คุณดาว /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 24, 2008 9:28 pm
โลกในมุมมองของ Value Investor 26 สิงหาคม 2551
บุคคลสำคัญที่สุดคนหนึ่งในโลกของการลงทุนที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้ก็คือ Charles Dow แค่เพียงชื่อของเขาก็บอกแล้วว่าเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ที่นักลงทุนทุกคนจะต้องรู้จัก ครับ เขาคือผู้ที่ก่อตั้งดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่เราได้ยินกันทุกวัน แต่ความยิ่งใหญ่ของเขาไม่ใช่อยู่เพียงแค่นั้น เพราะเขายังเป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัลอันทรงอิทธิพล และสุดท้าย เขายังเป็นผู้ริเริ่มการวิเคราะห์หุ้นแบบเทคนิคซึ่งเริ่มจากพื้นฐาน “Dow Theory” หรือทฤษฎีของดาวที่คนรุ่นต่อมานำมาเขียนเป็นระบบเป็นเรื่องเป็นราวจนกลายเป็นการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค มองในแง่นี้ก็อาจจะถือได้ว่าดาวเป็น “บิดาแห่งการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค” คนหนึ่งได้
พูดถึงดัชนีดาวโจนส์ก่อน นี่น่าจะเป็นดัชนีแรกของโลกที่เกิดขึ้นในปี 1884 หรือกว่าร้อยยี่สิบปีมาแล้ว ตัวดาวเองนั้นได้ร่วมกับ Eddie Jones เพื่อนนักข่าวก่อตั้งหนังสือพิมพ์ที่เน้นข่าวเกี่ยวกับหุ้น ในช่วงต้น เนื้อหาส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่ในยุคนั้นยังไม่มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวันธรรมดา ว่าที่จริงหนังสือพิมพ์ของดาวนั้นมีเพียง 2- 4 หน้าเหมือนกับใบปลิวเสียมากกว่า และข่าวก็มักจะไม่ค่อยแม่นยำแต่เป็นข่าวลือบ้างความเห็นบ้าง พูดง่าย ๆ เป็นงานแบบมือสมัครเล่น ดังนั้น ดัชนีตลาดหุ้นที่คิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวบอกถึงความเคลื่อนไหวของหุ้นในขณะนั้นจึงทำกันง่าย ๆ คือเอาราคาหุ้นขนาดใหญ่และมีการซื้อขายสูงมารวมกันและหาราคาเฉลี่ยในวันนั้น ตัวอย่างเช่น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1885 ดัชนีหุ้นคำนวณจากหุ้น 14 ตัวซึ่งเป็นหุ้นรถไฟเสีย 12 ตัว มาบวกกันแล้วหารด้วย 14 ก็จะได้ค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นในวันนั้นออกมาที่ 63.7 เหรียญหรือ 63.7 จุด และต่อมาดัชนีนี้ก็กลายเป็นดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ซึ่งหลักการยังคงเดิมแต่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนและตัวหุ้นที่ใช้คำนวณไปเรื่อย ๆ โดยในปัจจุบันใช้หุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวมาใช้คำนวณและดัชนีได้ปรับขึ้นไปเป็นประมาณ 11,600 จุด
เนื่องจากคู่แข่งอาจจะมีน้อย หนังสือพิมพ์หุ้นของดาวจึงเติบโตและพัฒนาขึ้นกลายเป็นวอลสตรีทเจอร์นัลในปี 1889 หลังจากนั้นวอลสตรีทเจอร์นัลก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจการเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปัจจุบัน เช่นเดียวกับมาตรฐานของข่าวและบทความในวอลสตรีทเจอร์นัลที่ได้รับการยอมรับถึงความแม่นยำและเป็นมืออาชีพสูงสุด
