Thai VI

สงสัย  มันมีผลเสียอะไรที่ร้ายแรงหรือคับ


คนเรา เคยกิน ข้าววันละ3มื้อ เช่นข้าวไข่เจียว

แต่พอฐานะดีขึ้น

คนเรา  ก็กินข้าว เพิ่มเป็นวันละ4มื้อ  อาหารแพงขึ้น
เช่น  เป๋าฮื้อ หูปลาแพงแพง

แต่พอวันดีคืนดี  ฐานนะแย่ลง

กลับมากิน
คนเรา เคยกิน ข้าววันละ3มื้อ เช่นข้าวไข่เจียว

แบบเก่า  

ทำไมถึงคิดว่าแย่ลงละคับ

เพราะทุกวันนี้ก็กินข้าวไข่เจียวอยู่แล้ว พอแย่ลงเลยไม่รู้จะทำยังไงต่อ...

หนี้ไงครับ มันไม่ถดถอยด้วยกันกับรายได้น่ะ

หุหุ

เศรษฐกิจถดถอย

อาจไม่น่ากลัว
แต่น่ากลัว
อาจเป็น

ความจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย

มากกว่าที่ทำให้ผมกังวล

เพราะแก้ปัญหาที่เราไม่เคยเจอมาก่อน

ไม่ควรแก้ก่อนเกิดปัญหานะผมว่า

ในความคิดผมนะครับ มันจะอยู่ที่ตัวบริษัทหลายๆ บริษัทมากกว่าที่จะได้รับผลกระทบ แล้วถ้าบริษัทได้รับผลกระทบก็จะปลดคนงานออก คนไม่มีงานเงินจับจ่ายใช้สอยก็ลดลงอีก

ประเด็นบริษัทก็อย่างที่ทราบๆกันว่า บริษัทในช่วงเวลาปรกติก็จะมีการขยายกำลังการผลิตตาม demand ที่มากขึ้นกันอยู่แล้ว พอขยายมากขึ้นๆ fixed cost ก็จะสูงขึ้น และเมื่อ ศก.ถดถอย demand ของการใช้ สินค้าก็จะลดลง ทำให้ บริษัท กำไรลดลงหรือ ขาดทุน ขาดสภาพคล่อง พอไม่มี cash inflow ก็จะเป็นปัญหาของบริษัทอีก fixed cost ที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้ variable cost เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกันนะครับ ทั้งการรับคนงานเพิ่ม ทั้งค่าบำรุงรักษาที่มากขึ้น ครับ

อันนี้ตามความคิดผมนะครับ อาจจะมี factors อื่นๆอีกมากมายที่ผมคิดไม่ถึงครับ

ที่น่ากลัวคือผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยมากกว่า จึงขึ้นอยู่ที่แต่ละบริษัทจะมีการบริหารจัดการดีหรือไม่อย่างไร

ในยามที่เศรษฐกิจถดถอย บริษัทขายสินค้าได้น้อยลง ขณะที่รายจ่ายคงเดิม บริษัทอาจจะขาดเงินสด ทำให้ต้องเกิดการกู้หนี้ยืมสิน ทำให้เกิดเป็นภาระในการชำระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ยิ่งขายของไม่ได้ เงินสดไม่พอหนี้ก็ยิ่งเพิ่ม ก็ต้องกู้เพิ่ม หนักเข้าก็ปลดคนงาน คนก็ไม่มีเงิน ก็ไม่ซื้อของ ผู้ผลิตก็ยิ่งแย่ กระทบกันต่อไปเป็นทอดๆ กลายเป็น butterfly effect

เพราะฉะนั้นการแก้ไขต้องรีบแก้ก่อนปัญหาเกิดครับ เพราะถ้าคนหยุดใช้จ่าย ธุรกิจจะโดนกระทบ ถึงตอนนั้นแล้วอาจจะแก้ได้ยาก ทำให้ตอนนี้รัฐต้องเข้ามาอัดฉีดเงินเข้าในระบบเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนมากขึ้น พอเงินหมุนเวียนมากขึ้น ธุรกิจก็อยู่ได้ คนก็จะเริ่มมั่นใจมากขึ้น ก็เริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอย

อันนี้เป็นความคิดของผมนะครับ ผิดถูกอย่างไรช่วยแนะนำด้วย

ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าภาวะถดถอย เกิดกับประเทศ
ทีดำเนินธุรกิจ ในอุตสาหกรรม โดยทิ้งเกษตรไว้เบื้องหลัง
ถ้าเราจะย้อนกลับไปทำเกษตร และจัดรูปแบบเกษตร
ให้ดีขึ้น ใช่ทางแก้ปัญหาที่แก้จริงหรือเปล่าคับ

ผมว่าถ้าเราจะชูการเกษตรขึ้นมาเป็นตัวหลักก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่ว่าปัญหาของเรามันอยู่ที่นักการเมืองแหละครับตัวดี เกษตกรเลยจนอยู่แบบนี้ก็เพราะคนพวกนี้ล่ะครับ พวกหัวใส เล่นกันเป็นทีม ยกตัวอย่างง่ายๆเลย อย่างการประกันราคาสินค้าเกษตรที่รัฐนั่นเป็นคนรับประกัน มันก็ยังโกงกันได้โดยเอาสินค้าของประเทศลาวหรือพม่านี้ล่ะ มาปนกะโรงรับประกันสินค้าของรัฐบาล กินกันเป็นทอดๆจริงๆ เห็นที่ชาวเกษตรคงจะไม่มีทางได้ลืมตาอาปาก จริงๆล่ะครับ พวกทำนาบนหลังคนครับพวกนี้ เห็นแก่ได้จริงๆ

บางที่ต้องแก้ไขค่านิยมของคนทำงานอุสาหกรรม
ที่คิดว่าเงินดีกว่า สบายกว่างานเกษตรนะผมว่า

หากเรื่อยังไม่เข้าฝั่ง เราก็ยังยืนอยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา
ไม่ว่าจะอยู่บนเรือเล็ก หรือใหญ่ ไม่ประมาทไว้ ดีที่สุดครับ

ผมว่าเศรษฐกิจแบบพอเพียงช่วยได้ครับ คนที่มีปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากหนี้จากสินค้าฟุ่มเฟือยนะผมว่า พอมีรายได้เยอะหน่อย ผ่อนรถ เครื่องเสียง tv โดยไม่ได้วางแผน การใช้เงินและการออม พอเกิดวิกฤติ รายได้ลดลง ก็ไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ นี่แหล่ะ ปัญหาใหญ่

ข่าวเรื่องเท นม ทิ้ง    ผมว่ามันชี้เกี่ยวกับการผลิต
ที่เกินความต้องการ  จังคับ

สินค้าเกษตรหลายตัวควรลดการผลิตลงแต่เน้นที่คุณภาพมากขึ้น  

แสดงให้เห็นสินค้าบริโภคในโลกเรานี้อยู่ภาวะ
การผลิตเกินความต้องการที่แท้จริงอยู่มากทีเดียว
ทางแก้คงต้องลดการผลิตลงให้มากที่สุดนะผมว่า

เศรษกิจเติบโตอะไรก็ดี ของขายได้ เงินเดือนขึ้น
ถ้ามันถดถอยอะไรมันก็ดูไม่ดีงัยคับ  :lol: