะอาหารให้เป็นประโยชน์ครับ พูดครั้งเดียว ได้ยินทั้งบ้าน

ถึงจะรู้ว่าคนที่บ้านไม่ค่อยเข้าใจ หรือแม้แต่พี่ของผมเอง
ก็ไม่เข้าใจหลักการของผมเหมือนกัน แต่...
Slip ผลตอบแทนที่ส่งมาให้ที่บ้าน มันอธิบายแทนได้ดีกว่าครับ
ทั้ง Capital Gain แล้วก็ Dividen Yield

[quote="earthcu"][quote="PloyFund"]เปิดพอร์ทหุ้นไว้ระยะนึงแล้ว แต่ยังไม่ได้ลอง trade เลย ได้แต่ศึกษาและลงเงินไว้ที่กองทุนต่างๆ ค่ะ

สาเหตุเนื่องจากที่บ้านไม่ชอบคนที่ลงทุนให้หุ้น โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่
ทีนี้หลังส่งคำสั่งสั่งซื้อขาย มันจะมีจดหมายแจ้งจากโบรกส่งมาที่บ้านทุกครั้ง ใช่ไหมเอ่ย

ขอบคุณทุกท่านเลยค่ะ ให้แง่คิดดีๆ ทั้งนั้นเลย

เป็นกำลังใจให้นะครับ คุณลองปรึกษากับบริษัทโบรกดูนะครับ ถ้าไม่สะดวกให้ส่งมาที่บ้านคุณลองบอกเค้าว่าเราจะไปรับเอกสารเองที่สำนักงานของเค้าก็น่าจะได้นะครับ ส่วนเรื่องครอบครัวนั้นผมเชื่อว่า ถ้าเราให้ท่านเห็นว่าสิ่งที่เราคิดนั้นประสบความสำเร็จแล้วดีกว่าครับ เพราะการทำอะไรโดยเปิดเผยแต่คนรอบข้างไม่เห็นด้วยคุณจะได้รับแรงกดดันมากครับ จนอาจทำให้คุณไม่มีความสบายใจในการทำ ดังนั้นผมจึงอยากแนะนำให้คุณลองทำให้ประสบความสำเร็จก่อน แล้วค่อยบอกท่านครับ ขอให้โชคดีนะครับเป็นกำลังใจให้ครับ

ทางแก้ไขคือ

1. ยอมรับตัวเองครับ
คือเปิดใจเลยว่า ตัวเองศึกษาเรื่องนี้อยู่ แล้วพยายามทำให้มันดีที่สุดครับ
ถ้าตัวเองยังไม่ยอมรับความตัดสินใจของตัวเองแล้ว แบบนี้มันจะยอมรับอย่างอื่นได้หรือครับ

2. ซื่อสัตย์กันตัวเอง
คือ ถ้าหากคุณยังไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองแล้ว ฉะนั้นคุณจะซื่อสัตย์กับคนอื่นได้อย่างไง แล้วคนอื่นก็ไม่สามารถซื่อสัตย์กับคุณได้

3. ยอมรับว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ซักวันหนึ่งก็ต้องรู้
อันนี้ไม่ต้องบอกมากล่ะครับ เพราะว่า เรื่องจริงมันเก็บไว้ไม่มิดหรอกครับ ซักวันหนึ่งมันก็ต้องเปิดเผยออกมา มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นเอง

ในกรณีของตัวเอง
ผมเดินเข้าไปบอกคนในครอบครัวเลยว่า เปิด port
บ้างครั้งผมก็เจอปัญหาเหมือนกัน ว่าโดนถามว่า เจ๊งหรือยัง (จากคนนับถือเลย) ผมบอกว่า ก็พอไปได้ ไม่ถึงกับต้องล้มละลายเลย
เราต้องชี้ให้เขาเห็นถึงว่า เราเปิด port เพราะอะไร ผมก็เอาสิ่งของที่ได้จากการเข้าร่วมประชุมประจำปีของบริษัทต่างๆมาให้คนทางบ้านดู หรือบอกคนทางบ้านว่า ได้ปันผลเท่าไร หักภาษีแล้วได้คืนเท่าไร แบบนี้ซิ ถึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำ

ส่วนท้าย
คนส่วนใหญ่มองในแง่ลบอยู่แล้ว แต่คุณต้องคิดกลับ หรือชี้ประเด็นกลับให้ได้ว่า ในสิ่งที่เขามองนั้นผิด ต้องมองอีกด้านหนึ่งว่ามันเป็นเช่นไรกันแน่นอน เพราะคนมันมองเพียงด้านเดียว ไม่ได้มองทั้งสองด้านของเหรียญ

ผมชอบการพูดตรงๆ ทำความเข้าใจกันนะคับ
ถ้าทำได้ระยะยาวจะไม่มีปัญหาเลยครับ
แต่ผมก็เห็นด้วยกับพี่ GeneraX
บางครั้งเราอาจจะพูดตรงๆกับท่านไม่ได้จริงๆ
ด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่

ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

 :D

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน

เป็นกำลังใจ

ที่บ้านถามเกือบทุกวัน "เมื่อไรจะขายให้หมดๆ ขายๆซะทีสิ" ก็รอปันผลอยู่อ๊ะ ขายก็ไม่ได้ปันผลสิ

เป็นเรื่องน่าเห็นใจและสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าจริงๆครับ แม้ผมจะเป็นผู้ใหญ่ อายุก็มากแล้ว
ลองฟังเรื่องของผมดู
ผมเริ่มเล่นหุ้นเมื่อหลายปีก่อนตอนทำงานอยู่ต่างจังหวัดครับ โดยไม่ได้บอกใครในตอนแรกเพราะไปเช่าบ้านอยู่คนเดียว
ตอนหลังๆก็บอกแม่ไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีรายได้มั่นคงเป็นที่พึ่งแก่คนอื่นได้ ปรากฏว่าแม่ผมไม่พอใจอย่างยิ่ง ทางญาติผู้ใหญ่ก็ไม่มีใครชอบ มีแต่คนต่อต้าน เพราะตระกูลผมทำมาค้าขาย ผมเป็นคนแหกออกไป จนกระทั่งถูกตัดออกจากมรดก เมื่อพ่อแม่เสียไปผมก็ไม่ได้อะไรเลยจริงๆครับ  พี่ชายผมได้มรดกไป

ต่อมาญาติผมคนหนึ่งที่มีศักดิ์เป็นหลานผม ก็เจริญรอยตามผมมาครับ แต่ให้ทางโบรคส่งทุกอย่างไปที่ร้านของเขาที่แยกออกไปจากบ้าน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีครับ
จนกระทั่งหลานผมได้รับเลือกตั้งเป็น สส ก็ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ปปช  หุ้นทุกตัวถูกขายทิ้งไปจนหมดครับเพื่อป้องกันปัญหาทั้งปวง
แต่ไม่รู้เพราะผิดพลาดที่ตรงไหนครับ เหลือหุ้นติดพอร์ตอยู่ 100 หุ้น ก็เลยต้องส่งไปอย่างนั้นเพราะการไม่ส่งอาจเกิดปัญหาทีหลังได้ เรื่องมันแดงตอนนี้นี่เองครับ

ผมก็แอบเล่นครับ  ที่แอบเพราะว่า พ่อแม่ไม่ค่อยเข้าใจคำว่าลงทุนหุ้น  แล้วอีกอย่าง ขึ้นอยู่กับ ข้อมูลในอดีตที่เค้าเคยรับรู้มาครับ พ่อแม่เคยรู้จักอาซิ่มเพื่อนเค้าคนนึง เมื่อก่อน วันนึงอยู่ดีๆ มาที่บ้านซื้อของกินมาเต็มเลย บอกว่าเลี้ยงฉลองได้หุ้นมา  พอไปไม่กี่วันมาที่บ้านมือเปล่า บอกว่าหมดตัว ขอยืมเงิน    เหมือนกับว่า ความประทับใจแรกๆ เกี่ยวกับเรื่องหุ้นของพวกเค้าเป็นแง่ลบแล้ว คิดว่าแก้ยากเหมือนกันครับ  ต้องให้ความรุ้ความเข้าใจควบคู่ไปด้วยครับ  เผลอๆ อาจจะฝากเราลงด้วยซ้ำไป

เรื่องนี้ ค่อนข้างพูดลำบากครับ เพราะ พ่อแม่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งเจ้าของกระทู้น่าจะรู้จัก พ่อแม่ของตัวเองดีที่สุด

ส่วนตัว ผมคิดว่า คุณ จขกท น่าจะมีคำตอบอยู่ที่ตัวเองอยู่แล้ว แต่ ต้องการถามความเห็น เพื่อความมั่นใจว่า สิ่งที่ตัวเองคิดถูกต้อง

เอาเป็นว่าผมเล่าเรื่องของผมไว้เป็นข้อมูลสำหรับเจ้าของกระทู้เพื่อการตัดสินใจดีกว่า

พ่อของผมเคยเล่นหุ้นครับ สมัยที่เซ็ตอยู่ที่ พันเจ็ดร้อยจุด หลังจากนั้น พ่อก็เสียชีวิต โดนไม่ใครรู้เลยว่า พ่อมีหุ้นอะไรบ้าง จนแม่มารู้อีกที เงินในพอร์ตและในหุ้นแทบจะหายไปเกือบหมด แม่ผมเลยมีอคติกับหุ้นพอสมควร

แต่พอผมจะเริ่มเล่นหุ้น ผมก็คุยกับท่านตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โชคดีที่ท่านค่อนข้างเปิดกว้าง เพราะ ถือว่า เงินส่วนที่ผมนำมาลงทุนนั้น เป็นเงินที่เหลือมาจากเงินเดือนที่ผมทำงานได้ เพราะ ฉนั้น ท่านจึงไม่ว่าอะไร

ส่วนตัว ถึงแม้ว่าคนแก่จะหัวโบราณแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว ผมคิดว่า ทุกๆคน จะไม่มีใครชอบให้โกหกกันหรอกครับ โดยเฉพาะ คนในครอบครัว เปิดอกคุยกันถึงเหตุผลน่าจะดีที่สุดครับ

ตอนแรก ผมก็ไม่อยากให้แม่รู้ครับ (กลัวแม่จะว่าเงินก็ไม่ค่อยพอมีกิน ยังจะเอาเงินที่หามาได้อย่่างยากลำบากไปเสี่ยงอีก)
แต่เขาก็ต้องส่งเอกสารมาให้ที่บ้านอยู่ดี
แล้วแม่ก็เปิดเอกสารออกดู ผมโมโหแม่มากที่นำเอกสารไปเปิดโดยพลการ
ผมก็ต่อว่าแม่ไปด้วยอารมณ์รุนแรงไม่เบา
แต่แม่ก็ตอบกลับมาว่า "แม่ภูมิใจ ที่ลูกแม่มีเงินซื้อหุ้นได้"
ผมน้ำตาไหลเลยครับ
หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้ราบรื่นดี
แม่ไม่แอบเปิดเอกสารเกี่ยวกับหุ้นของผมเองโดยพลการอีกแล้วครับ  :lol:

ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกก็ได้ ไม่ปิด ไม่ตะโกนบอก ว่าแต่ ถ้าจะเทรดหุ้นนี่ ให้มันเป็นเงินเราเอง รับผิดชอบตัวเอง จะให้คนที่ต่อต้านเข้าใจไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกค่ะ แต่ถ้าเราทำให้เขารู้ว่าเราได้ผลตอบแทนที่ดี ลงทุนแบบที่รอบคอบแล้ว เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ

เค้าเป็นพ่อแม่ย่อมต้องเตือนด้วยความรัก

เค้าเติบโตมาก่อนถึงแม้จะไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนเลย แต่ตัวอย่างที่ล้มเหลวมันก็มีมากมายจนให้เค้าต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกของเค้าไม่ได้อยู่คนกลุ่มน้อยที่ประสบความสำเร็จ

