Thai VI

VI ที่ถือหุ้น 100% ณ วันนี้ควรทำอย่างไรดี
ตอนนี้ผมถือหุ้น 100% No Cash for investment Total Port  -40% ผมมีทางเลือก 3 วิธี
1. Cut Loss ตัวที่ลงน้อย เพื่อไปซื้อตัวที่Up side มากกว่า วิธีนี้ผมไม่เลือกเพราะผมไม่เก่งพอ วิธีนี้เซียนเท่านั้นที่ใช้ได้
2. Cut Loss แล้วไปรอซื้อดัวเดิมที่ราคาต่ำกว่า ข้อนี้ผมก็ไม่ทำ เพราะเคยทำแล้ว กลับกลายเป็นว่า Let loss happen and CUT profit run เพราะ TTAทุน 32 ขายขาดทุนไป 40% แต่ไม่กล้ากลับเข้าไปซื้อเพราะ เห็นมันลงต่อนิดเดียว ต่อจากนั้นมันก็วิ่งกลับไปที่ 70 ภายในไม่ถึง 2ปี น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะเลือกหุ้นได้ถูกตัว ในราคาที่มี MOS ต้องขาดทุนหนัก อดได้กำไร เพราะว่าใจเสาะ  อดทนต่อนายตลาดได้ไม่พอ คนที่ได้กำไร ไปเป็นเด้งจากช่วงวิกฤต ได้จากใคร ก็ได้จากคนใจเสาะอย่างผมไง (ยังมีหุ้นทีชอบเล่นตลกโดยนายตลาด ให้เราขาดทุนเล่นอีกหลายตัว แต่ไม่ใช่ทุกตัวนะครับ เพราะบางตัว ลงแล้วคือลงเลย)
3. สิ่งที่ผมจะทำคือ นั่งรอวันตาย (ขาดทุน) แต่ผมขอตายในวันที่สดใส บนทุ่งหญ้าเขียวขจี ไม่ใช่ตายในสมรภูมิเลือดแบบนี้ ถึงวันนั้นแล้วผมอาจไม่ตาย แค่บาดเจ็บเล็กน้อย หรือมีกำไรก็ได้ ผมจะไม่มานั่งดูราคาหุ้นว่าตัวเองขาดทุนไปเท่าไหร่แล้วเพราะว่ามันยังไม่เกิดขึ้นจริง ทุกวันนี้ เงินก็ยังมีใช้ รถก็ยังมีขับ บ้านก็ยังมีอยู่ งานก็ยังมีทำ ครอบครัวก็ยังพร้อมหน้า แล้วยังไม่มีหนี้สักบาท เลยไม่รู้ว่าควรเครียดไปทำไม ขอทำใจให้สบาย รอวันที่สดใส ที่มันต้องมาใน 1-2 ปีนี้แน่นอน
วิกกฤตครั้งนี้สอนให้รู้ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นตลอดเวลา กับการถือหุ้น 100 %ตลอดเวลาแบบเซียนมันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เราควรผสมผสานไปตามช่วงเวลา Sometime Cash is King even its PE over 50
ลงทุนสั้น ลงทุนยาว มันไม่สำคัญ ขอให้ลงทุนแล้วมีกำไรก็พอแล้ว เพราะนั้น อย่าโลภ เพราะคิดว่าลงทุนยาวจะกำไรมากกว่าลงทุนสั้นปีนี้ Port ผมเคย +15% let profit run ก็เลย-40%แบบวันนี้ เพราะโลภเลยไม่ขายทำกำไร ผมขอให้กำลังใจทุกคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน  ตลาดหุ้นย่อมมีวันที่สดใสสำรับนักลงทุนเสมอ
ลองทนดูสักครั้งเถอะครับ

กิจการของคุณยังดีอยู่หรือป่าวครับ

ถ้าดีอยู่ แต่ราคาหุ้นรูด ก้ออยู่เฉยๆ
ถ้าจะให้ดีก้อซื้อเพิ่ม

ถ้าเริ่มส่อแววไม่ดี เพราะกลัวว่าจะถูกกระทบ
ก้อขาย ครับ ไม่ว่าราคาจะเท่าไหร่

แล้วไปหาบริษัทที่ดี และราคาหุ้นถูก ครับ

ในตลาดมีหลายร้อย เลือกเอาตามความพอใจ ครับ
อย่าให้ราคาหุ้นมาบังตา  :8)  ...

kmphol เขียน:รอวันที่สดใส ที่มันต้องมาใน 1-2 ปีนี้แน่นอน

ลองทนดูสักครั้งเถอะครับ

วันที่สดใส จะมาใน 1-2 ปีนี้จิงป่ะพี่ ...



