Thai VI

พฤติกรรมของหุ้นเหล่านี้ มักจะมีราคาแพง สภาพคล่องสูงรวมถึงการซื้อขายต่อวันใน Volume ที่มาก เช่น

advanc , scc , lh , thai , cpf , kbank , ptt เป็นต้น

หุ้นเหล่ามีผลต่อการขึ้นลงของตลาดค่อนข้างสูง บางตัวขึ้น-ลง 1 บาททำให้ดัชนีหลักทรัพย์รวม เปลี่ยนไป 1 จุดทันที และมีผลมากต่อบรรยากาศโดยรวมในการลงทุน
ขอยกตัวอย่าง

advanc มี p/e=14.18 p/bv=4.43
scc มี p/e=12.99 p/bv=2.47
ptt มี p/e=10.51 p/bv=3.69

จะเห็นได้ว่า p/bv แต่ล่ะตัวสูงๆทั้งนั้น ทำให้บางท่านดูแล้วรู้สึกว่าหุ้นมีราคาแพง โดยเฉพาะเหล่า vi ทั้งหลาย และมักจะคงค่า p/bv ที่สูงอยู่ตลอดเวลา

เหตุการณ์ที่จะทำให้ p/bv ของหุ้นเหล่านี้ลดต่ำลงอยู่ช่วง 1 กว่าๆได้คืออะไรรู้ไหมครับ คือช่วงที่ตลาดซบเซาแบบหนักๆๆๆๆๆ

หุ้นเหล่านี้ ถ้าซื้อ ค่า p/bvอยู่ช่วง 2-3 กว่าๆ ถือปกติไม่แพงครับ

ข้อดีหุ้นเหล่านี้คือ ธุรกิจที่แข็ง ถ้าลงทุนระยะยาว เชื่อมาต้องได้ผลตอบแทนที่ดีอย่างแน่นอน

ต่อครับ

จะสังเกตเห็นว่า เมื่อใดที่ค่า p/bv ลงมาเหลือ 1 ค่า p/e ของหุ้นเหล่านี้จะมีค่าน้อยมากๆ เลยสรุปอีกแบบว่า หุ้นเหล่านี้เติบโตในอัตราที่สูง

ถ้าสามารถบอกได้ว่า ราคาดัชนีรวมตลาดจะเพิ่มขึ้นมากในอนาคต แล้ว

หุ้นบลูชิบจะทำกำไรได้มากกว่าหุ้น,ขนาดกลางและเล็กในปัจจุบัน==>>ที่มีค่า p/eไม่ถึง 10,p/bv ไม่ถึง 1 โดยระบุช่วงเวลาที่ถือครองหุ้นในช่วงเวลาเดียวกัน (ฟันธง)


ทั้งหมดเป็นความเห็นของผมเท่านั้นนะครับ

มือใหม่ เขียน:
ถ้าสามารถบอกได้ว่า ราคาดัชนีรวมตลาดจะเพิ่มขึ้นมากในอนาคต แล้ว

หุ้นบลูชิบจะทำกำไรได้มากกว่าหุ้น,ขนาดกลางและเล็กในปัจจุบัน==>>ที่มีค่า p/eไม่ถึง 10,p/bv ไม่ถึง 1 โดยระบุช่วงเวลาที่ถือครองหุ้นในช่วงเวลาเดียวกัน (ฟันธง)

เห็นด้วยครับว่า ดัชนีตลาดถูกเบี่ยงเบนโดยหุ้นบลูชิบไม่กี่ตัว

และก็เห็นด้วยอีกกับ สิ่งที่คุณเขียนข้างบน

แต่ในทางกลับกัน ถ้าราคาดัชนีตลาดลดลง หุ้นบลูชิบน่าจะทำกำไรได้น้อยกว่าหุ้นกลางหรือเล็กใช่ไหม

คงต้องเลือกเอาว่าจะรับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนนะครับ

P/BV จริงๆ แล้ววัดอะไรครับ

P = ราคาตามตลาดที่คนให้กับมูลค่าหุ้นตัวนึง
BV = ราคาตามบัญชีในส่วนของผู้ถือหุ้น

ปกติ P/BV สูงแปลได้ก็คือบริษัทนั้นสามารถสร้างผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นได้มากกว่าต้นทุนหรือความเสี่ยงในการถือหุ้นนั้น ลองดูเทียบกันไปก็แล้วกันโดยปกติ ROE และ ROA ของบริษัทเหล่านี้จะมีค่าที่ค่อนข้างสูง

ประเด็นปัญหาของหุ้นบลูชิพคือการที่มีคนจับตามองอยู่ตลอด โอกาสที่หุ้นพวกนี้จะมีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเป็นไปได้ค่อนข้างยากครับ