อันดับแรก บอกก่อนว่าไม่เซียนนะคะ แต่จะพยายามตอบเท่าที่เข้าใจค่ะ
เบื้องต้น ต้องแก้ไขความเข้าใจพื้นฐานก่อนค่ะ พี่ nipon_tonna เข้าใจคลาดเคลื่อนไปมากทีเดียว...คือ
ตัวฟิวเจอร์ที่ซื้อขายกันอยู่ทุกซีรี่ย์ ต้องอ้างอิงกะตัวสปอตคือ set50 ค่ะ ไม่ใช่ตัว set
ประมาณคร่าวๆแล้ว set50 มีสัดส่วนเป็น"ประมาณ" 70% ของ set ค่ะ, อันนี้คือคร่าวๆนะคะ ซึ่งก็ไม่แน่นอน แต่จะประมาณนี้ค่ะ, ซึ่งเราก็ดูที่ set50 โดยตรงไปเลย ไม่ต้องดู set ก็ย่อมได้ ,แต่การดู set ไปด้วยก็เป้นการตรวจดูภาพรวมของตลาดไปในตัวก็จะดีค่ะ
และโดยทั่วไปแล้ว set50 ก็มักจะเป็นตัวชี้นำ set นั่นแหละ (เพราะเป็นสัดส่วนที่มาก) แต่ให้ดู set50 โดยตรงจะดีกว่า เพราะบางที set50 ก็แข็งกว่า set หรือบางทีก็อาจจะอ่อนกว่าปกติจึงฉุด set ใหญ่ลงมาได้ (จะเห็นว่า set50 นั่นล่ะ เป็นตัวทำให้ดัชนี set ขึ้นหรือลงได้นั่นเอง)
ดังนั้น คงจะพูดได้ว่า เมื่อเซทถูกลากขึ้นด้วยน้ำหนักของหุ้นใหญ่ทั้งหลายในเซท 50 สัดส่วน set50 ก็จะดูว่ามากขึ้น แต่ถ้าเซทใหญ่ถูกทุบลงมาด้วยหุ้นใหญ่ทั้งหลาย สัดส่วน set50 ก็จะลดลงได้บ้าง
...ดังนั้นสัดส่วน 70% ที่ว่า เป็นแค่การประมาณดูจากที่มันเคยเป็นมา และมันจะพริ้วเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้เล็กน้อย ตามสถานการของการเป็นขาขึ้นหรือขาลง ณ ช่วงเวลานั้นๆ
...ฉนั้น อาจพูดได้ว่า มุมมองของพี่อาจจะผิดเพี้ยนได้เล็กๆน้อยๆ ถ้าเล่นฟิวเจอร์ด้วยการไปอิงดูเอาจาก ดัชนี set ใหญ่
...และคงพูดได้ว่า การคำนวนผลตอบแทนคาดการก็คงผิดเพี้ยนไปได้มากพอสมควร (เช่นว่า ถ้าเซทวิ่งร้อยจุด เซทห้าสิบ ก็คงไม่วิ่งทั้งหมดร้อยจุดหรอก ในร้อยจุดนั้นก็คงต้องมีที่ให้หุ้นนอกเซทห้าสิบทำงานบ้างแหละค่ะ ,ทั้งนี้ที่มันจะเพี้ยนได้มาก ก็แล้วแต่ช่วงเวลาตอนนั้น เช่นว่าเซทวิ่งขึ้นโดยใช้หุ้นใหญ่ลากอย่างเดียวเป็นหลัก ตัวกลางตัวเล็กหลับสนิท แบบนี้เซท 50ก็ดูจะวิ่งขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่าปกติ เป็นต้น :lol: โดยมากก็จะเพี้ยนบ่อยช่วงที่มีบางคนต้องการทำดัชนีปิดให้ดูงาม)
ดังนั้น จึงอยากบอกว่า พี่ควรแก้ไขมุมมองพื้นฐานก่อนอันดับแรก ไม่งั้นจะมองอะไรไม่ตรงเพื่อนๆคนอื่นในตลาดฟิวเจอร์ทั่วไป
ทีนี้เมื่อแก้มุมมองแล้ว มาว่ากันต่อเรื่องตัวฟิวเจอร์
ในตัวฟิวเจอร์เอง ก็จะแบ่งเป็น 4 ซีรี่ย์ ซีรี่ย์ละ 1 ไตรมาส (คือสามเดือนนั่นเอง)
ทั้งนี้ ตัวฟิวเจอร์ ก็จะพริ้วออกจากตัวสปอตอ้างอิง (set50)จนกว่าจะถึงวันใกล้ๆสุดท้าย คือสิ้นวันทำการของเดือนที่สามของแต่ละซีรี่ย์ จึงจะวิ่งเข้าใกล้ตัวสปอต จนวันสุดท้ายจริงๆ ก็ไม่ต้องเทรดก็ได้ เพราะจะคำนวนหักลบกันเลยเท่ากันเด๊ะๆ กะตัวสปอตจริง
และเท่าที่สังเกตุดู ตัวซีรี่ย์ที่ไกลกว่า มักจะมีทิศทางบ่งชี้ว่าจะมีส่วนลดจากตัวสปอตมาก ถ้าตลาดยังคงอยู่ในเขตที่ยังรู้สึกว่าเป็นขาลงในระยะกลางยาว
แต่ในช่วงที่ตลาดเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอาจจะเป็นขาขึ้น ส่วนลดนี้ก็จะแคบขึ้นมาใกล้ตัวสปอต แต่ตัวซีรี่ย์ไกลจะแซงตัวสปอตเลยหรือไม่ อันนี้ไม่แน่ใจ (เพราะดิฉันก็เพิ่งหัดเล่นตอนเซทเป็นขาลง จึงไม่มีข้อสังเกตุตรงนี้ค่ะ)
ซึ่ง..เท่าที่สังเกตุตัวซีรี่ย์ใกล้สุด ถ้ายิ่งใกล้หมดสัญญา และขณะนั้นตลาดมีท่าทีว่า ระยะสั้นทิศทางเหมือนจะเป็นขาขึ้น ในบางวันหรือบางช่วงของในวัน จะมีโอกาสได้เห็นตัวซีรี่ย์ใกล้สุด วิ่งขึ้นเลยตัวสปอตได้บ้างเหมือนกัน
แต่เอางี้ดีก่า (ชักซับซ้อน คนพุดก้เริ่มงง เดี๋ยงคนอ่านจะงงตาม :lol: )
ถ้าพี่กะเล่นยาว ก็อิงจาก set50 ตัวจริงเป็นหลักแล้วกันค่ะ
(เพียงแต่ว่าที่พยายามอธิบายยาวยืดเรื่องการพริ้วของตัวซีรี่ย์แต่ละตัวนั้น คือมันจะไม่เท่ากันค่ะ ดังนั้นหมายถึง ถ้าพี่จะปิดตัวเดิมที่สิ้นไตรมาส เพื่อไปเข้าตัวถัดไป คงจะไม่ได้ที่ราคาเท่ากันหรอกค่ะ,แต่ถ้าพี่เน้นเล่น long ก็คงจะดี เพราะจะได้แก๊ปฟรีเล็กน้อยเวลาปิดและเปิด,กลับกันถ้าเน้นเล่น short จะเสียแก๊ปเล็กน้อยเช่นกันค่ะ)
เอาเป็นว่ามาเข้าเรื่องของในตย.ที่พี่ยกมาจะดีกว่า
ถ้าพี่มองว่าเซทใหญ่คงไปอยู่ได้ที่ 900 จุดได้แน่ๆ ในอีก 5-10 ปี
ถ้าเอาตัวเลขกลมๆ 70% เลย ก็ set50 ประมาณ 630 จุด
เอากลมๆอีก ตอนนี้เซท 450 =set50 ประมาณ 315 จุด...."พี่ long ที่ตรงนี้นะ)
(เอากรณีที่พี่เผื่อใจทางร้ายไว้ว่า เซทคงลงไปที่ 300จุด=set50 ประมาณ210)
.....เขาเรียกเงินวางประกันครั้งแรกไว้ 50000 บาท (ที่พี่ซื้อ long ไว้ 315)
.....จะเรียกเงินประกันเพิ่ม ทุกครั้งที่เงินประกันคงเหลือต่ำกว่า 35000 (ก็คือทุก -15จุด จะเรียกเงินเติมตั้งแต่ 15000 บาทขึ้นไปหรือเรียกเติมให้กลับมาเต็ม 50000ดังเดิม)
....เอาง่ายๆแล้วกันว่า พี่ควจะต้องมีเงินว่างๆไว้เผื่อเลย 315-210=105*1000=105000 บาท (กรณีที่พี่มองว่าโลเซทคงไม่ต่ำกว่า 300จุด)...ทีนี้ต้องมีเงินสำรองอีกหน่อย คือบางทีถ้ากดลงด้วยหุ้นใหญ่ set50 อาจจะสัดส่วนลดลง สมมติเป็นแค่ 68% ไม่ถึง70% อย่างค่าเฉลี่ยปกติ ...พี่ควรจะเผื่อไว้อีกเลย งั้นสมมติให้กดเหลือ 65% เอ้า เพื่อความชัวร์ ....ดังนั้น set 300จุด=set50 ประมาณ 195 จุด...................ดังนั้น.....
.....315-195=120*1000=120000 บาท รวมกะประกันครั้งแรก 50000= เงินสำรอง 170000บาท + ค่าคอมเผื่อไว้สิบปีตามพี่ว่า 40000 =210000 บาท....นี่คือเงินที่ต้องนอนไว้นิ่งๆตามแผน
.....นั่นหมายถึง เซทไม่ลงต่ำกว่า 300 จุดนะพี่นะ ถ้าลงล่ะ อ้อ พี่ก็ควรมีเงินที่นอนนิ่งๆเผื่อถ้ามันลงนะ เช่น เผื่อไว้อีกซัก 50 *1000 มั้ย หรือจะเผื่อ 100จุดเลย เอาชัวร์...
ทำไมต้องบอกว่า เอาชัวร์ ก็เพราะพี่เล่นยาวไง ระยะสั้นจะผิดทางยังไง พี่ก็จะเล่นยาวน่ะค่ะ...เพราะถ้ามันกดลงต่ำกว่า 300จุด ซัก สองวันล่ะ โบรคเขาไม่รอพี่นะ ถ้ารุ่งขึ้นเขาเรียกพี่เติมเงินแล้วพี่ไม่มีเติม เขาจับปิดสถานะทันทีนะ :!:
แล้วพอสองวันดัชนีมันโผล่ขึ้นมาใหม่ ไม่มีใครรับผิดชอบพี่นะ เตือนไว้ก่อนล่ะ :!: :!: :!:
อ่า เอาล่ะ ทีนี้มามองที่ เป้าหมายบ้าง
คือเซท 900=set50 630 เอากลมๆนะคะ เวลากำไรไม่ต้องเผื่อใจ เอากลมๆก็พอ
=630-315=315*1000=315000บาท
คิดอัตราผลตอบแทนจากเงินที่ต้องเอามานอนนิ่งๆแช่ไว้สิบปี(นี่เอาตามที่พี่ว่านะ ,จริงๆก็ไม่น่าถึง10ปีหรอกค่ะ :lol: หวังว่านะคะ)คือ...
กำไร 315000-หักค่าคอม 40000 ต่อทุน 210000(จริงๆน่าเผื่อมากกว่านี้หน่อย ตามเหตุผลที่บอกว่ามีบังคับขาย

:!: :!: )
ถ้าเอาผลกำไรจริงๆ (เพราะเงินเติม เวลาขาขึ้นเลยจุดที่เราถือ ก็จะได้เงินคืนมาหมดที่เติมไป) ทุนจริงก็คือ ค่าคอม 40000 น่ะค่ะ ก็คือกำไรจริง =315000-40000= กำไรจริง 275000 (จะหักค่าดอกเบี้ยค่าเสียเวลาเงินที่ดองไว้สิบปี พี่ก็ลองคิดดูค่ะว่าคุ้มมั้ย ถ้าจะเล่นแนวนี้)
กรณีนี้ กำไรจริงประมาณ 275000 ทุนที่ต้องดองสำรองคือ 210000(รวมคอมที่ต้องจ่ายแล้วไม่เกิน 4หมื่น) =ประมาณ130%
อีกมุมนึง กำไรจริง 275000 ทุนที่ต้องจ่ายหายไปจริงๆ 40000 = 687.5%
งงมะคะ ดิฉันเริ่มงงเล็กน้อยแล้ว ไปล่ะค่ะ
:lovl: