case นี้เพิ่มทุนแต่อ่านแล้วงง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 09, 2009 9:57 pm
หลักทรัพย์ TIC
แหล่งข่าว TIC
หัวข้อข่าว มติ EGM 1/52, กำหนดรายชื่อเพื่อสิทธิการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
วันที่/เวลา 09 ม.ค. 2552 17:45:25
ที่ กก.004/2552 วันที่ 9 มกราคม 2552
เรี่อง แจ้งมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2552
และกำหนดวันรวบรวมรายชื่อเพื่อสิทธิการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
เรียน กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552
เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2552 เวลา 11.00 น. ณ ห้องสุรวงศ์วิวัฒน์ ตึกศรีสุริยวงศ์ ชั้น 10 โรงแรม
ตวันนา เลขที่ 80 ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
บริษัทฯจึงขอแจ้งมติของการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2552 ดังนี้
วาระที่ 1 มีมติเป็นเอกฉันท์รับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2551
วาระที่ 2 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยวิธีการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออก
จำหน่าย จำนวน 1,000,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท คงเหลือทุน
จดทะเบียนจำนวน 190,000,000 บาท
วาระที่ 3 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุน
จดทะเบียนของบริษัท โดยวิธีการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย เป็นดังนี้
ข้อ 4. ทุนจดทะเบียนจำนวน 190,000,000 บาท (หนึ่งร้อยเก้าสิบล้านบาท)
แบ่งออกเป็น 19,000,000 หุ้น (สิบเก้าล้านหุ้น)
มูลค่าหุ้นละ 10 บาท (สิบบาท)
โดยแบ่งออกเป็น
หุ้นสามัญ 19,000,000 หุ้น (สิบเก้าล้านหุ้น)
หุ้นบุริมสิทธิ -ไม่มี- หุ้น ( - หุ้น)
วาระที่ 4 มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิ
ออกเสียงอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 100,000,000 บาท จากเดิม 190,000,000
บาท เป็น 290,000,000 บาท โดยการออกหุ้นบุริมสิทธิใหม่ จำนวน 10,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่
ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มขนาดของฐานเงินกองทุนให้เพียงพอในอนาคต เพื่อรอง
รับการดำรงเงินกองทุนให้เพียงพอตามมาตรฐานสากล (Risk Based Capital) และอนุมัติการ
กำหนดบุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิเป็นดังนี้ 1) ในการจ่ายเงินปันผลทุกคราว ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับ
เงินปันผลร่วมกับหุ้นสามัญ ในอัตราเดียวกับหุ้นสามัญ ยกเว้นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในแต่ละปี
ตั้งแต่ปีปฏิทิน 2553 จนสิ้นบุริมสิทธิ ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับเงินปันผลเพิ่มเติมจากอัตราเงินปันผลที่
จ่ายให้กับหุ้นสามัญอีกหุ้นละ 0.75 บาท ทั้งนี้หุ้นบุริมสิทธิเป็นชนิดไม่สะสมเงินปันผล 2) หุ้นบุริมสิทธิ
มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนหนึ่งหุ้นต่อหนึ่งเสียง 3) ในการลดทุนที่มิใช่กรณีตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่าย
ไม่ได้ หรือยังมิได้นำออกจำหน่าย หรือเมื่อบริษัทได้เลิกกันและปรากฏว่ายังมีทรัพย์สินอยู่นอกเหนือจาก
ที่ได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ และการหักชำระตามกฎหมายแล้ว ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับคืนเงินค่าหุ้นก่อน
หุ้นสามัญ และ 4) บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิให้มีอายุจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 เมื่อครบกำหนด
เวลาดังกล่าวแล้ว ให้บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิเป็นอันสิ้นสุดลงทันที โดยให้มีสิทธิเป็นอย่างเดียวกับหุ้น
สามัญ และให้แปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญในอัตราหุ้นบุริมสิทธิ 1 หุ้นต่อ หุ้นสามัญ 1 หุ้น ในการนี้
ให้ทำได้โดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิยื่นคำขอแปลงหุ้นต่อบริษัท พร้อมกับส่งมอบใบหุ้นคืนให้แก่บริษัทตาม
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่บริษัทกำหนด
