Thai VI

ผมเชื่อว่าภาพหลอนนี้ ทำให้เกิดความจำฝังใจ ในคนรุ่นนั้น ซึ่งยังหลงเหลืออยู่มาถึงปัจจุบัน

ซึ่งคนรุ่นนั้นที่ยังเหลือมาถึงปัจจุบัน ถือว่า เป็นเซียนหุ้น

ถ้าคนรุ่นนั้นเหลือมาถึงปัจจุบันซัก 5000 คน ทั่วประเทศ แต่ละคน เฉลี่ย มีเงินเล่นหุ้นซัก 50 ล้านบาท เฉลี่ยนะครับ

รวมหมอยงเข้าไปด้วย ที่เล่นเป็นพันล้าน

เม็ดเงิน ที่ยังดูท่าที ก็น่าจะราวๆ 250000 ล้าน

555 คิดเล่นๆ ไม่มีตัวเลขจริง

สมัยโน้นเอง ตอนปี 2540 ที่เกิดการล้มของ 56 ไฟแนน ราคาหุ้นก็ร่วงเอาๆ

รัฐบาลไม่ได้จัดการอย่างที่ อเมริกาทำตอนนี้

และสมัยนั้น ประเทศไทย ดูดี หุ้นไทยตก ยิ่งดีสำหรับต่างชาติ ที่จะเข้ามายึดประเทศ

ณ เวลานี้ต่างชาติถือหุ้นไทย มากพอสมควร ไม่ทราบตัวเลข

บ้างก็ว่า 50 % บ้างก็ว่า 30 % ของมูลค่าตลาด

การที่หุ้นไทยตก จาก 880 เหลือ 600 จุดนั้น

ผมมองว่าทางลงมีน้อย ทางขึ้นมีเยอะ

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเว็บเราเป็นเว็บ vi เราสามารถเลือกหุ้นที่พื้นฐานดี ราคาถูกได้

แน่นอนครับ ถูกแล้วมีถูกอีก

แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าวันไหนหุ้นจะเด้ง

ในขณะที่ทุกอย่างดูมืดมน หุ้นเด้งขึ้นมาแล้ว เราก็ยังกลัว

จริงๆแล้วหุ้นเด้งขึ้นมาแล้วนะ จาก 570 มาเป็น 620 เท่ากับเด้งขึ้นมาแล้ว 50 จุดครับ

ผมคิดว่ากลับมาดูพื้นฐานหุ้นแต่ละตัว ถ้าราคาต่ำกว่าพื้นฐานมากจริงๆแล้ว ก็น่าซื้อครับ

อย่างไรก็ตามหุ้นหลายตัว อาจจะไม่ได้ต่ำจากพื้นฐานจริง และเนื่องจากขึ้นมาเยอะมากแล้ว ถึงลงมามากแล้วก็ตาม ก็ยังไม่ต่ำมาก เราซื้อ หุ้นนั้นๆก็สามารถลงต่อได้ใช่หรือไม่

ยกตัวอย่างในอดีตไม่นานที่ pttep ลงจาก 136 ไปอยู่ที่ 88 แล้ววิ่งไป 200 กว่าๆ

ตอน pttep อยู่ที่ 90 บาทนี่ หาซื้อได้สบายเลยนะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกท่านครับ

ผมขอยกตัวอย่าง หุ้นตัวนึง dsgt

หุ้นตัวนี้ สูงสุด 8.35 วันที่ 1/6/2550

มาวันนี้ 3.02 วันที่ 23/09/2551

รวมระยะเวลา 1 ปี 3 เดือน หุ้นลงตลอด

ก็ลองศึกษาพื้นฐานกันดูนะครับ ว่าน่าซื้อหรือไม่ อิอิ

สำหรับผมหนะ น่าซื้อนะ เงินหมดจ๊า

Jeng เขียน:ผมขอยกตัวอย่าง หุ้นตัวนึง dsgt

หุ้นตัวนี้ สูงสุด 8.35 วันที่ 1/6/2550

มาวันนี้ 3.02 วันที่ 23/09/2551

รวมระยะเวลา 1 ปี 3 เดือน หุ้นลงตลอด

ก็ลองศึกษาพื้นฐานกันดูนะครับ ว่าน่าซื้อหรือไม่ อิอิ

สำหรับผมหนะ น่าซื้อนะ เงินหมดจ๊า

คนที่เล่นหุ้นตอนนี้ทั้งหมดเกินวัยที่จะใส่ Babylove แล้วครับ และส่วนมากอายุก็ยังไม่มากพอที่จะใส่ Fitty ได้ เลยอาจจะเข้าใจหุ้นตัวนี้ได้ยากหน่อยราคาเลยล่วงเอาๆ :lol:

Jeng เขียน:ผมขอยกตัวอย่าง หุ้นตัวนึง dsgt

หุ้นตัวนี้ สูงสุด 8.35 วันที่ 1/6/2550

มาวันนี้ 3.02 วันที่ 23/09/2551

รวมระยะเวลา 1 ปี 3 เดือน หุ้นลงตลอด

ก็ลองศึกษาพื้นฐานกันดูนะครับ ว่าน่าซื้อหรือไม่ อิอิ

สำหรับผมหนะ น่าซื้อนะ เงินหมดจ๊า

น้องเจ๋ง  ถ้านับน้องอ้อมราคานี้  ผลตอบแทนการลงทุนเงินปันผลปีละ14+14  =28สตางค์ต่อปี  ราคานี้ก็น่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี

แต่ถ้าเปรียบราคา  เอาPTTAR  มาจากที่สูงสุดแล้วลงมาต่ำสุด
ถ้าคิดว่าหุ้นลดราคามาขนาดนี้แล้วถูก  คนขายน่าจะคิดได้มั้ง

แล้วซื้อหุ้นคืน  วันประกาศ3.22
ทำไมบริษัทไม่ตั้งรับซื้อ  3.20ให้หมดวงเงินล่ะ
ลองโทรไปถาม  IR  ดูก่อน  
ว่าบริษัทมีเป้าหมายการซื้อคืนอย่างไร

แต่ละคนไม่เคยล้างพอท์ต  
หุ้นขึ้นหุ้นลงคงไม่ตกรถตลอด  ไม่ติดดอยตลอด

ไม่ได้สนใจเรื่องซื้อหุ้นคืนเป็นหลักครับ เฮีย

อเมริกาแย่มาก ถึงมากที่สุด แต่
ประมาจารย์ vi กลับซื้อหุ้น

แล้วพวกเราหละ

ผมก็มองเจ้า DSGT อยู่เหมือนกันครับ ที่ผ่านมารู้สึกว่าราคาแข็งเหลือเกิน อยากได้ก็รู้สึกว่าราคามันสูงไป ผลตอบแทนต่อปียังไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่มาแถวๆ3 บาทนี้น่าสนขึ้นเยอะ แต่ก็ยังลังเลกลัวว่ามันจะมีอะไรอีก แล้วลงมาต่อ ตอนนี้ก็เลย รอดูต่อไปครับ สุดท้ายสงสัยนั่งมองตาปริบๆ เวลามันขึ้นไปหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับเนี่ย

เห็นด้วยเฮีย ไงก็ลงไม่ถึง 200จุดหรอก
ฐานรับสำคัญคือแถวๆนี้ล่ะ ห้าปลายๆ (ฐานสำคัญของสำคัญสุดอันเป็นด่านสุดท้ายของท้ายที่สุดของความหวังขาขึ้น :lol: )

แต่ถ้าหลุดลงไป ก็คิดว่าไม่ถึงสองร้อยหรอก สี่ร้อยก็หรูแล้ว  :oops:  :oops:  :oops:

แต่ประเด็นคืองี้ เห้นด้วยกะเฮีย ที่ว่า ดูเป็นตัวๆไปอ่าค่ะ
แต่มันก็สำคัญมากอีกเหมือนกันคือ กระแสลมแรงมาก คนว่ายน้ำต้องว่ายได้แข็ง คือต้องเลือกหุ้นได้แม่นมากๆ เพราะต้องมองฝ่าอนาคตที่มีโอกาสสูงที่สุดที่จะเข้าสู่ขาลงของทั้งโลก

ดิฉันว่าเอางี้ดีมั้ยอ่า เอาเวลาว่างๆระหว่างคลื่นลมแรงนี้ ใครว่ายน้ำเก่งๆ ช่วยน้องๆผู้ป้อแป้(อย่างดิฉันเนี่ย  :lol: ) มาช่วยขบคิดกันดีกว่าว่า หุ้นตัวไหน ธุรกิจอะไร ที่จะฝ่าไปได้ ต้องมีลักษณะอย่างไร

เอา ดิฉันว่ายป้อแป้ ๆเนี่ย เริ่มชงก่อนมั่วๆก็ได้อ่าค่ะ  :lol:

คิดว่าธุรกิจอย่างเช่น เซเว่นเงี้ย น่าจะฝ่ามรสุมนี้ไปไหว
ไม่ได้มีความรู้ทางตัวเลขเรโชอะไรมากมาก แต่มองแบบง่ายๆ เห็นว่าโมเดลประกอบธุรกิจของเขา น่าจะยังโตไปได้อีก ในแทบจะทุกสภาวะ ณ ขณะนี้ เป็นต้น

(ปล.ดิฉันไม่มีหุ้น cpall แค่พูดไปตามที่คิดค่ะ แต่ก็สนใจอยู่ ถ้ามีแพนิคลงมาให้ซักหน่อย  :lol: เว้ากันตรงๆงี้แหละ)


ท่านอื่น มีตัวไหนที่น่าสนใจ ขอความรู้ให้น้องผู้ป้อแป้หน่อย จักขอบพระคุณยิ่งค่ะ

 :oops:  :oops:

เมกา แย่ ต้องกิน ปลาทูน่ากระป๋อง tuf + ขนมปัง ครับผม

คล้ายๆไทยกินมาม่า อาหารคนยาก

เรื่องค่าเงินดอลล่าอ่อน ไม่เป็นปัญหา เพราะอย่างไรก็ต้องซื้อไปกินอยู่แล้ว

เหมือนไทย ที่ซื้อเบนซ์ ตอนค่าเงิน 25 พอค่าเงิน 35-50 ก็ต้องซื้อเบนซ์อยู่ดี

[quote="007-s"]เห็นด้วยเฮีย ไงก็ลงไม่ถึง 200จุดหรอก
ฐานรับสำคัญคือแถวๆนี้ล่ะ ห้าปลายๆ (ฐานสำคัญของสำคัญสุดอันเป็นด่านสุดท้ายของท้ายที่สุดของความหวังขาขึ้น :lol: )

แต่ถ้าหลุดลงไป ก็คิดว่าไม่ถึงสองร้อยหรอก สี่ร้อยก็หรูแล้ว

ขอร่วมคิดต่อยอด

เวลาที่รายได้เริ่มลดลง ถ้าเป็นผม สิ่งที่จะตัดเพื่อจะลดค่าใช้จ่ายก็คงจะเป็น
- รถยนต์ คันเก่ายังขับได้จะรีบซื้อใหม่ทำไม น้ำมันแพงนักก็ไปติดแก๊ส จะ NGV หรือ LPG ก็พิจารณากันอีกที
- เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี ตู้เย็น หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ อันเก่ามันยังไม่พังเลย ใช้ต่อดีกว่า
- คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊คตัวเก่งจะยังใช้ได้ แม้จะแรงลดลงก็ตาม
- โทรศัพท์มือถือ ออกใหม่ตลอดตามไม่ทัน ใช้อันเดิมดีกว่าไว้เครื่อเอ๋อก่อนค่อยซื้อใหม่
- ท่องเที่ยว ลดโปรแกรมเที่ยว ตปท.ซะ หันมาเที่ยวไทย แต่บังเอิญพี่ไทยราคาที่พักแทบไม่ต่างจากไปเที่ยวประเทศใกล้ๆ งั้นงดมันซะ
- ร้านอาหารตามห้าง ฟูจิ เอ็มเค ฯลฯ เดิมไปกินทุกสัปดาห์ งั้นเหลือเดือนละครั้งล่ะกัน ซื้อหาอาหารมาทำกินเองวันหยุดที่บ้าน ก็ได้สังสรรค์กันในครอบครัวไปอีกแบบ
- บ้าน อันนี้ไม่ได้ซื้อหากันบ่อยๆ ใครที่ซื้อแล้วก็ผ่อนต่อไป แต่ถ้าใครยังเพียงแค่จดๆ จ้องๆ ก็คงต้องขอบายถือเงินสดไว้ก่อน กลัวไม่มีเงินผ่อนแล้วจะโดนยึดเอาซะงั้น

