Thai VI

ตามหัวข้อเลยนะครับ
คือผมสนใจทั้งสองแบบอะครับ
แต่อยากรู้ว่ามีใครที่ลงทุนแบบหัวข้อแล้วหวังกับปันผลมั่ง
แล้วผลที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง
ประสบผลสำเร็จมั้ย
ใช้เวลานานเท่าไหร่
ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ครับ
ขอบคุณครับ

ผมครับหวังปันผลอย่างเดียวเลย ไม่เคยสนใจ capital lost

เพราะเป็นเงินสดประเภทเดียวที่ได้จากตลาดหุ้น (บัญชี cash balance ไม่เคยคิดจะถอนออก)

ผลตอบแทนดูแค่เงินปันผลต่อเงินลงทุนทั้งหมด (ไม่เอา capital lost มาเกี่ยวข้อง) แค่ได้ไม่น้อยกว่าเงินฝากประจำก็พอใจแล้ว

มายกมือด้วยคนครับ   ถ้าได้ Capital gain ก็ถือว่าเป็น Bonus
ตอนนี้ปันผลอย่างเดียวก็พออยู่ได้   แต่ก็แบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้
ลุ้น Capital gain เหมือนกัน

ผมเข้า STPI ไปแล้ว ปันผล 2 ปีนี้ น่าจะคืนทุนได้เลย

ลองดูครับ

ผมก็หวังปันผลส่วนนึงครับ
ตามที่พี่ข้างบนว่ามาคือเป็นผลตอบแทนเงินสดที่จับต้องได้จากบริษัท
การที่ราคาหุ้นจะขึ้นไปได้นั้นมาจากการเคลื่อนไหวของนักลงทุนทั้งตลาด ซึ่งเรามิอาจคาดการณ์ได้
แต่การที่จะได้ปันผลมานั้นมาจากการทำกำไรของบริษัทเองซึ่งคาดการณ์ได้ง่ายกว่าครับ

iamrinkung เขียน:ตามหัวข้อเลยนะครับ
คือผมสนใจทั้งสองแบบอะครับ
แต่อยากรู้ว่ามีใครที่ลงทุนแบบหัวข้อแล้วหวังกับปันผลมั่ง
แล้วผลที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง
ประสบผลสำเร็จมั้ย
ใช้เวลานานเท่าไหร่
ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ครับ
ขอบคุณครับ

ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจก่อนครับว่า นผลที่ได้จากบริษัทนั้น มันมาจากไหน

1.ผลกำไร
2.กระแสเงินสด
3.นโยบายการจ่ายปันผล

ถ้ารู้ที่มาแล้วต่อไปเราก็ต้องวิเคราะห์ครับว่า หุ้นตัวไหนที่มีความสามารถในการทำกำไร และ กระเงินสด ที่ดีทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ขอโทษนะครับอย่าว่างั้นงี้เลยบนะครับ
ผมมือใหม่ยังไม่ค่อยเข้าใจครับว่า
Capital gain และ Capital lost มันคืออะไรครับ
ขอรบกวนหน่อยนะครับ

ผมยกมืออีกคน  ว่าเน้นปันผลเป็นหลัก  จะได้เครดิตภาษีพ่วงแน่นอน

หัวใจของหุ้นปันผล  คือ ความสม่ำเสมอ  ..

ขอเตือนมือใหม่...อย่าเพียงแค่เทียบเทียบ  Divล่าสุด กับราคาหุ้น ในปัจจุบัน

แต่เพียงอย่างเดียว  ..  ประเภทผลประกอบการวูบวาบปี-สองปี    พวกนี้ไปไม่

ลา มาไม่ไหว้นะครับ

iamrinkung เขียน:ขอโทษนะครับอย่าว่างั้นงี้เลยบนะครับ
ผมมือใหม่ยังไม่ค่อยเข้าใจครับว่า
Capital gain และ Capital lost มันคืออะไรครับ
ขอรบกวนหน่อยนะครับ

Capital Gain = กำไรเพราะราคาหุ้นเพิ่มขึ้น
Capital Lost = ขาดทุนเพราะราคาหุ้นลดลง

ขอบคุณครับ

เราลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล
อย่างเดียวนั้นคงต้องเป็นคนที่มีพอร์ตค่อนข้างโตแล้ว
เพื่อ นำเงินปันผลนั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำ
ซื้อทรัพย์สินอย่างอื่น หรือ
เพื่อ Re-investment บ้าง