วาระที่ 5 มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออก
เสียงอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน
ของบริษัทโดยการออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน เป็นดังนี้
ข้อ 4.ทุนจดทะเบียนจำนวน 290,000,000 บาท (สองร้อยเก้าสิบล้านบาท)
แบ่งออกเป็น 29,000,000 หุ้น (ยี่สิบเก้าล้านหุ้น)
มูลค่าหุ้นละ 10 บาท (สิบบาท)
โดยแบ่งออกเป็น
หุ้นสามัญ 19,000,000 หุ้น (สิบเก้าล้านหุ้น)
หุ้นบุริมสิทธิ 10,000,000 หุ้น (สิบล้านหุ้น)
วาระที่ 6 มีมติด้วยเสียงข้างมากอนุมัติการจัดสรรหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน จำนวน 10,000,000 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้น
เดิมที่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนหุ้นของบริษัท ณ วันปิดสมุดทะเบียน ในวันที่คณะกรรมการจะได้เห็น
สมควรประกาศกำหนด ในสัดส่วน 1.9 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นบุริมสิทธิใหม่ เศษปัดทิ้ง โดยเสนอ
ขายในราคาหุ้นละ 10.00 บาท ทั้งนี้ให้คณะกรรมการบริษัท และ/หรือบุคคล ที่คณะกรรมการบริษัท
มอบหมายเป็นผู้พิจารณากำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการจองซื้อหุ้น
เพิ่มทุน กำหนดระยะเวลาการจองซื้อหุ้น และชำระเงิน และรายละเอียดอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเสนอ
ขายได้ทุกประการโดยคณะกรรมการจะจัดสรรหุ้นที่เหลือจากการจองซื้อตามสิทธิเดิมของผู้ถือหุ้นเดิม
ข้างต้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งประสงค์จะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตนตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
ก) ผู้ถือหุ้นมีสิทธิจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตนได้ไม่เกินหนึ่งเท่าของจำนวนหุ้นที่ตนมีสิทธิจองซื้อ โดย
จะต้องทำการจองซื้อ และชำระเงินค่าหุ้นในส่วนที่เกินนี้พร้อมกับการจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้น
ที่ตนมีสิทธิจองซื้อตามส่วน ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายให้แก่ ผู้ถือหุ้นเดิม
ข) ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตนเป็นจำนวนมากกว่าหุ้นส่วนที่เหลือ ให้จัดสรรหุ้นที่
เหลือนั้นให้แก่ผู้ถือหุ้นที่แสดงความประสงค์จะจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตน และได้ชำระค่าจองซื้อ
หุ้นดังกล่าว ตามสัดส่วนการถือหุ้นสามัญเดิมของผู้ถือหุ้นที่ได้จองซื้อหุ้นบุริมสิทธิเกินกว่าสิทธิของตน
แต่ละราย โดยการจัดสรรหุ้นดังกล่าวให้ดำเนินการไปจนกระทั่งไม่มีหุ้นเหลือจากการจัดสรร
ตามที่คณะกรรมการจะพิจารณาเห็นสมควร
ค) ในกรณีที่มีผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตนเป็นจำนวนน้อยกว่าหุ้นส่วนที่เหลือให้จัดสรรหุ้นที่
เหลือให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิและชำระค่าหุ้นดังกล่าวทุกราย
กรณีที่มีหุ้นเหลือจากการจองซื้อของผู้ถือหุ้นเดิมดังกล่าวข้างต้น ให้คณะกรรมการบริษัทฯ หรือ บุคคล
ที่คณะกรรมการบริษัทฯ มอบหมาย มีอำนาจจัดสรรหุ้นที่ไม่ได้รับการจองซื้อดังกล่าว มาเสนอขาย
แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งรวมถึงผู้ลงทุนประเภทสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุน
ที่มีลักษณะเฉพาะได้ ในราคาใดๆ ก็ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวต้องไม่
ต่ำกว่า 10.00 บาท โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ. 12/2543 โดยสามารถ เสนอขายในคราวเดียว หรือหลายคราวก็ได้ และ
ถ้าบุคคลที่บริษัทฯ เสนอขายหุ้นดังกล่าวเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ แล้ว บริษัทฯ จะต้องดำ
เนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการเข้าทำ
รายการที่เกี่ยวโยงกัน ก่อนจะเสนอขายหุ้นดังกล่าวแก่บุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ให้คณะกรรมการ และ
/หรือบุคคล ที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายดำเนินการจัดสรรหุ้นตามรายละเอียดข้างต้นให้แล้ว
เสร็จภายในปีพ.ศ. 2552 และ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อ
หุ้นเพิ่มทุน ในวันที่ 26 มกราคม 2552 และให้รวบรวมรายชื่อตาม มาตรา 225 ของพ.ร.บ.
หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียน ในวันที่ 27 มกราคม 2552 และกำหนดระยะเวลาการจอง
ซื้อหุ้น และชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุน ระหว่างวันที่ 16 ถึง 20 กุมภาพันธ์ 2552
วาระที่ 7 มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิ
ออกเสียงอนุมัติการแก้ไขข้อบังคับของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการออกหุ้นบุริมสิทธิดังนี้
ข้อ 4. หุ้นของบริษัทเป็นหุ้นสามัญ และหุ้นบุริมสิทธิ มีมูลค่าหุ้นละสิบบาท
บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิเป็นดังต่อไปนี้
1) ในการจ่ายเงินปันผลทุกคราว ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับเงินปันผลร่วมกับหุ้นสามัญ ในอัตราเดียว
กับหุ้นสามัญ ยกเว้นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในแต่ละปี ตั้งแต่ปีปฏิทิน 2553 จนสิ้นบุริมสิทธิ
ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับเงินปันผลเพิ่มเติมจากอัตราเงินปันผลที่จ่ายให้กับหุ้นสามัญอีกหุ้นละ
0.75 บาท ทั้งนี้หุ้นบุริมสิทธิเป็นชนิดไม่สะสมเงินปันผล
2) หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนหนึ่งหุ้นต่อหนึ่งเสียง
3) ในการลดทุนที่มิใช่กรณีตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้ หรือยังมิได้นำออกจำหน่าย หรือเมื่อ
บริษัทได้เลิกกันและปรากฏว่ายังมีทรัพย์สินอยู่นอกเหนือจากที่ได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ และการหัก
ชำระตามกฎหมายแล้ว ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับคืนเงินค่าหุ้นก่อนหุ้นสามัญ
4) บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิให้มีอายุจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 เมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว
ให้บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิเป็นอันสิ้นสุดลงทันที โดยให้มีสิทธิเป็นอย่างเดียวกับหุ้นสามัญ และให้
แปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญในอัตราหุ้นบุริมสิทธิ 1 หุ้นต่อ หุ้นสามัญ 1 หุ้น ในการนี้ให้ทำได้
โดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิยื่นคำขอแปลงหุ้นต่อบริษัท พร้อมกับส่งมอบใบหุ้นคืนให้แก่บริษัทตามหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวิธีการที่บริษัทกำหนดนอกเหนือจากที่ได้ระบุไว้ข้างต้น หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิ และประ
โยชน์เช่นเดียวกับหุ้นสามัญทุกประการ?
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
(นางสาวพณิตา ตู้จินดา)
กรรมการผู้จัดการ
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... anguage=th
----------------------------------------------------------------
ที่งงคือประเด็นว่า เพิ่มทุนเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ ก่อนแล้วค่อยแปลงร่างเป็นหุ้นสามัญ แถมให้ปันผลสูงกว่าหุ้นสามัญ และได้สิทธิ์ในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ 1 หุ้นบุริมสิทธิ์ เท่ากับ 1 หุ้นสามัญ
มี CASE เปรียบเทียบกับ CASE นี้ไม่ครับ

แหล่งข่าว TIC
หัวข้อข่าว มติ EGM 1/52, กำหนดรายชื่อเพื่อสิทธิการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
วันที่/เวลา 09 ม.ค. 2552 17:45:25
ที่ กก.004/2552 วันที่ 9 มกราคม 2552
เรี่อง แจ้งมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2552
และกำหนดวันรวบรวมรายชื่อเพื่อสิทธิการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
เรียน กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552
เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2552 เวลา 11.00 น. ณ ห้องสุรวงศ์วิวัฒน์ ตึกศรีสุริยวงศ์ ชั้น 10 โรงแรม
ตวันนา เลขที่ 80 ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
บริษัทฯจึงขอแจ้งมติของการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2552 ดังนี้
วาระที่ 1 มีมติเป็นเอกฉันท์รับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2551
วาระที่ 2 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยวิธีการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออก
จำหน่าย จำนวน 1,000,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท คงเหลือทุน
จดทะเบียนจำนวน 190,000,000 บาท
วาระที่ 3 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุน
จดทะเบียนของบริษัท โดยวิธีการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย เป็นดังนี้
ข้อ 4. ทุนจดทะเบียนจำนวน 190,000,000 บาท (หนึ่งร้อยเก้าสิบล้านบาท)
แบ่งออกเป็น 19,000,000 หุ้น (สิบเก้าล้านหุ้น)
มูลค่าหุ้นละ 10 บาท (สิบบาท)
โดยแบ่งออกเป็น
หุ้นสามัญ 19,000,000 หุ้น (สิบเก้าล้านหุ้น)
หุ้นบุริมสิทธิ -ไม่มี- หุ้น ( - หุ้น)
วาระที่ 4 มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิ
ออกเสียงอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 100,000,000 บาท จากเดิม 190,000,000
บาท เป็น 290,000,000 บาท โดยการออกหุ้นบุริมสิทธิใหม่ จำนวน 10,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่
ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มขนาดของฐานเงินกองทุนให้เพียงพอในอนาคต เพื่อรอง
รับการดำรงเงินกองทุนให้เพียงพอตามมาตรฐานสากล (Risk Based Capital) และอนุมัติการ
กำหนดบุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิเป็นดังนี้ 1) ในการจ่ายเงินปันผลทุกคราว ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับ
เงินปันผลร่วมกับหุ้นสามัญ ในอัตราเดียวกับหุ้นสามัญ ยกเว้นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในแต่ละปี
ตั้งแต่ปีปฏิทิน 2553 จนสิ้นบุริมสิทธิ ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับเงินปันผลเพิ่มเติมจากอัตราเงินปันผลที่
จ่ายให้กับหุ้นสามัญอีกหุ้นละ 0.75 บาท ทั้งนี้หุ้นบุริมสิทธิเป็นชนิดไม่สะสมเงินปันผล 2) หุ้นบุริมสิทธิ
มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนหนึ่งหุ้นต่อหนึ่งเสียง 3) ในการลดทุนที่มิใช่กรณีตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่าย
ไม่ได้ หรือยังมิได้นำออกจำหน่าย หรือเมื่อบริษัทได้เลิกกันและปรากฏว่ายังมีทรัพย์สินอยู่นอกเหนือจาก
ที่ได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ และการหักชำระตามกฎหมายแล้ว ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับคืนเงินค่าหุ้นก่อน
หุ้นสามัญ และ 4) บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิให้มีอายุจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 เมื่อครบกำหนด
เวลาดังกล่าวแล้ว ให้บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิเป็นอันสิ้นสุดลงทันที โดยให้มีสิทธิเป็นอย่างเดียวกับหุ้น
สามัญ และให้แปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญในอัตราหุ้นบุริมสิทธิ 1 หุ้นต่อ หุ้นสามัญ 1 หุ้น ในการนี้