คิดได้แค่นี้ก่อน วานเพื่อนๆ ช่วยคิดต่อล่ะกัน ถ้าเกิดคนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมในการลดค่าใช้จ่ายลงแบบนี้จริงๆ เราก็น่าจะลองมองหาหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ดู แล้วก็เลี่ยงในหุ้นที่น่าจะโดนผลกระทบ ว่าแต่จะเป็นหุ้นอะไรบ้างก็ลองดูๆ นะครับ

ผมได้สัมผัสในส่วนของ subsample คือช่วง จาก 400 กว่า ลงไป 200 กว่าถ้าจำไม่ผิดมีแตะ ร้อยปลายๆด้วยหรือปล่าวครับ เรียกว่า หดหู่จริงๆ แต่ดีตอนนั้นเริ่มลงทุนน้อยมากครับ แต่ก็ขาดทุนแหละครับ

ก็เรียกว่าเอาเวลาไปทำงานดีกว่า แต่แค่อย่าหันหลังให้มัน คิดซะว่าเป็นช่วงเวลาพักผ่อน ให้เราทำการบ้านได้ถี่ถ้วนมากขึ้น และรอบคอบมากขึ้น เพราะในเวลาตลาดขาขึ้น สิ่งที่เราลงทุนไป ถ้ามันดี มันก็ดีเองแหละครับ เผลอๆจะดีเกินคาด

สู้ต่อไป

แต่ถ้าเล่นหุ้นตามกราฟ  ต้องพึ่งคุณ007แน่นอน
ตกลงมันรีบราวน์เพื่อลงต่อหรือเปล่า
เจอกันที่5บวกลบ  เท่าไหร่ดี

ดิฉันไม่เซียนกร๊าฟอะไรนะเฮีย ก็แค่เด็กหลังห้องอาศัยครูพักลักจำเขามาเท่านั้น แล้วเอามาขบต่อยอดสังเกตุมันเอง

เอามุมมองมั่วๆไป ก็ตามความเห็นดิฉัน ถ้าลงไปห้าปลายๆอีกรอบในเร็ววันนี้ มันจะดูไม่ดีเลย  :oops:
ถ้าให้ดีจริง (หมายถึงเซทไทยจะต้านลมแรงของโลกได้ดีจริง) มันควรจะสะสมพลังเหนือ หกร้อยให้ได้ซักระยะนึง คือโวยุ่มไม่มา มันขึ้นผ่าน 640-650 ไม่ได้แน่
แต่ที่เห็นนี่ แค่ด่านเด็กๆ 62X ยังไปไม่พ้นเลย,แต่ก็ยังถือว่า พอใช้ ที่เด้งมาได้ภายในวี๊คก่อน แต่หางก็ไม่สวยนักหรอก
แนวรับ ห้าปลายๆสมัยหวัดนก จริงๆ ถ้าเอากันเป็นจุดต่อจุดเลยนี่มันหลุดไปแล้ว  :oops: แต่มันสามารถตะเกียกตะกายกลับขึ้นมาได้อย่างว่องไว
แต่ที่ว่าหางไม่สวย เพราะถ้าเทียบวันหม่อมอุ๋ย มันสบัดกลับได้แรงพร้อมโวยุ่ม หางเดย์,หางวี๊ค,หางมันท์ มันดุดันดี ชัดเจนว่ากลับตัว
แต่หางคราแฮมเบอร์เกอร์ครั้งนี้ มันสบัดกลับมาได้ แต่อ้อแอ้ๆ เหลือเกิน เลยต้องหวังอาศัยเลี้ยงบอลไต่เส้นไว้ให้ได้(เหนือหกร้อยเนี่ย) โวยุ่มไม่มี ต้องสะสมกำลังในระยะเวลาที่มาก ถึงจะดึงความรู้สึกของคนที่ถือเงินอยู่นอกตลาด ให้หายกลัวและกล้าที่จะค่อยๆทะยอยกลับเข้ามาได้

พูดตามจริงเลย ก็ต้องยอมรับค่ะว่า ไอ้โลว์ 569 ล่าสุดนั่นน่ะ มันหลุดนะ หลุดแล้ว แต่กระชากตบกลับขึ้นมาได้ การสร้างโลว์ใหม่ 569 ทำให้ฐานแนวรับสำคัญเริ่มเอียง ฐานเอียงนี่ความเสี่ยงขาลงใหญ่ค่อนข้างสูงมาก

เหมือนหุ้นน่ะค่ะ ดิฉันดูที่แนวฐานเป็นสำคัญ ถ้าเอียง(แบบที่ไม่ยอมแก้ไขอย่างทันที เช่นดีดกลับรุนแรง) ถ้าฐานเอียงนี่อตร.พอสมควร เพราะถ้าวันใดหลุดเมื่อไหร่ เทกันพรวดๆเลยค่ะ

ไหนๆก็ไหนๆ พูดแล้วก็พูดไปเลย (โดนด่าจะได้ทีเดียว :lol: )
ฟอร์มการเคลื่อนไหวของเซท เสียทรงไปแล้ว เสียทรงของการที่จะกลับไปเป็นขาขึ้นยาวๆได้อย่างปีปกติ
หมายถึง (ตามความเห็นดิฉัน) ลงมาจนทรงมันเบี้ยวแล้วแบบนี้ จะกลับมาเป็นขาขึ้นระยะกลางถึงยาวได้อีก ต้องสะสมพลังสร้างฐานใหม่หมด (หรือไม่คือต้องดีดกลับทันท่วงทีอย่างที่บอก เช่นวันหม่อมอุ๋ย)

ส่วนแนวรับ ที่หลายคน(รวมดิฉัน) เข้าไปสวนเล่นเด้งไปแล้วนั้น เป็นแค่แนวจิตวิทยาของค่าตัวตลาด คือเรายกระดับค่าตัวมาเล่นเหนือ ฐานล่างในหลายปีหมีใหญ่ (คือ ช่วงดัชนี 200-400 ที่ผ่านมา) และเราได้อั๊พค่าตัวเรามาเล่นในระดับ 600-800 (อาจจะมีแพลมๆขึ้นลงเลยๆกันไปบ้างบางจังหวะ) อยู่ระดับนี้มานานหลายปีทีเดียว ดังนั้นหากจะหลุดแนวค่าตัวนี้ลงไปได้ ย่อมแปลว่า ....เจ๊งกะบ๊งจ๊งกะเบ๊งเสียแล้ว :lol: หลายคนที่เป็นชาวสวนจึงขอวัดใจหน่อย จึงมีแรงซื้อดีดกลับมาได้ดังที่ผ่านมา

ขึ้นอยู่กะว่า ตอนนี้ ไทยอยู่ตำแหน่งสถานะไหนในสนามอันกว้างเวิ้งว้างนี้
เราเชือ่ว่ามันจะเจ๊งมั้ย หรือเราเชือ่ว่ามันไม่เจ๊งนะ แต่คนอื่นเชื่อแบบเดียวกะเรามั้ย
ซึ่งดิฉัน ไม่ขอคาด ไม่ฟันธง

แค่ ดู มัน ทำ ...ค่ะ

Faber Says U.S. $700 Billion Rescue Plan Isn't Enough

http://www.bloomberg.com/apps/news?pid= ... refer=home

จริงๆแล้ว ถ้าเมกา เจ๊งๆ ระยะสั้น หุ้นไทย วิ่งไป 1000 แหงมๆ เพราะเงินทะลัก

ถ้ายังจำได้ว่า ตอน 1700 ตอนนั้น หุ้นก็ขึ้นด้วยเงินทะลักนะ เศรษฐกิจ ใช่ว่าจะดี

จริงนะเฮีย ตอนดัชนี 1700 เศรษฐกิจเราดีหรือ อิอิ

ขึ้นด้วยเงินแท้ๆ

และตอนนี้ทั้ง เมกา ญี่ปุ่น ยุโรป มีปัญหา

ใครถือเงินดอลล่ามากๆ ไม่กัว เหรอ

มาไทยซิครับ หุ้นดีๆ pe ต่ำๆ มีตรึม

ราคาก็มีส่วนลด

โลกไม่เจ๊งหรอกเฮีย

หุ้นบางตัว ตั้งแต่เมกามีปัญหา ไม่เห็นลงเลย เช่น aj

ผมว่าต้องดูตัวดีๆนะ อิอิ

ลงครั้งนั้นมันเรื่องของเรา เลยเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานเราเอง
แต่ลงครั้งนี้มันเรื่องของเค้า เราแค่ตามเค้าไป ไม่ใช่เหรอครับพี่

บันทึกประวัติศาสตร์ไว้เช่นกัน เห็นว่าตอนเช้าลบ 33 ตอนนี้ใกล้สี่โมง ลบเหลือ 2.63

นี่แหละตลาดหุ้น

Jeng เขียน:บันทึกประวัติศาสตร์ไว้เช่นกัน เห็นว่าตอนเช้าลบ 33 ตอนนี้ใกล้สี่โมง ลบเหลือ 2.63

นี่แหละตลาดหุ้น

แล้วทันกับเขาบ้างป่าวครับเฮีย  :8)  ...

ไม่ได้ทำอะไร พอร์ทเต็มอยู่ อิอิ

คิดๆดูแล้ว เมกามีปัญหา ซึ่ง ปัญหาก็เป็นปัญหาจริงๆ

ทางแก้ของปัญหา ไม่ว่าจะให้เอกชน ปรับตัวเอง หรือ รัฐบาลอัดเงินเข้ามาช่วย ปัญหาก็ยังคงอยู่ และต้องออกผลออกมา คือ กำไรของบริษัทต่างๆลดลง

ผมคิดว่า หุ้นเมกาลดลงอย่างมาก อย่างแน่นอน

ในขณะที่ไทยเอง ไม่ได้มีปัญหา การที่ต่างชาติขาย ไม่ได้ทำให้ กิจการมีปัญหา แต่ทำให้หุ้นในตลาดหุ้นไทย ราคาลดลงอย่างมาก

และเป็นโอกาสซื้อ

ส่วนในเรื่องที่บอกว่า เศรษฐกิจเมกาล่ม จะกระทบทั่วโลก ผมว่าจริงนะ

แต่ก็ต้องมาดูความสามารถในการแข่งขัน

เพราะเศรษฐกิจเมกา ล่ม กำลังซื้อก็มากอยู่ดี

ยกต้วอย่างเช่น tuf ขายปลากระป๋อง

เศรษฐกิจล่มคนก็ต้องกินปลากระป๋องมากขึ้น เพราะไม่มีเงินไปกินข้าวนอกบ้าน

แต่ต้องย้อนกลับไปดูหุ้น tf ที่เศรษฐกิจไทยล่ม หุ้นมาม่า ก็น่าจะลงไปก่อน

แล้วในที่สุดก็เด้งกลับมา

ใครจำได้หรือไม่ว่า ดร.นิเวศน์ซื้อ tf ตอนราคาเท่าไร pe เท่าไร สมัยต้มยำกุ้ง

จาก 1400 ต้นปี 2539 ถึง เดือน 9 ปี 2541 ลงรวดเดียว เหลือ 210

อืม โหดดีแฮะ สมัยก่อน