สำหรับผม การลงทุนในหุ้น คงต้องหวังผลตอบแทน ทั้ง
Dividend และ Capital gain ครับ

1. หุ้นที่หวังเฉพาะ ปันผลนั้น เป็นหุ้นที่เราซื้อแล้วไม่คิดจะขาย
ตราบใดบริษัทยังจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และไม่ได้สนใจราคาหุ้น
ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง หาดูดีครับเป็นโอกาสดีครับปีนี้ ราคาหุ้นยังไม่แพง
ให้ อัตราปันผลค่อนข้างสูงครับ 8-10%
หรือบางตัวมากกว่า 10%อีกครับ
ดีกว่าฝากประจำหลายเท่าตัวครับ
หุ้นกลุ่มนี้ค่อยข้างที่จะปลอดภัยสำหรับ
นักลงทุนน้องใหม่หัดขับครับ
เพราะส่วนใหญ่ถือว่าเป็น Defensive stock ครับ

2.หุ้นที่หวังกำไร ส่วนต่างของราคาทุนกับราคาตอนขาย
(Capital gain) นักลงทุน ส่วนใหญ่
ต่างก็ค้นหาหุ้นกลุ่มนี้กันทั้งนั้น วิธีการก็คือ หาซื้อหุ้นที่ราคาที่ตำ่กว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น
แล้วก็ขายเมื่อราคามันขึ้นมาเท่ากับ
หรือมากกว่ามูลค่าของมัน
นีคือแก่นหลักของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า Value Invesment
ครับ

แล้วผลที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง
ประสบผลสำเร็จมั้ย
ใช้เวลานานเท่าไหร่
ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ครับ

ผลตอบแทน ของผม

1. จากหุ้นปันผลค่อนข้างคงที่ครับ และจะแปรผันตามยอดเงินต้นที่เราลงทุน ราวๆ 10% ต่อปี ครับ
2.จากหุ้น VI capital ขึ้นอยู่กับส่วนต่างมูลค่าทีซื้อ
แล้วเป้าหมายที่เราคาดหวังว่ามูลค่ามันควรจะเป็น
ไม่อยากพูดถึงปีที่แล้วนะครับ มันเจ็บ
ตั้งแต่ต้นปีมา 5 เดือนเต็ม ผลตอบแทน 45%ครับ

มีเซียนหุ้นท่านนึงเคยแนะนำผมไว้อย่างนี้ครับ
1. ลงทุนซื้อหุ้นที่คิดว่าดีทุกๆเดือน ซึ่งในระยะแรกอาจเห็นว่ามูลค่ามันน้อยนิด
2. หลังจากได้เงินปันผล ให้นำเงินปันผลที่ได้มาซื้อหุ้นนั้นเพิ่มเรื่อยๆ
3. ระยะเวลาประมาณ 7-8 ปีคุณจะเห็นพอร์ตคุณโตขึ้นมาก

โดยที่บริษัทที่คุณซื้อนั้นต้องแน่ใจว่ามีศักยภาพที่จะลงทุนระยะยาวได้

ขณะคุยกันผมสงสัยว่าต้องถือยาวขนาดนั้นเลยหรือ

พี่ท่านไม่ตอบแต่ถามผมกลับว่า คุณถือหุ้นบริษัทของคุณนานกี่ปีแล้ว

ขอบคุณครับ
มีคำแนะนำดีๆก็ช่วยบอกด้วยนะครับ
ขอบคุณจิงๆครับ

หุ้นปันผลที่ดี  ไม่ใช่หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลมากๆเมื่อเทียบกับราคาหุ้น

แต่ควรจะเป็นหุ้นที่มีศักยภาพ  และจ่ายเงินปันผล  เพิ่มขึ้นทุกๆปีครับ

ถ้าเราลงทุนบริษัทที่มีลักษณะนี้ได้  เงินปันผลของเราก็จะเพิ่มขึ้นทุกปี  รวมทั้งราคาหุ้นด้วย  เราก็จะได้ทั้ง Dividend และ Capital Gain

เดี๋ยวนี้ผมก็ใช้ Discounted Dividend Model ในการประเมินราคาหุ้นเหมือนกัน เพราะถ้าหวังให้ตลาดดันหุ้นขึ้นที่ P/E นั้น P/B โน้น เราก็ตกเป็นทาสของราคาหุ้นอยู่ดี ขอเงินปันผลมาให้มันแน่ๆดีกว่า

