Thai VI

...สวัสดีครับ
ผมเป็นมือใหม่ครับ ......อยากจัดสรรเงินเย็นที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ภายใน 5 ปีนี้ จะเอามาออมเงินในหุ้นบลูชิพ.....แล้วรอรับปันผลครับ....ไม่เทรดบ่อยครับ
ส่วนตัวชอบหุ้นใหญ่ๆๆ เป็นตัวแม่ของอุตสาหกรรมนั้นๆๆครับ
สนใจจะลง ptt,bbl,advanc,scc..... อย่างละ 25% ทั้ง 4 ตัวลงแบบทยอยซื้อครับผม ถ้าช่วงไหนหุ้นตกเยอะๆๆหนักๆๆ ค่อยเก็บครับผมคิดว่าโอไหมครับ
.............................................
ส่วนตัวที่ลงใน advanc,bbl=เพราะในชีวิตประจำวัน ผมก็ใช้บริการในธุรกิจ 2 ตัวนี้ก็รู้สึกโอเคครับ....แล้วค่อนข้างเชื่อใจ ในพื้นฐานความแข็งแกร่งครับ
 ส่วน ptt,scc.....นีทั้ง สองตัวผมว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดีที่น่ามีไว้ในพอร์ตครับ และราคาก็ลงมาในระดับที่ถือว่าถูกอ่ะครับ แต่ก็ยังเชื่อว่ามีถูกกว่านี้ในปีหน้า เลยอยากเก็บไว้โดยการซื้อเฉลี่ยครับ

สนใจจะลง ptt,bbl,advanc,scc..... อย่างละ 25% ทั้ง 4 ตัวลงแบบทยอยซื้อครับผม ถ้าช่วงไหนหุ้นตกเยอะๆๆหนักๆๆ ค่อยเก็บครับผมคิดว่าโอไหมครับ

4 ตัวนี้ผมว่าโอเคนะครับ ถ้าเทียบคราวๆกับเป้าหมาย ข้อจำกัด และ
ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคุณ navigator_p เพราะ ทั้ง 4 ตัวเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ทั้งหมดและการจ่ายปันผลของทั้ง 4 ตัวก้สม่ำเสมอ
(อย่างน้อยในอีก 5 ปี)

แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าน้ำหนักการลงทุนในแต่ละตัวอาจจะไม่จำเป็นต้อง
เท่ากันก็ได้ครับ ผมว่าลองศึกษาเพิ่มเติมแต่ละตัว แล้วเลือกให้นำหนักตัวที่มีแนวโน้มจะทำกำไรได้ดีกว่า ในอีก 5 ปี มากหน่อย น่าจะดีกว่านะครับ

ยังไงก็ขอให้ดชคดีครับ

แนะนำอย่างนี้ครับ ตอนเริ่มลงทุนใหม่ ๆ ลองผิดลองถูก ซื้อไว้สามตัว พยายามซื้อเฉลี่ยให้เท่าๆกัน กะถือไว้นาน ๆ  ปันผลทั้งสามตัวนะครับ แต่ตัวหนึ่งราคาดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนอีกสองตัวราคาลงมา

ตอนนี้ตัวที่ราคาดี เค้าซื้อหุ้นคืนทั้งหมด เพื่อออกจากตลาด TAF นั่นเอง ตอนรู้ข่าวน้ำตาแทบไหล รักมากตัวนี้

เลยเหลือแค่สองตัวที่ราคาติดลบอยู่ พอร์ตแดงแสลงใจครับ

คราวนี้เลยเอาใหม่ครับ กะซื้อไว้หลาย ๆ ตัวหน่อย ตัวละน้อย ๆ ก็พอ เหมือนซื้อมาร์คเอาไว้ เอาตัวที่เราคิดว่าดีนะครับ ทีนี้พอมีเงินแล้วคิดว่าราคามันไม่เกินราคาที่เราคำนวณไว้ก็ทยอยซื้อเข้ามาเรื่อย ๆ

อย่างที่เคยบอกครับว่าให้ใช้เวลาในการเลือกหุ้นมากหน่อย เพราะพอเลือกได้แล้วเวลาซื้อใช้เวลาไม่มากแล้วดูที่ราคาอย่างเดียว ราคาโอเคก็เอา ไม่โอเคก็ไปดูตัวอื่น ๆ ที่เราซื้อมาร์คเอาไว้

ตอนนี้ก็ซื้อไว้ 3-4 ตัวแล้ว เดี๋ยวค่อยเฟ้นหาเพิ่มอีก พยายามหาตัวที่เรารู้จักหน่ะครับ จะได้พอประมาณได้ว่ากิจการเค้าดูดีมั้ย ลงทุนให้เหมือนซื้อกิจการครับ (ตามตำราเป๊ะเลย 555 แต่ไม่นะครับ ลองลงทุนทำกิจการเล็ก ๆ ของตัวเองแล้วเลยได้คอนเซปว่าลงทุนในหุ้นก็เหมือนลงทุนในกิจการเองนั่นแหละครับ)

ช่วงนี้ราคามันลงทั้งตลาด ขอให้หาหุ้นดี ๆ ได้เยอะ ๆ นะครับ

ตัด scc ptt ออกไปก่อน

ตัด scc ptt ออกไปก่อน

ขอทราบเหตุผลด้วยครับ

ตอนนี้ก็ซื้อไว้ 3-4 ตัวแล้ว เดี๋ยวค่อยเฟ้นหาเพิ่มอีก พยายามหาตัวที่เรารู้จักหน่ะครับ จะได้พอประมาณได้ว่ากิจการเค้าดูดีมั้ย ลงทุนให้เหมือนซื้อกิจการครับ
(ตามตำราเป๊ะเลย 555 แต่ไม่นะครับ ลองลงทุนทำกิจการเล็ก ๆ เองตัวเองแล้วเลยได้คอนเซปว่าลงทุนในหุ้นก็เหมือนลงทุน
ในกิจการเองนั่นแหละครับ)

เห็นด้วยครับ

 

ตัดscc ptt
เพราะ...
ผมเคยอ่านหาข้อมูลมาและพบว่า
ทั้ง2ตัวมีกิจการที่หลากหลายและแนวโน้มไม่ดี

Ptt โรงกลั่น ปิโตรเคมี ขุดเจาะ ผมว่าโรงกลั่นกับปิโตร น่าจะแย่
Scc ปิโตรกับกระดาษ (อาจจะมีอย่างอื่นไม่แน่ใจ) ผมว่าปิโต

ปิโตรกับโรงกลั่นผมดูจากวัฐจักร (ดูจากเซียนๆคนอื่นหละครับ)
เลยแนะนำไปว่าน่าจะตัดออก

ขอนิดนึงกับ Scc
ผมเคยอ่านเจอหลายครั้งในพันทิพ ชอบมีคนมาโพสประจำว่าซื้อ scc กินปันผล สบายใจได้...

จริงๆมันต้องดูว่าแนวโน้มกิจการเป็นอย่างไรต่างหาก.....

บางทีผมก็ไปโพสเตือนบ้าง ...

ขอโทษน้องkornjackrit (น่าจะน้องนะ)
ผมไม่ได้เข้าห้องนี้มานาน เลยไม่เห็น

ตัดscc ptt
เพราะ...
ผมเคยอ่านหาข้อมูลมาและพบว่า
ทั้ง2ตัวมีกิจการที่หลากหลายและแนวโน้มไม่ดี

Ptt โรงกลั่น ปิโตรเคมี ขุดเจาะ ผมว่าโรงกลั่นกับปิโตร น่าจะแย่
Scc ปิโตรกับกระดาษ (อาจจะมีอย่างอื่นไม่แน่ใจ) ผมว่าปิโต

ปิโตรกับโรงกลั่นผมดูจากวัฐจักร (ดูจากเซียนๆคนอื่นหละครับ)
เลยแนะนำไปว่าน่าจะตัดออก

ขอนิดนึงกับ Scc
ผมเคยอ่านเจอหลายครั้งในพันทิพ ชอบมีคนมาโพสประจำว่าซื้อ scc กินปันผล สบายใจได้...

จริงๆมันต้องดูว่าแนวโน้มกิจการเป็นอย่างไรต่างหาก.....

บางทีผมก็ไปโพสเตือนบ้าง ...

ขอโทษน้องkornjackrit (น่าจะน้องนะ)
ผมไม่ได้เข้าห้องนี้มานาน เลยไม่เห็น

ขอบคุณสำหรับเหตุผลครับ
เรื่องตอบช้าไม่เป็นไรครับ


ขอเห็นแตกต่างนิดนึงนะครับ
่สำหรับ SCC กับ PTT
ผมว่าถ้าราคาลงมาในระดับหนึ่งที่ต่ำกว่าพื้นฐานมากๆ
2 ตัวนี้ก็น่าลงทุนนะครับ

เพราะความแข็งแกร่งของกิจการ
ความเป็นเจ้าตลาด และ ความมีธรรมาภิบาล
รวมไปถึงความมั่นคง และความน่าเชือถือในสายตาต่างชาติ

ผมคิดว่าหุ้นทั้งสองตัวนี้จะมีโอกาสรอดพ้นจากวิกฤติในมากกว่า
หุ้นวัฎจักรตัวอื่นที่ไม่ใช่เจ้าตลาด

อีกอย่างนะครับ พอหุ้นพวกนี้พ้นวัฎจักรขาลง
ผมว่าการดำเนินงานจะกลับมาเหมือนเดิม
หรือ อาจจะดีขึ้นตามวัฎจักรของมันครับ
ซึ่งโอกาสที่จะดีกว่าตอนวัฎจักรรอบทีแล้ว
เป็นไปได้สูง

แต่ข้อเสียอย่างหนึ่ง คือ บางทีวัฎจักรของหุ้นพวกนี้มันใช้เวลา
นาน บางทีอาจจะถึง 10 ปี

ดังนั้นผมจึงคิดว่าถ้าจะลงทุนหุ้นวัฎจักร
หุ้นทั้งสองตัวนี้น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆครับ
( ในแง่เงินปันผลที่ยังสามารถจ่ายได้แม้อยู่ในภาวะวิกฤติ )

อืมมมม

ถ้าคิดว่าตลาดหุ้นก็มีวัฏจักร

เวลาเราซื้อหุ้นก็ซื้อช่วงวิกฤติ หรือช่วงที่คนอื่นกลัวสุดขีด

แบบนี้ถ้าเราซื้อหุ้นที่มีธุรกิจส่วนหนึ่งเป็นวัฏจักร เช่น ปิโตรเคมี ก็ควรจะซื้อตอนที่มันเป็นขาลง แล้วราคาลงเยอะๆ

ถ้าผมพูดแบบนี้มันจะพอเข้าเค้ามั๊ยครับ

อืมมมม

ถ้าคิดว่าตลาดหุ้นก็มีวัฏจักร

เวลาเราซื้อหุ้นก็ซื้อช่วงวิกฤติ หรือช่วงที่คนอื่นกลัวสุดขีด

แบบนี้ถ้าเราซื้อหุ้นที่มีธุรกิจส่วนหนึ่งเป็นวัฏจักร เช่น ปิโตรเคมี ก็ควรจะซื้อตอนที่มันเป็นขาลง แล้วราคาลงเยอะๆ

ถ้าผมพูดแบบนี้มันจะพอเข้าเค้ามั๊ยครับ

ผมว่าได้นะครับ แต่ อาจจะต้องเลือกหุ้นที่ทนทานกับ
วัฎจักรขาลงได้ นั่นก็คือ ต้องเป็นผู้นำตลาด และธุรกิจมีความแข็งแกร่ง
ซึ่งผมคิดว่า PTT กับ SCC เป็นสองบริษัทที่ทำเช่นนี้ได้

อืมมมม

ถ้าคิดว่าตลาดหุ้นก็มีวัฏจักร

เวลาเราซื้อหุ้นก็ซื้อช่วงวิกฤติ หรือช่วงที่คนอื่นกลัวสุดขีด

แบบนี้ถ้าเราซื้อหุ้นที่มีธุรกิจส่วนหนึ่งเป็นวัฏจักร เช่น ปิโตรเคมี ก็ควรจะซื้อตอนที่มันเป็นขาลง แล้วราคาลงเยอะๆ

ถ้าผมพูดแบบนี้มันจะพอเข้าเค้ามั๊ยครับ

สำหรับความเห็นของคุณ Belfet ผมเห็นด้วยบางส่วนครับ
จริงอยู่ที่ซื้อตอนขาลงจะได้ราคาถูก
แต่บางครั้งมันก็ไม่ถูกจริงถ้าคุณต้องถือยาวมากในขณะที่มันยังอยู่ใน
ขาลง เพื่อรอมันกลับตัวเป็นขาขึ้น (ผมว่าในภาวะที่ยังอ่านไม่ออกว่า
จะกลับตัวเมื่อไหร่ ทำให้เราเสียโอกาศในการลงทุน ในอุตสาหกรรม
ที่เราเห็นภาพได้ชัดกว่าในช่วงอนาคตใกล้ๆนี้ จะรุ่งหรือกำลังจะมาครับ)

ผมว่าพวกวัฏจักร ถ้าไม่เล่นเก็งกำไรเป็นรอบ (โดยเฉพาะตอนฝรั่งกับกองทุนเข้า) ไว้รอซื้อถือยาวตอนเริ่มเขียวอ่อนดีกว่าครับ

ผมเป็นมือใหม่นะครับ แต่เพิ่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่พูดเรื่อง จิตวิทยาการลงทุนแล้วโดนใจมากในประเด็นดังนี้

1. นักลงทุนรายใหม่จะลงทุนในหุ้นที่คุ้นเคย รู้จัก ชอบ ... ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
2. % การลงทุนจะเป็น 1/n นั่นคือ มีอะไรที่อยากลง ก้อจัดลงในประมาณเท่าๆกัน

ซึ่ง ที่สุดแล้ว การลงทุนแบบนี้ เหมือนจะกระจายความเสี่ยง แต่... มันไม่ได้กระจายความเสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด และเสี่ยงต่ำสุดตามทฤษฏีของ markoviz โอ.... อ่านแล้วโดนเลย เพราะเคยคิดจะทำแบบนั้น

/// ตอนนี้ ผมไม่กล้าซื้อบลูชิพ ครับ ยอมรับว่า ยังไม่มั่นใจเรื่องทิศทางขาขึ้นของ capital gain

ptt หรือ scc ปีหน้า ก็น่าจะมีการตัดขาดทุนจาก inventory และอะไรๆหลายๆอย่าง เลยยิ่งไม่มั่นใจ แต่ก้อนะ .... .มันอาจเป็น fear ที่ทำให้พลาดโอก่าสก็ได้ ยังไงซะ ถ้าลงทุนไปแล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จ.. ขออวยพรให้นะครับ

แม้ว่าคิดต่างกัน แต่เราเอามาแชร์กันได้ครับ ...