หน้า 1 จากทั้งหมด 1

Reserch กรุงศรี บอกว่าซับไพร์มไม่กระทบบ้านเรา

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 26, 2008 9:11 am
โดย syoon
Reserch กรุงศรี บอกว่าปัญหาซับไพร์มไม่ลุกลาม (ช่วงเดือนมีนาคม)
เชื่อคุณก็ตายกันหมดพอดี
ช่วงนั้นก็เห็นแบงก์ที่ยุโรป ล้มๆกันแล้ว
ตอนนี้เหมือนเพิ่งจะตื่นจากภวังค์เหรอจ๊ะ ให้แนวรับที่ไหนหรอ
ฝากนักวิเคราะห์มาตอบทีส่วนตัวแล้วมอง 350 เป็นอย่างน้อย  :cry:

Reserch กรุงศรี บอกว่าซับไพร์มไม่กระทบบ้านเรา

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 26, 2008 9:17 am
โดย kiwikung
จะหวังพึ่งได้หรือ เศรษฐกิจจีนชะลอตัวเร็วกว่าที่คาด   :cry:
ขณะที่ตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซาและภาคการเงินการธนาคารก็ยังอ่อนแอเนื่องจากภาวะขาดทุนจากการลงทุนในตราสารที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อซับไพรม์และจากปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้เป็นที่วิตกอย่างกว้างขวางว่าเศรษฐกิจโลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่หลายฝ่ายก็ยังตั้งความหวังกับการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างจีน อินเดีย บราซิล หรือรัสเซีย ว่าจะเป็นพลังขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในสภาวการณ์เช่นนี้ โดยเฉพาะในแง่ความต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งวัตถุดิบเพื่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20 ต.ค.) สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนได้เปิดเผยตัวเลขซึ่งอาจจะทำให้การตั้งความหวังข้างต้น ต้องมีการกลับมาพิจารณาทบทวนกันใหม่ เพราะสถิติอย่างเป็นทางการชี้ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยต่อปีของจีนชะลอตัวลงเป็นลำดับจาก 10.6% และ 10.1% ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ลงมาอยู่ที่เพียง 9 % ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งเป็นการลดต่ำกว่าความคาดหมายเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 9.7% และยังมีแนวโน้มว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2551 นี้ทั้งปีอาจจะหล่นลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10% เป็นครั้งแรกภายในรอบ 6 ปี นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งยังพยากรณ์ด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่ในปีหน้า (2552) เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวที่ระดับ 8% เท่านั้น ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดหลังยุควิกฤติการเงินเอเชียเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา

นายหลี่ เสี่ยวเชา โฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนยอมรับว่า นอกจากปัจจัยต่างๆ ภายในประเทศ อาทิ การควบคุมการผลิตของโรงงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงปักกิ่งช่วงที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกแล้ว จีนก็เป็นอีกประเทศในโลกที่หนีไม่พ้นแรงกระทบจากวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ที่กำลังลามระบาดไปทั่วโลก

นักวิเคราะห์ประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของจีนซึ่งใช้เป็นเกณฑ์ชี้วัดการขยายตัวทางเศรษฐกิจน่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิษจากปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐฯ เริ่มกระทบภาคการส่งออก ซึ่งเป็นหัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนมาเป็นเวลายาวนาน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้การส่งออกของจีนยังคงขยายตัวที่ระดับกว่า 20% แม้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน จะชะลอตัวลงแล้วก็ตาม

เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัลรายงานว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ คณะรัฐบาลของจีนได้ประกาศพร้อมที่จะนำมาตรการต่างๆ มาใช้ โดยเฉพาะมาตรการทางการคลังและการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งนับจากเดือนกันยายนเป็นต้นมา จีนได้ปรับลดดอกเบี้ยลงแล้ว 2 ครั้ง ทั้งยังประกาศพร้อมที่จะเพิ่มการลงทุนของภาครัฐในโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และหลีกเลี่ยงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างฉับพลัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20 ต.ค.) รัฐบาลจีนยังได้ประกาศลดภาษีให้แก่ผู้ซื้อบ้าน และจะเพิ่มการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ส่งออกในอุตสาหกรรมประเภทสิ่งทอและเครื่องจักรกล

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การชะลอการเติบโตของจีนอาจจะส่งผลกระทบไปยังประเทศรอบข้างในเอเชียซึ่งพึ่งพาการส่งออกสินค้ามายังจีน ยกตัวอย่าง เกาหลีใต้ ซึ่งมีจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับต้น สถิติของธนาคาร รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ (อาร์บีเอส) ชี้ว่า ปัจจุบันจีนเป็นตลาดรองรับสินค้าส่งออกจากเอเชียรายใหญ่อันดับที่ 3 โดยสินค้าส่งออกเหล่านี้ อาจมีการนำเข้าไปยังจีนเพื่อประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูปแล้วส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปและอเมริกาต่อไป ดังนั้นจึงเป็นที่คาดหมายได้ว่าเมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัว การนำเข้าสินค้าของจีนก็จะลดลง ดังปรากฏแล้วกับสินค้าประเภทวัตถุดิบ เช่น สินแร่เหล็ก เนื่องจากจีนมีกิจกรรมการก่อสร้างลดลงและลดกำลังการผลิตเหล็กกล้าภายในประเทศลงด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2368 23 ต.ค.  - 25 ต.ค. 2551