ชอบมากเลยครับ

ยิ่งตอนหุ้นตก ทำให้มีกระแสเงินสดเพิ่ม ที่สำคัญเครดิตภาษีได้ด้วย

เหตุผลหนึ่งในการลงทุนครับ

เครดิตภาษีคืออะไรหรอครับ

ช่วยอธิบายหน่อยครับ  :(

[quote="acs53"]เครดิตภาษีคืออะไรหรอครับ
ช่วยอธิบายหน่อยครับ

พูดง่ายๆ เรื่องเครดิตภาษีเงินปันผล ก็คือว่า ปกติกิจการทำมาหาได้มีกำไรก็ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่วนที่เหลือจึงเก็บไว้หรือนำมาปันผล จึงเท่ากับว่าเงินปันผลเคยเสียภาษีมาแล้วก่อนมาถึงเรา แต่รัฐไม่ต้องการให้เก็บภาษีซ้ำซ้อน เพราะจะไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ดังนั้น ในความเป็นจริง ถ้าเงินก้อนนั้นมาถึงเราเต็มเม็ดเต็มหน่วยตั้งแต่แรก แล้วเราค่อยมาเสียภาษี เองบางทีเราอาจจะเสียน้อยกว่านั้นก็ได้ เช่น กิจการจ่ายภาษี 25% แต่ตัวเราปีนั้นต้องเสียภาษีสูงสุดที่ 10% เท่ากับว่าภาษีที่กิจการจ่ายแทนเราไปนั้นสูงไป จะเห็นว่ามีส่วนต่างตั้ง 15% ของยอดดั้งเดิม เราจึงควรได้ส่วนนี้คืนมานั่นเอง

วิธีคิดว่าส่วนที่ว่ามันคือเท่าไหร่ อาจจะใช้สูตรสำเร็จ หรือคิดประสาชาวบ้านก็ได้ โดยคิดย้อนไปว่า ถ้ายังไม่เสียภาษี มันคือเท่าไหร่ล่ะ แล้วมาหาผลต่างกับที่มาเป็นเงินปันผลแล้ว เช่น
ยอดเงินปันผล 7,500 บาท ได้จากกิจการซึ่งเสียภาษีในอัตรา 25% ต้องคิดย้อนไปว่าถ้ายังไม่เสีย มันเป็นกี่บาท ซึ่งก็คือ 7,500/75% ซึ่งเท่ากับ 10,000 บาท ที่เป็นยอด 100% นั่นเอง
ดังนั้น เครดิตภาษีที่ว่าก็คือ 10,000 บาท - 7,500 บาท เท่ากับ 2,500 บาท
เวลาเสียภาษีมันก็เหมือนเราเอายอด 10,000 บาทนี้ไปยื่นใหม่ ซึ่งถ้าเราต้องเสียภาษี 10% ก็เท่ากับว่าเงินที่เราได้จากการปันผลนี้เท่ากับ 9,000 บาท ไม่ใช่ 7,500 บาท (แต่ถ้าเป็นคนที่รายได้รวมไม่เข้าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี เค้าก็ต้องได้ 10,000 บาทเต็มๆ)

จะเห็นว่า คนที่มีรายได้สุทธิต่ำ ก็ยิ่งได้เครดิตภาษีเงินปันผลสูง ส่วนคนที่มีรายได้สุทธิสูง จนอัตราภาษีเท่ากับหรือมากกว่าอัตราภาษีที่กิจการต้องจ่ายไปแล้ว ก็จะไม่ได้ส่วนนี้นั่นเอง

ตรงนี้แหละที่ทำให้ Dividend Yield ที่เห็นคำนวณกันมันเป็นแค่ Yield ขั้นต่ำเท่านั้น บางคนได้ Yield มากกว่านั้นอีก

เช่น ถ้าเงินปันผล 7,500 บาท มาจากหุ้น 1,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท Yield ก็คือ 7,500/100,000 ซึ่งก็คือ 7.5% แต่สำหรับคนที่ไม่มีรายได้อื่น เค้าได้ประโยชน์จากเครดิตภาษีเงินปันผล Yield ของเค้าก็คือ 10% (มาจาก 10,000/100,000 นั่นเอง)

ตั้งใจจะพูดให้ง่าย ไม่รู้ว่ายากกว่าเดิมรึเปล่านะครับ  :oops:  :?

เข้าใจง่ายครับ ขอบคุณพี่ Magneto มากครับ  :D

[quote="chatchai"]หุ้นปันผลที่ดี

ขอถามหน่อยนะครับคุณ luangrit อ. เทพ คือใครครับ

ขออนุญาตตอบครับ
อ.เทพ คือ อ.เทพ รุ่งธนาภิรมย์
เป็นผู้ที่เขียนหนังสือการลงทุนในหุ้น ในแบบที่เน้นเงินปันผลเป็นหลัก
ปัจจุบันท่านมีผลงานออกมา 3 เล่มครับ (เฉพาะหนังสือเรื่องหุ้นปันผลนะครับ)
ซึ่งหนังสือที่ท่านเขียนนั้น มีจุดเด่นที่สุดในเรื่องของความง่ายต่อการทำความเข้าใจครับ

ผมก็เป็นคนนึงที่ตอนนี้ชอบหุ้นปันผลมากๆ ครับ

ผมว่าช่วงที่ราคาหุ้นถูกๆ นี่ มีหุ้นปันผลดีๆ มากๆ เลย เทียบกับราคาหุ้น
แต่เวลาจะซื้อซักตัวก็ต้องดูผลประกอบการและการจ่ายปันผลย้อนหลังด้วยครับ