ให้ทำได้โดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิยื่นคำขอแปลงหุ้นต่อบริษัท พร้อมกับส่งมอบใบหุ้นคืนให้แก่บริษัทตาม
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่บริษัทกำหนด
วาระที่ 5 มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออก
เสียงอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน
ของบริษัทโดยการออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน เป็นดังนี้
ข้อ 4.ทุนจดทะเบียนจำนวน 290,000,000 บาท (สองร้อยเก้าสิบล้านบาท)
แบ่งออกเป็น 29,000,000 หุ้น (ยี่สิบเก้าล้านหุ้น)
มูลค่าหุ้นละ 10 บาท (สิบบาท)
โดยแบ่งออกเป็น
หุ้นสามัญ 19,000,000 หุ้น (สิบเก้าล้านหุ้น)
หุ้นบุริมสิทธิ 10,000,000 หุ้น (สิบล้านหุ้น)
วาระที่ 6 มีมติด้วยเสียงข้างมากอนุมัติการจัดสรรหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุน จำนวน 10,000,000 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้น
เดิมที่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนหุ้นของบริษัท ณ วันปิดสมุดทะเบียน ในวันที่คณะกรรมการจะได้เห็น
สมควรประกาศกำหนด ในสัดส่วน 1.9 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นบุริมสิทธิใหม่ เศษปัดทิ้ง โดยเสนอ
ขายในราคาหุ้นละ 10.00 บาท ทั้งนี้ให้คณะกรรมการบริษัท และ/หรือบุคคล ที่คณะกรรมการบริษัท
มอบหมายเป็นผู้พิจารณากำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการจองซื้อหุ้น
เพิ่มทุน กำหนดระยะเวลาการจองซื้อหุ้น และชำระเงิน และรายละเอียดอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเสนอ
ขายได้ทุกประการโดยคณะกรรมการจะจัดสรรหุ้นที่เหลือจากการจองซื้อตามสิทธิเดิมของผู้ถือหุ้นเดิม
ข้างต้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งประสงค์จะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตนตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
ก) ผู้ถือหุ้นมีสิทธิจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตนได้ไม่เกินหนึ่งเท่าของจำนวนหุ้นที่ตนมีสิทธิจองซื้อ โดย
จะต้องทำการจองซื้อ และชำระเงินค่าหุ้นในส่วนที่เกินนี้พร้อมกับการจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้น
ที่ตนมีสิทธิจองซื้อตามส่วน ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายให้แก่ ผู้ถือหุ้นเดิม
ข) ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตนเป็นจำนวนมากกว่าหุ้นส่วนที่เหลือ ให้จัดสรรหุ้นที่
เหลือนั้นให้แก่ผู้ถือหุ้นที่แสดงความประสงค์จะจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตน และได้ชำระค่าจองซื้อ
หุ้นดังกล่าว ตามสัดส่วนการถือหุ้นสามัญเดิมของผู้ถือหุ้นที่ได้จองซื้อหุ้นบุริมสิทธิเกินกว่าสิทธิของตน
แต่ละราย โดยการจัดสรรหุ้นดังกล่าวให้ดำเนินการไปจนกระทั่งไม่มีหุ้นเหลือจากการจัดสรร
ตามที่คณะกรรมการจะพิจารณาเห็นสมควร
ค) ในกรณีที่มีผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิของตนเป็นจำนวนน้อยกว่าหุ้นส่วนที่เหลือให้จัดสรรหุ้นที่
เหลือให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิและชำระค่าหุ้นดังกล่าวทุกราย
กรณีที่มีหุ้นเหลือจากการจองซื้อของผู้ถือหุ้นเดิมดังกล่าวข้างต้น ให้คณะกรรมการบริษัทฯ หรือ บุคคล
ที่คณะกรรมการบริษัทฯ มอบหมาย มีอำนาจจัดสรรหุ้นที่ไม่ได้รับการจองซื้อดังกล่าว มาเสนอขาย
แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งรวมถึงผู้ลงทุนประเภทสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุน
ที่มีลักษณะเฉพาะได้ ในราคาใดๆ ก็ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวต้องไม่
ต่ำกว่า 10.00 บาท โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ. 12/2543 โดยสามารถ เสนอขายในคราวเดียว หรือหลายคราวก็ได้ และ
ถ้าบุคคลที่บริษัทฯ เสนอขายหุ้นดังกล่าวเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ แล้ว บริษัทฯ จะต้องดำ
เนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการเข้าทำ
รายการที่เกี่ยวโยงกัน ก่อนจะเสนอขายหุ้นดังกล่าวแก่บุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ให้คณะกรรมการ และ
/หรือบุคคล ที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายดำเนินการจัดสรรหุ้นตามรายละเอียดข้างต้นให้แล้ว
เสร็จภายในปีพ.ศ. 2552 และ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อ
หุ้นเพิ่มทุน ในวันที่ 26 มกราคม 2552 และให้รวบรวมรายชื่อตาม มาตรา 225 ของพ.ร.บ.
หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียน ในวันที่ 27 มกราคม 2552 และกำหนดระยะเวลาการจอง
ซื้อหุ้น และชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุน ระหว่างวันที่ 16 ถึง 20 กุมภาพันธ์ 2552
วาระที่ 7 มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิ
ออกเสียงอนุมัติการแก้ไขข้อบังคับของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการออกหุ้นบุริมสิทธิดังนี้
ข้อ 4. หุ้นของบริษัทเป็นหุ้นสามัญ และหุ้นบุริมสิทธิ มีมูลค่าหุ้นละสิบบาท
บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิเป็นดังต่อไปนี้
1) ในการจ่ายเงินปันผลทุกคราว ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับเงินปันผลร่วมกับหุ้นสามัญ ในอัตราเดียว
กับหุ้นสามัญ ยกเว้นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในแต่ละปี ตั้งแต่ปีปฏิทิน 2553 จนสิ้นบุริมสิทธิ
ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับเงินปันผลเพิ่มเติมจากอัตราเงินปันผลที่จ่ายให้กับหุ้นสามัญอีกหุ้นละ
0.75 บาท ทั้งนี้หุ้นบุริมสิทธิเป็นชนิดไม่สะสมเงินปันผล
2) หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนหนึ่งหุ้นต่อหนึ่งเสียง
3) ในการลดทุนที่มิใช่กรณีตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้ หรือยังมิได้นำออกจำหน่าย หรือเมื่อ
บริษัทได้เลิกกันและปรากฏว่ายังมีทรัพย์สินอยู่นอกเหนือจากที่ได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ และการหัก
ชำระตามกฎหมายแล้ว ให้หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับคืนเงินค่าหุ้นก่อนหุ้นสามัญ
4) บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิให้มีอายุจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 เมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว
ให้บุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิเป็นอันสิ้นสุดลงทันที โดยให้มีสิทธิเป็นอย่างเดียวกับหุ้นสามัญ และให้
แปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญในอัตราหุ้นบุริมสิทธิ 1 หุ้นต่อ หุ้นสามัญ 1 หุ้น ในการนี้ให้ทำได้
โดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิยื่นคำขอแปลงหุ้นต่อบริษัท พร้อมกับส่งมอบใบหุ้นคืนให้แก่บริษัทตามหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวิธีการที่บริษัทกำหนดนอกเหนือจากที่ได้ระบุไว้ข้างต้น หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิ และประ
โยชน์เช่นเดียวกับหุ้นสามัญทุกประการ?
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
(นางสาวพณิตา ตู้จินดา)
กรรมการผู้จัดการ
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... anguage=th
----------------------------------------------------------------
ที่งงคือประเด็นว่า เพิ่มทุนเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ ก่อนแล้วค่อยแปลงร่างเป็นหุ้นสามัญ แถมให้ปันผลสูงกว่าหุ้นสามัญ และได้สิทธิ์ในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ 1 หุ้นบุริมสิทธิ์ เท่ากับ 1 หุ้นสามัญ
มี CASE เปรียบเทียบกับ CASE นี้ไม่ครับ
