หน้า 1 จากทั้งหมด 1

หุ้นแบงค์ กับการควบรวมและมาสเตอร์แพลน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2004 8:37 pm
โดย harry
ไปซื้อหนังสือการเงินธนาคารมาอ่าน เท่าที่ดูแล้วแบงค์ไทยไม่มีตัวไหนพร้อมเปิดเสรีเลย แล้วบอกว่าถ้าเป็น universal bank จะต้องมีสินทรัพย์ 1 ล้านล้านบาท ก็มีแค่สองแห่ง คือ กรุงเทพ กับ กรุงไทย กสิกร, กรุงศรีและไทยพานิชย์นั้น 7-8 แสนล้าน ก็เลยทำให้มีข่าวการควบรวมเกิดขึ้น ซึ่งมองแล้วถ้าไม่ดูดแบงค์เล็กเข้ามาก็ไปดูบริษัทเงินทุนที่เก่งเฉพาะทาง แต่เท่าที่อ่านบอกว่าแบงค์จะเป็นตัวแทนขายประกัน และกองทุน รวมถึงเชื่อมต่อกับบริษัทหลักทรัพย์ได้ เพื่อให้ตลาดเงินและตลาดทุนเชื่อมต่อกัน

ผมมองว่า จากหนังสือให้ไทยพานิชย์ที่มีบริษัทประกัน และหลักทรัพย์พร้อมแล้วจะทำให้พร้อมลุยมากกว่าแบงค์อื่น ดังนั้นตอนนี้ถ้ามองออก แบงค์ที่ดีน่าเก็บแล้วถือยาว เพราะตอนนี้ราคามันลดลงมาจากการไม่เข้าใจแผนนโยบายที่ออกมาต่างหาก จากที่ได้อ่านมาสเตอร์แพลนจะทำให้แบงค์มีช่องทางทำเงินได้มากขึ้น และแข่งขันได้มากขึ้น และทำกำไรได้มากขึ้น แต่เรื่องสถาบันค้ำประกันเงินฝากนั้น จริงๆ เมืองนอกก็ทำกัน เพราะต้องการให้คนฝากเงินมองว่าก็เป็นการลงทุน ให้เลือกฝากแบงค์ที่มั่นคง แต่ถ้าเงินฝากไม่ถึง 1 ล้านบาทก็ไม่ต้องกลัว เพราะสถาบันค้ำให้สูงสุด 1 ล้านบาท มากกว่านั้นอด และทำให้แบงค์เป็นธุรกิจจริงๆคือพัฒนาตัวเองเพื่อให้อยู่รอด

จากที่อ่านเชื่อว่าจะเป็นทางดีของแบงค์ใหญ่ที่พร้อมในด้านสาขาและกำลังคน เพราะว่าจะทำให้คนเดินเข้าแบงค์แล้วทำทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับการเงิน แล้วเก็บค่าธรรมเนียมกินเอา ส่วนธุรกิจหลักของแบงค์ยังเหมือนเดิมคือเอาเงินฝากมาปล่อยกู้ และลงทุนในรูปแบบอื่นที่มีสภาพคล่องสูง

ดังนั้นคงจะได้เห็นข่าวแบงค์ควบรวมกันอีก หรือไปซื้อ เพิ่มทุนกับธุรกิจประกันภัย กับหลักทรัพย์ ในช่วงกลางปีนี้และตลอดปีแน่ เพราะแผนที่ออกมาให้เวลาทำกันสองสามปีได้

พี่ๆคนไหนมองออกมากกว่าผมมั้ยครับ ช่วยแนะนำกันหน่อย

หุ้นแบงค์ กับการควบรวมและมาสเตอร์แพลน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2004 10:58 pm
โดย คนขายของ
คุณ harry ครับในความคิดผม ผมว่าหุ้น Bank ในตอนนี้คนธรรมดาสามัญ อย่างผมคง สามารถเดาเหตุการณ์ ได้ยาก และเนื่องจาก Bank เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีคนเกี่ยวข้องค่อนข้างเยอะ ทำให้เรื่องข้อมูล inside มีการรั่วไหลได้ง่าย คนวงนอกถ้าเล่นก็มีความเสี่ยงสูงเนื่อง จากความไม่รู้ และ ความไม่เท่ากันของข้อมูล (Asymetric Information)

แต่ถ้าพิจารณาเรื่อง Financial Ratio อย่างเดียวก็ดูเหมือนว่าน่าสนใจมาก แต่ลึกๆ แล้วผมว่า การถอดรหัสตัวเลขที่แท้จริงทำได้ค่อนข้างยาก เช่น SCB มีทั้ง Warrant แล้ว หุ้นบุริมสิทธ์ คอยท่าอยู่ การแข่งขันก็ยากที่จะคาดเดาเนื่องจากอาจมี bank ต่างชาติเข้ามาบุกตลาดเพิ่ม ในส่วนดีก็มีนะครับ SCB มีแขนขาค่อนข้างมาก Network ของ SCB ก็เยอะ ผู้บริหารมีความสามารถสูง

ส่วนตัวคงเก็บหุ้นแบงค์ไว้เล่นตอนที่สถาณการณ์นิ่งกว่านี้ ช่วงนี้ถ้าเล่น bank ผมว่าเป็นช่วง high risk high return นะ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ต้องเสี่ยงดวงค่อนข้างมาก

ผมยังเชื่อว่าก่อน bankจะโตแบบก้าวกระโดด ภาคผลิต หรือ real sector ต้องโตอย่างมีนัยสำคัญก่อน ต้องมีการเพิ่มกำลังผลิต แล้ว ตลาดรองรับ ก็มีการเติบโตด้วย ไม่ใช่แค่ การ utilize existing facilities (ใช้กำลังผลิตที่เหลืออยู่) อย่างที่ผ่านมาในปีที่แล้วครับ

หุ้นแบงค์ กับการควบรวมและมาสเตอร์แพลน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2004 11:16 pm
โดย harry
คือผมอ่านในหนังสือด้านเศรษฐกิจ แบงค์ที่เป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจครับ และมันก็เป็นธุรกิจเอกชน ก็ต้องมีการแข่งขันเพื่อกำไร และแผนที่ออกมาเชื่อว่าจะดีสำหรับแบงค์ครับ