เราว่าไม่เห็นต้องปิดเลย เราโตแล้ว มีวุฒิภาวะ ถ้าคุณไม่เคยมีประวัติใช้จ่ายไม่ระวัง ก็ไม่น่าต้องห่วงนะคะ เพราะเค้ารู้ว่าไว้ใจคุณได้ แต่ก็อย่างว่าบ้านใครบ้านมันนี่เนอะ

krisy เข้าตลาดตอน subprime เงินทำงานที่สะสมมาหายไปแวบเดียวภายในเวลาสามเดือนไม่ได้หายหมดก็จริง แต่ก้อนนั้นก็เก็บนานเลยนะคะ เรามันก็คนใช้แรงงานแลกเงิน ใจแป้วมาก ที่บ้านไม่ลงทุนเลยนะคะ ไม่ว่าจะอสัง ทองคำ ทำงานอย่างเดียวเลย แต่เราก็บอกแม่ตามจริง แล้วก็อธิบายว่าเีรียนรู้อะไร แล้วทุกวันนี้ทำอะไรอยู่ จริงๆเรายังชวนเค้ามาลงกองทุนตลาดเงินเลยค่ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ทุกวันนี้แม่ดูเข้าใจมากขึ้นด้วยค่ะ

ตอนนี้หุ้นขึ้นลง ที่บ้านก็จะสนใจด้วย เค้าก็ยังเป็นห่วงตามหน้าที่เค้าว่าเราเป็นไงบ้าง เราก็บอกความจริงตลอดค่ะ ที่เึค้าบ่นน่ารำคาญมากก็จริง แต่เค้าก็แค่อยากยื่นมือไปช่วยเวลาเราลำบากให้ทันเวลาเท่านั้น

ถ้าไม่บอกพ่อแม่แล้วเค้ามารู้ทีหลัง ปวดใจกว่านะคะ

กลับมาที่คำถาม ตอนนี้ statement ซื้อขายส่งมา email ได้ เพราะเราได้ทุกครั้งที่ทำรายการ คุณต้องสกัดแค่ statement รายเดือน ซึ่งทำได้ด้วยการใช้ที่อยู่ที่ทำงาน ถ้าส่งมาที่บ้านความแตกแน่นอน แค่เห็นซองส่งจาก บลจ.

zผมไม่ปิดทางบ้าน  เพียงแต่ใบรายงานปันผลให้ส่งไปที่บ้าน
ส่วนใบรายงานหุ้นแต่ละเดือนว่ามีมูลค่าเท่าไรให้ส่งไปที่ทำงาน
แค่นี้แม่บ้านก็ยิ้มหน้าบานหุบไม่ลงแล้ว(เพราะเห็นแต่ปันผล แต่ไม่รู้ว่า
Port มีมูลค่าลดลงเท่าไร  555)

ลองพาคุณพ่อคุณแม่ไป investor day ลองให้ท่านได้มีโอกาสฟังมุมมองการลงทุนจากผู้หลักผู้ใหญ่ เช่น อ.ไพบูลย์ ดร.นิเวศน์ ฯลฯ เพราะผมคิดว่าคุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าเรายังเด็ก ทำอะไรยังไม่ค่อยยั้งคิด จึงทำให้ท่านไม่ค่อยมั่นใจ ประกอบกับข่าวคราวที่ท่านอาจจะเคยได้รับเกี่ยวกับตลาดหุ้น ซึ่งบางมุมสามารถมองตลาดหุ้นเป็นเหมือนบ่อนการพนันที่ถูกกฏหมายได้เลยนะครับ ดังนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะคติกับนักลงทุนที่น่าเชื่อถือก็อาจทำให้ท่านเปลี่ยนมุมมองได้นะครับ ยังไงหลังเวทีในงาน investor day ลองพาคุณพ่อคุณแม่ไปคุยกับท่าน ดร.นิเวศน์ หรือ อ.ไพบูล ดูนะครับ (เพื่อนผมที่นิด้าบอกว่า อ.ไพบูล คุยเก่งและใจดีมากครับ) ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ นี่เป็นแนวทางที่ถูกต้อง พวกเรากำลังเดินตามรอยอาจารย์ของพวกเรา ซึ่งเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก