Thai VI

พอดีผมได้เข้าไปดู money forum ของ money channel คุณ อาสา อิทรวิเชียร
ท่านบอกว่า เนื่องจากแนวโน้ม ดอกเบี้ยลงดั้งนั้นอัตราดอกเบียระยะสั้นก็จะลงตาม ซึ่งรวมทั้งหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กองทุน money market ที่ส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนีและพัธบััตรรัฐบาล จึงมีแนวโน้มลง อาจจะถึงประมาณ 2 % ต้นๆๆ คับ

ถ้าเป็นอย่างงี้แล้วพวก conservative บางท่านจะหาทางเก็บเงินที่ไหนดีคับที่ได้มากกว่า 2%

ครั้งจะไป property fund ก็ได้เสียว
จะไป gold future จะ กลัวจะได้ขึ้นสวรรค์
จะไป หุ้น อืม น่าจะดีก่าหรือป่าวแฮะ


ลองช่วยแนะนำทีคับ

ขอบคุณคับ

ผมว่าคาดการณ์ตลาดคงยากนะครับ

แต่ส่วนตัวผมก็ยังเก็บเงินฝากไว้ใน Money Market เกือบทั้งหมด
ถึงแม้ว่าแนวโน้มตอนนี้จะเป็นขาลง

เพราะผมคิดว่าปีนี้น่าจะมีโอกาสให้ได้ลงทุน
ในหุ้นอย่างเต็มที่ช่วงใดช่วงหนึ่ง
ผมเลยไม่อยากให้เงินสดที่เก็บไว้ขาดสภาพคล่องครับ

ส่วนตัวผมเห็นว่าถ้าอัตราดอกเบี้ยลดจาก 2 ปลายๆ
มา 2 ต้นๆ ก็คงจะไม่ส่งผลอะไรมากนัก เพราะผมเองก็ไม่ได้มีทุนมาก
อีกประการคือ ผมไม่ได้คิดว่าการใส่เงินใน Money Market Fund
เป็นการออม ผมอยากจะเรียกว่าเป็นการพักเงินเพื่อรอจังหวะ
ในการลงทุนมากกว่า ซึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆไม่กี่เดือนหรือไม่เกิน 1 ปี

ข้อดีอีกอย่างที่ผมไม่คิดจะถอนเงินจากกอง Money Market Fund
ก็คือ ผมคิดว่ากองทุนนี้คิดดอกเบี้ยทุกวัน ซึ่งถ้าเทียบกับกองทุนอื่น
ที่มีระยะเวลาจ่ายดอกเบี้ยหรือปันผล เป็นเวลา 6 เดือน 12 เดือน
ผู้ลงทุนจะได้ประโยชน์มากกว่าถ้าถอนเงินจากกองทุนนี้
เพราะจะได้ดอกเบี้ยตามจำนวนวันที่ลงทุน ต่างจากกองทุนที่กำหนดเวลา
จ่ายผลตอบแทนซึ่งถ้าถือไม่ครบหรือถือหน่วยไม่ถึงเวลาที่จ่ายผลตอบแทน
ผู้ลงทุนก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล หรือ ดอกเบี้ย

หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะคับ

kornjackrit เขียน: ข้อดีอีกอย่างที่ผมไม่คิดจะถอนเงินจากกอง Money Market Fund
ก็คือ ผมคิดว่ากองทุนนี้คิดดอกเบี้ยทุกวัน ซึ่งถ้าเทียบกับกองทุนอื่น
ที่มีระยะเวลาจ่ายดอกเบี้ยหรือปันผล เป็นเวลา 6 เดือน 12 เดือน
ผู้ลงทุนจะได้ประโยชน์มากกว่าถ้าถอนเงินจากกองทุนนี้
เพราะจะได้ดอกเบี้ยตามจำนวนวันที่ลงทุน ต่างจากกองทุนที่กำหนดเวลา
จ่ายผลตอบแทนซึ่งถ้าถือไม่ครบหรือถือหน่วยไม่ถึงเวลาที่จ่ายผลตอบแทน
ผู้ลงทุนก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล หรือ ดอกเบี้ย

หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะคับ

ตอบได้ดีครับ   ..ผมก็เห็นด้วยว่า2 กับ 3 %มันต่างกันมากเลยหรอ... ผมว่าคนส่วนใหญ๋ไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องสภาพคล่องกันเท่าไหร่นะครับ ...หรืออาจะเป็นเพราะว่าส่วนใหญ่เค้าไม่กะยุ่งกับอะไรที่เสี่ยงๆอย่างตลาดหุ้นอยุ่แล้ว?