Thai VI

ตอนผมลงทุนเพื่อเครคิดภาษี ในการถือ กองทุน RMF และ LTF....ผมใช้นโยบาย

RMF ผมมันเป็นหุ้นตั้งแต่ต้นอยู่แล้วน่ะสิครับ  
ตอนนี้เหลือแค่ทองกับบ้านที่จะนำมาเปลี่ยนเป็นหุ้นได้ครับ  

เป็นความคิดที่ดีครับ ผมก็กำลังรอสลับ RM2 เป็น RM4

ขอเอาเทคนิคลดความผันผวน สำหรับคนที่ลงทุนใน LTF มาฝากนะครับ

ในช่วงที่ตลาดผันผวนมากๆ และมีข่าวให้ panic อยู่บ่อยครั้ง เราสามารถลดความผันผวนลงได้ด้วยการสลับกองทุน เช่น LTF1 -> LTF3

ตัวอย่าง สลับกองทุนจาก LTF1 ไป LTF3 ในเวลาทำการ วันที่ 20/11/51

pJuk @ Pantip สินธร เขียน:ราคาที่ได้ในวันที่ทำรายการ (T - 20/11/51) จะเป็นราคาของกองทุนที่สับเปลี่ยนออก (LTF1) ครับ

ส่วนกองทุนปลายทาง (LTF3) จะใช้ราคา อีก 3 วันทำการถัดไป (T+3 - 25/11/51) ซึ่งจะยังไม่ทราบครับ

โดยระหวาง 3 วันทำการ ที่ยังไปได้เข้ารับ การจัดสรรหน่วยลงทุนในกองทุน
ปลายทาง ไม่ว่าตลาดหุ้นจะไปในทิศทางใด เงินลงทุนที่รอเข้าลงทุนต่อ ก็
จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยครับ

ดังนั้นการสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน จึงเสมือนเป็นการหลุดพ้นออกจากตลาด
หุ้นได้ชั่วคราวนั่นเองครับ

ส่วน RMF จะใช้เทคนิคสลับกองทุนไม่ได้ เพราะระยะเวลาสับเปลี่ยนเป็น T ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.scbam.com/inc/parkpoom/invbook2.asp?l=th

ผมก็เลือกของ scb เหมือนกัน เพราะง่ายแก่การสั่งซื้อขาย ในระบบ internet ไม่ต้องไปธนาคาร แถมเวลาตัดสินใจยังให้ถึง 16.00 น ได้  ไปธนาคารเขาให้แค่ 15.30.......การสับเปลี่ยน LT1 ไปเป็น LT3 นั่น ก็คือเปลี่ยนจาก หุ้น big cap พวก SET50 เป็นหุ้นเล็กหรือกลาง ... ผมชอบ LT3 เหมือนกันครับ  แต่ภาวะเช่นนี้ผมว่า น่าเลือก SCBLTS เพราะ หุ้นขาลง เขามีการซื้อ index ไว้ด้วย จะลงช้ากว่าปกติ .....เมื่อต้นปี ผมมีการเปลี่ยน LT3 เป็น LTS ไปบางส่วนแล้ว  ได้ผลชะลอการขาดทุนไปได้บ้าง

คุณ vrs บอกว่า

เป็นความคิดที่ดีครับ ผมก็กำลังรอสลับ RM2 เป็น RM4

 ผมก็มองอยู่ครับ คงทำแบบเดียวกัน ผมมีทั้ง RM1 และ RM2 คงเปลี่ยนเป็น RM4 เช่นกัน  :D  :D

ขอแชร์ด้วยคนครับ

ปีที่แล้ว ผมซื้อทั้ง L และ R ของ Aberdeen เพราะเห็นว่าไม่ไปลงในน้ำมันเยอะ

ส่วนปีนี้ซื้อ L ไปแล้วกะ SCB ใน SET 50 เพราะเห็นว่าลงไปเยอะ ส่วน R ยังไม่ซื้อ แต่คิดว่าคงจะซื้อของ Tisco - China & India แน่ๆ เพียงแต่เมื่อไหร่เท่านั้นเอง

คงใกล้ๆจะต้องซื้อแล้วหละฮ่ะ..............เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว

สงสัยว่า RMF ถือไปเรื่อยๆได้หรือไม่  หรือว่าต้องขายภายในเวลาที่กำหนด

การซื้อ RMF เป้าหมายคือการออมทรัพย์ อย่างหนึ่ง  ต้องซื้อทุกปี อย่างต่ำ 5000 บาท...และ ถือไปเรื่อย ๆ จนอายุครบ 55 ปีครับ.....ส่วนผู้ที่ใกล้หรือเกิน 55 ปี ก็ต้องถือให้ครบ 5 ปีติดต่อกัน  ดูรายละเอียดโดยสรุปง่าย ๆ ได้ที่ http://www.scbam.com/inc/parkpoom/invbook.asp?l=th    :D  :D

RMF ซื้อปี เว้นปี ได้ครับ

เนื่องจ่าย RMF เป็นกองทุนที่สลัป หุ้นกับตราสารหนี้ได้ จึงเป็น กองทุนที่ ดีมาก ในระยะยาว เมื่อตลาดหุ้นเริ่มไม่ดี เราก็สลัมาถือ เป็นตราสารหนี้
พอตลาดหุ้นเริ่มดีก็สลัปมา เป็นหุ้น ทำแบบนี้เรื่อยไป ได้กำไร สองดอก
ดอกแรกลดภาษี
ดอกสองกำไรจากส่วนต่าง
ครบ 55 ปีถอนออก คงเที่ยวได้รอบโลก

^^

มีคำถามสงสัยเกี่ยวกับ RMF, LTF นะครับ

คือใน ปี 2551 นี้ ถ้าผมซื้อ RMF, LTF ในเดือนธันวาคมนี้

สามารถนำมาลดหย่อนภาษีของเงินได้ในรอบปี 2551 ได้ใช่มั้ยครับ

แล้วสมมติซื้อ RMF จำนวน 5,000 บาท ก็จะสามารถนำมาหักออกจากเงินได้ในการคำนวณภาษีได้ใช่หรือไม่ครับ

ขอบคุณมากครับ  :D

ผมขออนุญาติตอบแทนเลยน่ะครับว่าใช่ครับ แต่เนื่องจากผมไม่รู้รายได้ ก็เลยไม่ 100% แต่คิดว่าสำหรับคนที่คิดจะซื้อ R, คงมีรายได้ระดับหนึ่ง ซึ่ง 5,000 คงจะไปหักจากรายได้ครบ 100% และไม่น่าเกิน 15% ( เพราะเท่ากับรายได้แค่ ปีล่ะ 30,000 กว่าๆ เกือบ 40,000 ต่อปี ซึ่งไม่น่าใช่)

สรุปว่า เอาไปหักได้แน่นอนครับ (แต่ผมว่าถ้ารายได้ต่อปี ไม่ได้มากนัก R อาจจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายน่ะครับ อันนี้ความเห็นส่วนตัว เพราะผมว่าถ้าจะซื้อทั้งที น่าจะซื้อให้ถึง 15% ของรายได้ทั้งปีไปเลย)

ถ้าสมมุติเรามีรายได้ 200,000 บาทต่อปี  เราจะซื้อ RMF LTF ได้เพียง 30,000 บาทต่อรายการเท่านั้นใช่หรือไม่ครับ หากจะซื้อมากกว่านั้นจะได้หรือไม่ แต่นำไปลดหย่อนภาษีได้เพียง 30,000 บาทต่อรายการ อย่างนี้เป็นต้น
ขอคำแนะนำด้วยครับ

แล้ว RMF ต้องซื้อด้วยจำนวนเงินเท่ากันทุกปีหรือไม่ ถ้าปีนี้ซื้อ 30,000 บาท  ปีหน้าสามารถเลือกซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท ได้หรือไม่

ผมอยากช่วยตอบน่ะครับ เพียงแต่ไม่มั่นใจ 100% เพราะว่าตามจริงมันเป็นอย่าง K.ppon บอกก็คือว่าประโยชน์ทางภาษีมันไม่เกิน 15% ของรายได้ เพียงแต่ว่า ผมว่าถ้ารายได้ 200,000 แสนต่อปี อาจจะไม่ได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนเยอะ เนื่องจากเท่าที่ผมเข้าใจก็คือ 100,000 แรกไม่โดนอยู่แล้ว ส่วนอีกแสนก็หักโน่นนี่ นี่นั่นได้พอสมควร ไหนจะประกันชีวิตอีก ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าจะได้ผลเต็มที่ โดยเฉพาะกับ RMF ครับ

ความเห็นผม ผมว่าใช่ครับ ได้ 15% คือ 30,000 บาท และปีต่อไปก็ maintain ที่ 5,000 บาท ได้ครับ

ผมว่าฮั่งเส็งยังแพงอยู่ (ผมคิดของผมอย่างนั้น) เพราะฉะนั้น China-India RMF ของ Tisco ยัง still finding its bottom ( only my personal perspective)

เวลาการซื้อของปีนี้เหลืออีกไม่มากสำหรับการซื้อเพื่อได้รับการหักลดหย่อนทางด้านภาษี ดังนั้นผมเลยกะว่าจะซื้อ RMF ของ Tisco ที่ไปลงใน Gov Bond ก่อนที่จะ swap ไปลงใน China-India ในปีหน้า เนื่องจากไม่เสีย คชจ ในการเปลี่ยนกอง

ฟังดูเข้าท่าหรือไม่ได้เรื่องครับ?