ผมสงสัยว่า...
ในระดับเซลล์ ร่างกายของคนเราจะรู้ความสมดุลย์ ของ น้ำหนักตัวเรา เมื่อเทียบกับความสูงของเรา หรือไม่ครับ
เนื่องจากว่าผมเคยอ่านเจอสารอาหารบางยี่ห้อ ที่โฆษณาในเชิงว่า สามารถปรับสมดุลย์น้ำหนักของร่างกายคนได้ เช่น
1. หากอ้วนเกินไป ให้กินสารอาหารชนิดนี้ เช้า เย็น ก็จะทำให้น้ำหนักลดลงได้
2. หากคุณเป็นคนผอม จนหนังหุ้มกระดูก ให้กินสารอาหารชนิดเดียวกันนี้ เช้า เย็น ร่างกายก็จะปรับน้ำหนักเพิ่มให้เกิดความเหมาะสมขึ้น
จากข้อความดังกล่าว(ซึ่งผมเห็น สารอาหารหลายชนิดในท้องตลาด ก็มีการโฆษณาเช่นนี้เหมือนกัน) ผมเลยสงสัยว่า ในระดับเซลล์นั้น ได้บันทึกความสมดุลย์ต่างของชีวภาพที่เหมาะสมของคนๆ นั้นหรือไม่
ผมอยากจะเล่าตัวอย่าง ดังต่อไปนี้ครับ...
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปี ที่แล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าร้อน ทำให้ผมซี่งเป็นคนที่เป็นสิวอยู่แล้ว จึงมีสิวขึ้นเห่อบนใบหน้า และ 1 ใน 100 พันธุ์ชนิดสิว 1 ในนั้น ก็คือ "สิวหัวช้าง" ครับ ทุกท่านคงจะรู้ว่า มันเป็นเม็ดใหญ่ และ นูน เวลาจับก็เจ็บ แถมมองแล้ว ก็ไม่น่าอภิรมย์แม้แต่น้อย ผมจึงจัดการบีบมันครับ(ซึ่งผมก็ทำอย่างนี้อยู่บ่อยไป) ปรากฏว่ามันก็เลยเป็นแผลเล็กๆ ผมก็ไม่อยากให้เป็นแผลเป็น (เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทำให้ผมรู้สีกว่า ..แม่เจ้าประคุณเอ๊ย--ความหล่อของผมก็แทบไม่เหลือแล้ว) จึงเป็นครั้งแรกที่ผมไปหยิบ "ยาผงพิศดาร(ไม่ขอออกชื่อตรงๆ)" มาทาหน้า ปรากฏว่า ผ่านวันนั้นไป ตื่นเช้าในวันถัดมา จากบาดแผลเท่าหัวสิว เกิดการลามขึ้นเป็นแผลใหญ่ครับ
2 วันต่อมา แผลขยายใหญ่ขึ้น ลามไป 1 ส่วน 3 ของใบหน้า ผิวหนังถูกกินไป เป็นผิวชั้นใน(คงไม่ต้องบอกว่าน้ำเหลืองเกาะที่ผิวเป็นก้อนแข็งนะครับ และแผลมันกินเฉพาะผิวหนัง ไม่ได้กินเข้ามาในเนื้อ มันจึงไม่เจ็บจนเกินไป ผมจึงทนได้อยู่ตั้ง 2 วัน โดยคาดหวังการรักษาด้วยตนเอง จะสัมฤทธิ์ผลในสัก.. วันหนึ่ง) ซึ่งรายละเอียดของผิวหนังทีถูกกัดกินเป็นดังนี้ จมูกผมเกินกว่าครึ่งหนึ่ง แก้มฝั่งซ้ายครึ่งหนึ่ง ขมับส่วนบนอีกสักครึ่งหนึ่ง เป็นอย่างน้อย(ทุกท่านครับ อาหารที่ท่านพึ่งทานไปมื้อล่าสุด ปัจจุบันยังอยู่ดีที่กะเพาะหรือปล่าวครับ)
ผมจากรักษาด้วยตัวเอง และแสนจะทุกข์ทรมาน ต้องไปหาหมอแทน และหมอก็มองหน้า และเลือกใช้ยารักษาแผลทั่วไป ก็เพราะถึงแม้แผลผมจะลามกินบนพื้นที่หน้าไปเรื่อย แต่มันก็คือแผลทั่วไป
ผมกลับมาบ้าน และคิดว่าดีจังที่เป็นแผล เพราะอะไรหนะหรือ ลองคิดดูนะครับ หน้าผมเป็นรอยสิวเต็มไปหมดเลย แล้วรอยสิวที่ผิวหน้า ที่อยู่เป็นคู่ทุกข์คู่ยากกับผมมานาน มันก็ถูกแผลกินไปครึ่งหนึ่งของใบหน้า อย่างนี้แล้ว ถ้าผิวหน้าผมกลับมา มันก็ควรจะเป็นหน้าเรียบเนียน เป็นผิวหน้าตั้งต้น ก่อนที่จะเจอมลภาวะใดๆ ใช่ไหมครับ?
ผ่านไป เกือบ 3 สัปดาห์ ใบหน้าผมเริ่มฟื้นสภาพ ผิวหนังเริ่มคืนกลับมา และแผลถูกรักษาอย่างถูกวิธีของแพทย์ ภายในช่วงเวลาของสัปดาห์ที่ 4 ใบหน้าผมคืนกลับมาโดยสมบูรณ์ ระดับเซลล์ของผิวหน้า ถ่ายโอนความทรงจำก่อนเป็นแผลลุกลามให้ผมทั้งหมด นั่นรวมถึงรอยแผลเป็นที่ผมคาดหวังว่าจะไม่เจอกันอีก
โอ้! อนิจจา โลกมิใช่เป็นอย่างที่เราวาดฝันไว้ ฝันหวานที่ดื่มด่ำเพียงชั่วค่ำคืน(3สัปดาห์กว่าๆ) กลับสาปสูญเพียงเสี้ยวนาที
... .จบครับ ...
++++ ทำไมผมถึงเล่าตัวอย่างนี้ อย่างนี้ครับ จากประสบการณ์ตรง ทำให้ผมคิดว่า "เซลล์ทุกเซลล์ภายในตัวเรา" มีความทรงจำทางชีวภาพภายในตัวเราทั้ง 100% ดังนั้นความสมดุลย์ระหว่างสัดส่วน น้ำหนัก/ความสูง ก็ควรจะมีอยู่ในความทรงจำด้วยเช่นกัน
และเซลล์มักจะเรียกร้องความสมดุลย์ที่ดีที่สุดให้ร่างกายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อได้สารกระตุ้นที่เหมาะสม จึงทำให้เกิดการนำสารดังกล่าวไปปรับสมดุลย์น้ำหนักภายในร่างกาย ให้เกิดความสมบูรย์ขึ้น
ตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง เช่นผู้ชายมักจะชอบผู้หญิงสวย และผู้หญิงก็มักจะชอบผู้ชายหล่อ นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ฟ้องทฤษฏีดังกล่าวนี้ได้เช่นกัน
ร่างกายคนเรา รู้ "น้ำหนัก/ส่วนสูง" ที่สมดุลย์หรือไ
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
ร่างกายคนเรา รู้ "น้ำหนัก/ส่วนสูง" ที่สมดุลย์หรือไ
โพสต์ที่ 2
การรักษาแผลเป็นจากสิว
สิวเป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยรุ่น ส่วนหนึ่งจะเป็นรุนแรงมาก จนเกิดแผลเป็นได้ แผลเป็นจากสิวมีหลายชนิดที่พบได้บ่อยคือ รอยแดง แผลเป็นชนิดหลุมกว้างตื้น แผลเป็นชนิดลึก ขอบแข็ง แผลเป็นชนิดหลุมเล็กลึก แผลเป็นชนิดรอยดำ แผลเป็นชนิดนูน
การป้องกันแผลเป็นสามารถทำได้โดยการรักษาสิวให้หายโดยเร็ว ซึ่งทำได้ด้วยการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาอนุพันธ์ของไวตามินเอ หลังสิวหายสนิทแล้วประมาณ 1เดือน หากมีรอยแผลเป็นสามารถเริ่มรักษาได้ด้วยวิธีการหลายชนิด เพื่อให้ผิวเรียบ วิธีการแต่ละชนิดจะมีความเหมาะสม สำหรับแผลเป็นบางประเภทเท่านั้น เช่น
- แผลเป็นรอยแดง รักษาได้ด้วย การฉายแสงความเข็มสูง ( เช่น Omnilight) เสันเลือดฝอยที่ขยายตัว จะถูกทำลาย ขณะที่มีการกระตุ้นการสร้างคลอลาเจนไปพร้อมกัน ทำให้ผิวเรียบขึ้น และรอยแดงจางลง
- แผลเป็นชนิดหลุมกว้างตื้น จำเป็นต้องกระตุ้นการสร้างคลอลาเจนใหม่ใต้ผิวหนัง ซึ่งทำได้หลายงวิธี เช่น การยิงแสงเลเซอร์ Long-pulse Nd:YAG(เช่น Cutera) หรือใช้ เลเซร์ Fractional เช่น Mosaic หรือใช้ลูกกลิ้ง Dermaroller ต้องทำประมาณ 3-5 ครั้ง ทิ้งระยะห่างแต่ละครั้งประมาณ หนึ่งเดือน
- แผลเป็นชนิดหลุมลึกขอบ และก้นหลุมมีพังผืด การรักษาต้องใช้เข็มเข้าไปตัดพังผืดเรียกว่า Subcision และกระตุ้นด้วย Dermaroller หรือเลเซอร์ Fractional ต้องทำซ้ำ ประมาณเดือนละครั้ง ตั้งแต่ 3-5 ครั้ง
- แผลเป็นชนิดหลุมเล็ก แต่ลึกการรักษาต้องตัดหลุมออก ด้วย Punch bipsy ขนาดประมาณ 2 มม เย็บแผล และหลังตัดไหมสามารถกระตุ้นการสร้างคลอราเจนและลดความแดงด้วย Omnilight ให้รอยเย็บเลือนไป
- รอยแผลเป็นชนิดดำ สามารถทำให้จางลงด้วยเลเซอร์ Q-switched Nd YAG เช่น Spectra VRM
- แผลเป็นชนิดนูนแดง มักพบในคนที่เป็นแผลเป็นง่าย ในบางตำแหน่ง สามารถรักษาด้วงยการฉายแสง Omnilight และฉีดยาลดการสร้างพังผืด แผลเป็นชนิดนี้จะยุบตัวและความแดงลดลง แต่ต้องทำต่อเนื่องเป็นระยะหลายครั้ง
ศ.นพ.นิวัติ พลนิกร
ที่จริงมีการใช้เข็มเล็กๆแทงที่ใบหน้าทำให้เป็นแผลเพื่อรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ครับ (เข็มเล็กๆจริงๆน่ะครับ)
แต่ร่างกายมันจำตัวเองได้ไหมผมคงตอบไม่ได้ แต่รู้ว่ามันจะทำให้ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุดครับ
สิวเป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยรุ่น ส่วนหนึ่งจะเป็นรุนแรงมาก จนเกิดแผลเป็นได้ แผลเป็นจากสิวมีหลายชนิดที่พบได้บ่อยคือ รอยแดง แผลเป็นชนิดหลุมกว้างตื้น แผลเป็นชนิดลึก ขอบแข็ง แผลเป็นชนิดหลุมเล็กลึก แผลเป็นชนิดรอยดำ แผลเป็นชนิดนูน
การป้องกันแผลเป็นสามารถทำได้โดยการรักษาสิวให้หายโดยเร็ว ซึ่งทำได้ด้วยการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาอนุพันธ์ของไวตามินเอ หลังสิวหายสนิทแล้วประมาณ 1เดือน หากมีรอยแผลเป็นสามารถเริ่มรักษาได้ด้วยวิธีการหลายชนิด เพื่อให้ผิวเรียบ วิธีการแต่ละชนิดจะมีความเหมาะสม สำหรับแผลเป็นบางประเภทเท่านั้น เช่น
- แผลเป็นรอยแดง รักษาได้ด้วย การฉายแสงความเข็มสูง ( เช่น Omnilight) เสันเลือดฝอยที่ขยายตัว จะถูกทำลาย ขณะที่มีการกระตุ้นการสร้างคลอลาเจนไปพร้อมกัน ทำให้ผิวเรียบขึ้น และรอยแดงจางลง
- แผลเป็นชนิดหลุมกว้างตื้น จำเป็นต้องกระตุ้นการสร้างคลอลาเจนใหม่ใต้ผิวหนัง ซึ่งทำได้หลายงวิธี เช่น การยิงแสงเลเซอร์ Long-pulse Nd:YAG(เช่น Cutera) หรือใช้ เลเซร์ Fractional เช่น Mosaic หรือใช้ลูกกลิ้ง Dermaroller ต้องทำประมาณ 3-5 ครั้ง ทิ้งระยะห่างแต่ละครั้งประมาณ หนึ่งเดือน
- แผลเป็นชนิดหลุมลึกขอบ และก้นหลุมมีพังผืด การรักษาต้องใช้เข็มเข้าไปตัดพังผืดเรียกว่า Subcision และกระตุ้นด้วย Dermaroller หรือเลเซอร์ Fractional ต้องทำซ้ำ ประมาณเดือนละครั้ง ตั้งแต่ 3-5 ครั้ง
- แผลเป็นชนิดหลุมเล็ก แต่ลึกการรักษาต้องตัดหลุมออก ด้วย Punch bipsy ขนาดประมาณ 2 มม เย็บแผล และหลังตัดไหมสามารถกระตุ้นการสร้างคลอราเจนและลดความแดงด้วย Omnilight ให้รอยเย็บเลือนไป
- รอยแผลเป็นชนิดดำ สามารถทำให้จางลงด้วยเลเซอร์ Q-switched Nd YAG เช่น Spectra VRM
- แผลเป็นชนิดนูนแดง มักพบในคนที่เป็นแผลเป็นง่าย ในบางตำแหน่ง สามารถรักษาด้วงยการฉายแสง Omnilight และฉีดยาลดการสร้างพังผืด แผลเป็นชนิดนี้จะยุบตัวและความแดงลดลง แต่ต้องทำต่อเนื่องเป็นระยะหลายครั้ง
ศ.นพ.นิวัติ พลนิกร
ที่จริงมีการใช้เข็มเล็กๆแทงที่ใบหน้าทำให้เป็นแผลเพื่อรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ครับ (เข็มเล็กๆจริงๆน่ะครับ)
แต่ร่างกายมันจำตัวเองได้ไหมผมคงตอบไม่ได้ แต่รู้ว่ามันจะทำให้ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุดครับ