Thai VI

สมมติถ้าตอนนี้มีเงิน 2,000 ล้านบาท จะ take over โดยเข้าไปกว้านซื้อหุ้นเสร็จแล้วประกาศขายทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทนั้นทันที บริษัทไหนน่า take overมากที่สุดตอนนี้ครับ เรียงอันดับ 1-5  :twisted:

ขอเสนอ SNC เข้าประกวด  แค่เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนก็เท่า Market Cap

[quote="Radio"]ขอเสนอ SNC เข้าประกวด

เสนอน้องบี brock ครับ  :D
แค่ที่ดินที่ภูเก็ตขายถูกๆ ก็แพงกว่า MK cap ละ

แต่      เจ้าของรู้  และ ไม่ขายหุ้นที่เค้าถืออยู่แน่ๆ   :lol:

ถ้าเทคได้แล้วขายทันที กลัวว่าจะขายไม่ออกน่ะซิครับ ตอนนี้มีแต่คนไม่มีเงิน

tta  มีเรืออยู่ 40กว่าลำ เงินสดอีกหมื่นกว่าล้าน MK cap 8000 ล้านกว่า
เอาเรือไปขายได้อีกบาน แต่ถ้าไม่มีใครซื้อเรือ ก็เรียกซาเล้งมาชั่งกิโลขายยังได้กำไรเลย 5555

ลืมไป มี 2000 ล้าน ซื้อไม่พอใช้มาร์จินช่วยละกัน

brock ด้วย หนี้ก็ไม่มี ทรัพย์สินอื้อ น่าเหมาจริง ๆ  :D
เอามาแยกขาย กำไรอื้อเลย

anakinnet เขียน:ถ้าเทคได้แล้วขายทันที กลัวว่าจะขายไม่ออกน่ะซิครับ ตอนนี้มีแต่คนไม่มีเงิน

ผมว่าคนไทยอะ มีตัง แต่ไม่ใช้มากกว่านะ  

ที่ดินติดทะเลยาว 1 กม.

ขายตรงที่ติดทะเล ไร่ละ 2 ล้าน ตรงไม่ติดทะเล ไร่ละ 1 ล้าน(ราคาเท่าที่เค้าซื้อไปปลูกปาร์มเลย อิอิ)

วันหนึ่งถ้าโฆษณาแล้วขายได้ ไม่หมดให้เตะเลย  :lol:

(แต่มันก็เป็นแค่สมมุตอะนะ)

ถ้าผมมีเงิน 2000 ลบ. ผมฝากกองทุนกินดอก 3% ได้ ดบ.ปีละ 60 ล้านบาท แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ

ฝากแบงค์ กินดอก 3% ปีละ 60 ล้าน
แล้วไปทำสวนเกษตร สบายๆ
ดอกเอามาทำบุญเล่น วันละ 100,000 บาท
เพราะ อยู่อย่างไร ก็ไม่เกิน 100 ปี

:lol:

 ...

เห็นด้วยกะ พี่ PERFECT LUCKY กะพี่ teetotal ค่ะ

มีสองพันล้าน เหลือๆค่ะ

ดิฉันไม่สนใจหรอก ความฝันไม่ได้ต้องการเป็นคนรวยติดชาร์จนั่นนี่อะไรอ่าค่ะ

เอาแค่ว่า รวยเหลือๆนี่ก็พอแล้ว เป้าหมายของดิฉัน ไม่ได้ตั้งไว้ว่าต้องชนะตัวเอง ชนะชาร์จ ชนะดัชนี ชนะคนอื่น ให้ได้ทุกปีไป

มัน ไร้สาระ นี่ความเห็นส่วนตัวนะ

คือ ถ้าคนไหนที่สนุก และจำเป็นต้องผลิตความสุขมาจาก การเติบโตของความร่ำรวยที่เพิ่มขึ้นไปให้ได้ตลอดชีวิต ทุกปีๆไป นั่นก็แล้วแต่บุคคล ไม่ใช่เรื่องผิดหรอก ถ้าสนุกก็ทำต่อไปเถิด

เพราะการได้ชนะ หรือการไม่ได้อยากชนะ ก็คงไม่มีความหมายแตกต่างอะไรเท่าไหร่ ไม่มีสาระอะไรทั้งสองอย่างนั่นแหละค่ะ(กลับกัน อยากจะใช้คำว่า มันมีสาระพอๆกันทั้งสองแบบ ก็ย่อมได้)

....

ถ้ามีสองพันตอนนี้นะ (ล้านนะ สองพันล้าน :lol: ) ก็ไปนานแล้ว
ไปเที่ยวทั่วโลกเลย เพราะถ้าอีก 30-50 ปี ถ้ายังมีชีวิตทันได้เห็นโลกพัง ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดาย แล้วมานั่งร้อง รู้งี้ ๆ ๆ ๆ  :lol:
ถึงตอนนั้น ถ้าโลกไม่พัง ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร เพราะตอนนั้นคงใกล้ตายเต็มทีอยู่ดี  :lol:

ห่วงลูกหลานจะไม่รวยหรอ อย่าไปห่วงเลย ทุกชีวิตมีเส้นทางของตัวเอง
ชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดทาง ลูกหลานไม่ชื่นชมว่าดีเสมอไปหรอก มันเลี่ยนเกินเหตุ เด็กที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เห็นติดยาเสียคนมานักต่อนักแล้ว เพราะชีวิตมันเลี่ยน มันเอียงไปข้างเดียวตลอดเวลา
ชีวิตที่สุขมากไป หรือทุกข์มากไป มักเสี่ยงต่อการทำให้สุขภาพจิตเสียได้ง่ายๆ



:lol: อ่า ไม่ค่อยเกี่ยวกะที่ จขกท.ถามเท่าไหร่ ออกทะเลไปหน่อย ขออภัยค่ะ

เรื่องความพอก็น่าๆจิตตังครับ

ความชอบก็เป็นเรื่องของแต่ละคน

ทำไม Buffett ถึงยังคงลงทุนอยู่  ทั้งๆที่ร่ำรวยมหาศาล  และก็ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย  เงินทองส่วนใหญ่ก็บริจาคให้มูลนิธิ

แต่ถ้า Buffett เลิกลงทุนตั้งแต่มีเงินซักพันล้านเหรียญ  Buffett ก็คงไม่โด่งดัง  เราก็คงไม่รู้จัก

และที่สำคัญ  เราคงไม่มีแนวทางการลงทุนที่ดีๆไว้ให้ศึกษา  จริงไหมครับ

จริงครับพี่ฉัตรชัย

ต่างคนต่างความคิดครับ

มีเงิน 2 พันล้านบาท ฝากแบงก์กินดอก 3% ได้ดอกปีละ 60 ล้าน
เท่ากับมีเงินเดือนเดือนละ 5 ล้านบาท (ก่อนภาษี)
ไม่เอาอะไรแล้วชีวิตนี้ แค่นี้ก้อดีถมเถ ชีวิตแบบนี้มีคนอิจฉาเยอะแยะ
คิดแบบนี้ก้อไม่ผิดครับ

มีเงิน 2 พันล้านบาท ทยอยซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาท ได้ 20 ล้านหุ้น
พอตลาดหุ้นกลับมาดีขึ้น หุ้นขึ้นไปที่ 200 บาท
ได้กำไร 2 พันล้านบาท เท่ากับมีเงิน 4 พันล้านบาท
คนที่ไม่ชอบหน้าท่าน จะยิ่งไม่ชอบหน้าท่านขึ้นไปอีก
คิดแบบนี้ไม่ผิดเหมือนกัน

ตราบใดที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ผมว่าวิธีไหนก้อได้ทั้งนั้นครับ แต่ต้องเหมาะสมกับตัวเอง  :8)  ...

ผมว่าคนที่บอกว่าจะกินดอกเบี้ย พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่พอหรอกครับ
เพราะขึ้นชื่อว่ามนุษย์โลกแล้ว ความโลภมัน ไม่จำกัดอ่ะครับ
(ความคิดส่วนตัวอ่ะ)
ขนาดตอนแรกซื้อหุ้นคำนวนว่าเก็บปันผลเล่นๆ 6% ก็เยอะนะ
แต่พอมาตอนนี้ กดเครื่องคิดเลขดู โอ้โห บางบริษัทซื้อตอนนี้ เศรษฐกิจกลับมาปกติ ปันผลตั้ง 15 %
หรือมีEPS 40-50%  :shock:
อะไรมันจะดีขนาดนี้

ถ้ามี 2,000 ล้าน ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้วชีวิตนี้  ไปเที่ยวรอบโลกดีกว่า
หาประสบการณ์ใหม่ๆ