.. งั้นผมรอเป็นเพื่อนนะ

ปิดคอม เอาเวลาไปปั๊มเงิน แล้วมาเก็บกวาดของถูก

อยู่เฉยๆ  ตอนนี้ไม่ควรทำอะไรแล้ว

[quote="beammy"]กิจการของคุณยังดีอยู่หรือป่าวครับ

ถ้าดีอยู่ แต่ราคาหุ้นรูด ก้ออยู่เฉยๆ
ถ้าจะให้ดีก้อซื้อเพิ่ม

ถ้าเริ่มส่อแววไม่ดี เพราะกลัวว่าจะถูกกระทบ
ก้อขาย ครับ ไม่ว่าราคาจะเท่าไหร่

แล้วไปหาบริษัทที่ดี และราคาหุ้นถูก ครับ

ในตลาดมีหลายร้อย เลือกเอาตามความพอใจ ครับ
อย่าให้ราคาหุ้นมาบังตา

ลงทุนโดยดูที่กิจการ ถ้ากิจการคุณยังดี แต่วันนี้มีคนมาของซื้อถูกๆ ต่อจากคุณที่ราคามีส่วนลด 40% คุณจะขายไหมถ้ากิจการยังดี ปัญหาคือมันดีจริง และราคาที่ซื้อมาในตอนแรกนั้นมันเป็นราคาที่ดีรึเปล่า

ถ้าผ่านช่วงที่ยากลำบากไปได้แล้ว คุณก็จะแกร่งขึ้น

เวลาแบบนี้มักจะทำให้อารมณ์ผันผวน และหลุดไปจากหลักการลงทุนที่เคยยึดถือมา เกิดคำถามขึ้นมากมายว่าลงทุนแบบนี้ดีหรือ เหมาะหรือ ถูกต้องหรือ ต้องรอให้เวลาผ่านไปแล้วมองย้อนหลังกลับมาดูถึงรู้ความจริง

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ถือเต็มพอร์ต ก็ใช้หลักการโยกตัวที่MOSน้อย ไปหาตัวที่มากกว่า และคิดว่าจะผ่านวิกฤตครั้งนี้โดยกำไรไม่ลดลง หรือลดลงน้อยกว่าราคาที่มันลงมามากกว่ามากๆครับ

jung_oh เขียน:

วันที่สดใส จะมาใน 1-2 ปีนี้จิงป่ะพี่ ...



.. งั้นผมรอเป็นเพื่อนนะ

ใน 1-2 ปี ผมดูจากประวัติศาตร์ย้อนหลังไป 10 ปี ครับ
ปี 43 อมเกาแย่ Foreign Net sell 33000 ลบ
SET50 Jan43 highest 361.7  Oct43 Lowest 168.4   -53%
แล้วก็เด้งขึ้นมาที 361.7 Jan44 highest +49%
ทุกปี ที่ set หาจุดตำสุดได้แล้ว ก็จะดีดกลับไป +30%-100% ขึ้นไปหา new high ภายใน 1-2 ปี เท่านั้น
แต่ตอนนี้ตลาดยังหาจุดตำสุดไม่เจอ ถ้าเจอเมื่อไร มันก็จะดีดกลับไปภายใน 1-2 ปี นับจากวันที่เจอจุดตำสุด ตรงนี้เป็นข้อมูลในอดีตที่เป็นมาทุกครั้งของการตกตำของตลาด แต่อนาคตมันจะเป็นหรือไม่ ให้ตลาดในอนาคตบอกดีกว่าครับ

กลับไปอ่านตอนซื้อก่อนว่า ซื้อมาเพราะอะไร
แล้วคำตอบเกิดเอง

[quote="picatos"][quote="beammy"]กิจการของคุณยังดีอยู่หรือป่าวครับ

ถ้าดีอยู่ แต่ราคาหุ้นรูด ก้ออยู่เฉยๆ
ถ้าจะให้ดีก้อซื้อเพิ่ม

ถ้าเริ่มส่อแววไม่ดี เพราะกลัวว่าจะถูกกระทบ
ก้อขาย ครับ ไม่ว่าราคาจะเท่าไหร่

แล้วไปหาบริษัทที่ดี และราคาหุ้นถูก ครับ

ในตลาดมีหลายร้อย เลือกเอาตามความพอใจ ครับ
อย่าให้ราคาหุ้นมาบังตา

naris เขียน:ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ถือเต็มพอร์ต ก็ใช้หลักการโยกตัวที่MOSน้อย ไปหาตัวที่มากกว่า และคิดว่าจะผ่านวิกฤตครั้งนี้โดยกำไรไม่ลดลง หรือลดลงน้อยกว่าราคาที่มันลงมามากกว่ามากๆครับ

ผมถือหุ้นประมาณ 70 %  พยายามจะโยกอยู่เหมือนกัน แต่ตัดใจขายหุ้นในพอร์ตไม่ได้เพราะกว่าจะลงมือซื้อก็ทำการบ้านมาพอสมควร ตอนนี้จึงเพิ่มน้ำหนักพอร์ตทีละน้อย และคาดหวังว่าจะ ผ่านวิกฤตครั้งนี้โดยกำไรไม่ลดลง หรือลดลงน้อยกว่าราคาที่มันลงมามากกว่ามากๆด้วยครับ

ผมจะขายหุ้นเน่าใน port ไปซื้อหุ้นดีที่ราคาลงมาเยอะ

greenbull เขียน:ผมจะขายหุ้นเน่าใน port ไปซื้อหุ้นดีที่ราคาลงมาเยอะ

ผมมี ITV อยู่ใน port จะขายมันออกมายังไงดี  :o  :o  :o

ทำตามวิถี VI  :8)

ถ้าพื้นฐานยังดีอยู่ น่าจะซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆนะครับ หลายๆตัวจากที่ pe สูงๆ มาหลายปี ตอนนี้ก็ลงมาอยู่ในระดับลงทุนได้แล้วนะครับ ตลาดตอนนี้เป็นโอกาสของ VI ครับ แม้ว่าปีนี้ผมขาดทุนไปแล้ว 12 % แต่ยังไงก็จะยัง stay calm stay invest ครับ

ทำใจครับ แล้วตั้งสติ

ผมว่าหากเราได้ตรวจสอบในข้อมูลของกิจการอย่างดีแล้วและตัดสินใจด้วยความรอบคอบแล้วคือนำเงินที่ไม่จำเป็นต้องใช้ใน 1ปีนี้ไปลงทุนตอนนี้คงไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะหากตลาดดูดีมากอย่างทุกวันนี้ไปเรื่อยๆเราก็ทยอยสะสมไป ให้เงินทำงานดีกว่าเอามากอดไว้ สุดท้ายผมคิดว่าถ้ามือ เท้า อวัยวะเราอยู่ครบเราไม่เคยขาดทุนครับ เพราะของที่ติดตัวมาแต่เกิดก็มีเท่านี้ มาสนุกกับการลงทุนกันครับอย่าไปเครียดเลย

รอปันผลซิครับ

อีก ๖ เดือนเอง ลุ้นมันสส์จาตาย......

บริษัทเรา in good shape ผู้บริหารมีฝีมือเอาบริษัทรอดได้รึปล่าว

เราซื้อกิจการเค้านี่หน่า........

Mr. Boo เขียน:รอปันผลซิครับ

อีก ๖ เดือนเอง ลุ้นมันสส์จาตาย......

บริษัทเรา in good shape ผู้บริหารมีฝีมือเอาบริษัทรอดได้รึปล่าว

เราซื้อกิจการเค้านี่หน่า........

ผมก็คงต้องทำอย่างที่พี่ boo ว่าแล้วล่ะครับ เพราะตอนนี้พอร์ทดำดิ่งลึกลงมากว่า 10 เปอร์เซนต์แล้ว  :|  

เพราะวันนี้ หุ้นทุกตัว ราคามันเห็นแล้วเสียดาย ที่จะขายที่ พีอี ต่ำขนาดนี้  ปันผลมากขนาดนี้ ขายก่อนไปรับทีหลัง ก็เดาไม่ถูกว่าจะไปรับเมื่อไหร่

สงสัยต้องเป็นนักลองทนกันก็คราวนี้

คงต้องทนดูไฟไหม้ไปก่อนล่ะครับ

รอปันผลบวกเงินเดือนแล้วค่อยซื้อใหม่

โลกมันคงไม่ล่มสลายไปหรอก อีกสี่ซ้าห้าปี น่าจะฟื้นมาได้

อย่างมากถ้าเจ๊งก็  เกาะเมียกิน :lol:  :lol:  :lol:

poppo เขียน:

ผมก็คงต้องทำอย่างที่พี่ boo ว่าแล้วล่ะครับ เพราะตอนนี้พอร์ทดำดิ่งลึกลงมากว่า 10 เปอร์เซนต์แล้ว

และแล้วตลาดมันก็กลับมาได้เร็ว กว่าที่ผมคิดไว้

ทุกวันนี้ผมได้ cut loss บนทุ่งหญ้าอันเขียวขจี

จากคิดว่าตัวเองต้องตาย  ก็เป็นเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อย

แถมบางตัวยังมีกำไร  :lol:
แถมยังเก็บเงินสดไว้สำหรับโอกาสครั้งต่อไปได้

บทเรียนราคาแพงนี้ สอนให้ผมรู้ว่า

เพียงแค่เรารู้จัก อดทน และ รอคอย โดยปราศจาก ความกลัว อย่างไร้เหตูผล  ก็เป็นเกราะป้องกันการขาดทุน ได้อย่างดีแล้ว  :lol:

Mr. Boo เขียน:รอปันผลซิครับ

อีก ๖ เดือนเอง ลุ้นมันสส์จาตาย......

บริษัทเรา in good shape ผู้บริหารมีฝีมือเอาบริษัทรอดได้รึปล่าว

เราซื้อกิจการเค้านี่หน่า........

รอลุ้นกับเขาด้วยคนครับ

EPS 7 บาท จ่ายซัก 4.5 บาท
น่าจะได้ คริคริ  :8)

ผมว่านะครับ เหตุการณ์แบบที่ทุกคนกำลังประสบอยู่เวลานี้ บางคนอาจจะเกิดจากการที่ตัดสินใจซื้อแบบ vi แต่เวลาราคาตกต่ำกับจะขายแบบเก็งกำไร อันนี้เป็นปัญหาของสภาวะอารมณ์ที่เราเห็นผลขาดทุนในพอร์ตของเรามากๆ ซึ่งถ้าเรามองในมุมกลับ ยามที่เราซื้อเราคิดว่าเราซื้อสินทรัพย์ตัวหนึ่ง กำไรหรือปันผล ก็คือค่าเช่าจากสินทรัพย์ตัวนั้น ถามว่ากรณีอย่างนี้เกิดคนอื่นขายสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแก่เค้าปีละ 10-15% ในราคาที่มีส่วนลดมากๆ ถามว่าเราจะรู้สึกกับคนเหล่านี้ว่าเค้าขายไปได้ยังไงราคานี้ จิงๆแล้วเหตุผลที่เค้าขายก็คือเค้ามองมันเป็นสินค้าตัวหนึ่งที่เค้าซื้อมาและขายไป รวมถึงเค้าไม่ได้หวังในผลตอบแทนที่เป็นค่าเช่าจากสินทรัพย์นั้นเลย เมื่อราคาลดลงมามากๆเค้าก็มักจะขายเพื่อลดการขาดทุนนั่นเอง ซึ่งหากเรามองเป็นสินทรัพย์ชนิดนึงแล้ว เราก็จะรู้สึกว่าถ้าเรามีเงินสดที่สามารถซื้อเพิ่มได้ เราจะรีบเข้าไปซื้อต่อทันที เพราะเป็นโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมากขึ้น
   การลงทุนแนว vi เหมาะสมกับนักลงทุนทั่วไป เพราะใช้แนวคิดที่ว่าหุ้นนั้นคือสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง ซึ่งนี่คือหัวใจของ vi ข้อนึง และ สามารถใช้ได้ในระยะยาว  สำหรับชาว vi หุ้นไม่ใช่สินค้าที่ซื้อเพื่อขายในระยะสั้น
   ส่วนการลงทุนโดยใช้หลักการอื่นๆนั้น ผมคิดว่าเหมาะกับคนที่มีความรู้มาก และเข้าใจพฤติกรรมการเล่นหุ้นของคนหมู่มาก สามารถคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างแน่นอน ซึ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จเหล่านี้ ผู้ที่มีก็จะถูกขนานนามว่า "เซียนหุ้น" นั่นเอง ดังนั้นปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ นั้น ก็สมควรที่จะยึดถือหลักการ vi ที่เหมาะสมกับคนหมู่มาก ในการลงทุน โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า vi นั้นเหมาะสมกับทุกคนที่ต้องการจะลงทุน
ขอให้ทุกคนมีความสุขในการลงทุนครับ

[quote="chavanakorn"]ผมว่านะครับ เหตุการณ์แบบที่ทุกคนกำลังประสบอยู่เวลานี้ บางคนอาจจะเกิดจากการที่ตัดสินใจซื้อแบบ vi แต่เวลาราคาตกต่ำกับจะขายแบบเก็งกำไร อันนี้เป็นปัญหาของสภาวะอารมณ์ที่เราเห็นผลขาดทุนในพอร์ตของเรามากๆ ซึ่งถ้าเรามองในมุมกลับ ยามที่เราซื้อเราคิดว่าเราซื้อสินทรัพย์ตัวหนึ่ง กำไรหรือปันผล ก็คือค่าเช่าจากสินทรัพย์ตัวนั้น ถามว่ากรณีอย่างนี้เกิดคนอื่นขายสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแก่เค้าปีละ 10-15% ในราคาที่มีส่วนลดมากๆ ถามว่าเราจะรู้สึกกับคนเหล่านี้ว่าเค้าขายไปได้ยังไงราคานี้ จิงๆแล้วเหตุผลที่เค้าขายก็คือเค้ามองมันเป็นสินค้าตัวหนึ่งที่เค้าซื้อมาและขายไป รวมถึงเค้าไม่ได้หวังในผลตอบแทนที่เป็นค่าเช่าจากสินทรัพย์นั้นเลย เมื่อราคาลดลงมามากๆเค้าก็มักจะขายเพื่อลดการขาดทุนนั่นเอง ซึ่งหากเรามองเป็นสินทรัพย์ชนิดนึงแล้ว เราก็จะรู้สึกว่าถ้าเรามีเงินสดที่สามารถซื้อเพิ่มได้ เราจะรีบเข้าไปซื้อต่อทันที เพราะเป็นโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมากขึ้น

[quote="kmphol"]VI ที่ถือหุ้น 100% ณ วันนี้ควรทำอย่างไรดี
ตอนนี้ผมถือหุ้น 100% No Cash for investment Total Port

ควรเฮ ดังๆ ซัก 10 รอบครับ


เอ้า เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตอนแรกปอดผมลบประมาณ 45-50 % แต่กะไว้ว่าไม่เป็นไร กินปันผลซัก 4-5 ปี รอปอดกลับมา 0
แต่พอวันนี้ตลาดกลับมาเร็วเกินคาด มันชักน่ากลัว

ขอให้มั่นใจในหุ้นของบริษัทที่เราศึกษาแล้วอย่างรอบคอบก่อนลงทุนครับ

ส่วนตัวก็เป็นเหมือนกันค่ะ เริ่มลงทุนหุ้นในช่วงต้นปีที่แล้ว  โดยวางแผนจะลงทุนแบบ vi  ซึ่งปีที่แล้วหุ้นตกลงเร็วมาก ใช้วิธีซื้อเฉลี่ยไป  พอร์ตติดลบมาก จนไม่อยากดูเลย  แต่อาศัยว่าเงินเย็นไม่เดือดร้อนมาก   แต่ช่วงนี้หุ้นขึ้นเร็วมากจนเริ่มกลัวๆ   ไม่แน่ใจว่าจะขายเพื่อลดต้นทุนดีหรือไม่  ส่วนตัวที่ตั้งใจทยอยซื้อเก็บกินปันผลเนี่ย  ยังซื้อได้ไม่เท่าไหร่  ราคาขึ้นเร็วมากจนซื้อไม่ทัน ช่วงนี้คงต้องค่อยๆดู  ศึกษาไปก่อน และกลับไปอ่านตำราเพิ่มเติมค่ะ