ในเรื่องของการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคนั้น ดาวได้ใช้ดัชนีของเขาในการพยายามอธิบายทฤษฎีพฤติกรรมของตลาดหุ้นในบทบรรณาธิการของเขาระหว่างปี 1899 จนถึงวันที่เขาเสียชีวิตในปี 1902 ในการใช้ตัวเลขดัชนีของดาวนั้น แม้ว่าเขาจะใช้มันในการทำนายภาวะตลาดอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แล้ว เขามักจะใช้มันในการอธิบายเรื่องของอดีตหรือประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นเสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเขาที่จะเชื่อมโยงราคาหุ้นในอดีตกับราคาหุ้นในอนาคตก็กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคที่มีการพัฒนาต่อมาโดยลูกน้องของเขาที่วอลสตรีทเจอร์นัลคือ William P. Hamilton และต่อมาโดย Robert Rhea ซึ่งศึกษาและเขียนหนังสือเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างเป็นระบบและสามารถขายบริการบอกรับเป็นสมาชิกจนทำให้เขาโด่งดังและทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคกลายเป็นการวิเคราะห์ที่มีคนนิยมกันทั่วโลกในเวลาต่อมา
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามเรื่องนั้น เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ดาวเองไม่ได้ลิ้มรสในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ นักลงทุนในยุคที่เขามีชีวิตนั้นไม่ใคร่ได้สนใจหรือตระหนักในความสำคัญของมัน คนไม่ใคร่รู้ถึงความสำเร็จและผลงานของเขา คำว่า “ทฤษฎีของดาว” เองนั้นก็เกิดขึ้นหลังจากที่ดาวเสียชีวิตไป 20 ปีแล้วโดย วิลเลียม แฮมิลตัน ดาวเองก็ตายตั้งแต่อายุ 51 ปี
ดาวเกิดในครอบครัวที่ยากจน พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุเพียง 6 ขวบ เขาได้รับการศึกษาน้อยมาก เมื่อเติบโตขึ้นเขาได้ทิ้งงานฟาร์มไปจับงานเขียนให้กับหนังสือพิมพ์ก่อนที่จะลงทุนทำหนังสือพิมพ์ของตนเอง เขาเป็นคนที่อนุรักษ์นิยมมากและคนบอกว่าเขามีคุณลักษณะแบบอาจารย์มหาวิทยาลัย มีความใจเย็นเช่นเดียวกับที่มีจรรยาบรรณสูงในการทำงาน ในช่วงชีวิตเขานั้นเป็นยุคท้าย ๆ ของตลาดหุ้นที่ยังมี “ขาใหญ่” และ “นักปั่น” เป็นผู้ที่มีบทบาทในการซื้อขายและชี้นำราคาหุ้นมากแต่ดาวไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องและไม่เคยพยายามที่จะทำกำไรจากข้อมูลที่อาจจะได้รับ เขาเลือกที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์และวิจารณ์มากกว่า
ในแง่ของวิชาการแล้ว สิ่งที่ดาวคิดและสร้างสรรค์ขึ้นนั้นแทบไม่มีความหมาย ดัชนีดาวโจนส์นั้นในแง่วิชาการแล้วเป็นดัชนีที่แย่ที่สุดและไม่สามารถเป็นตัวแทนตลาดหุ้นได้เพราะไม่คำนึงถึงมูลค่าตลาดของหุ้นที่นำมาคำนวณ จำนวนหุ้นที่ใช้คำนวณก็น้อยมากแค่ 30 ตัว และยังมีจุดอ่อนอีกมาก นักวิชาการจึงแทบไม่ใช้ดัชนีนี้เลย แต่สำหรับนักลงทุนและคนทั่วไปแล้ว ดัชนีดาวโจนส์คือสิ่งที่เขาสนใจติดตาม และว่าที่จริงมันสามารถเป็นตัวแทนตลาดหุ้นได้อย่างน้อยก็ 80-90% ขึ้นไปเพราะหุ้นที่ถูกคัดเลือกมาอยู่ในดัชนีนั้นเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดและอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายเพียงพอ ที่สำคัญที่สุดก็คือ มันมีสถิติต่อเนื่องมากว่า 100 ปีแล้ว
ในส่วนของการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคนั้น ในแง่ของวิชาการก็มองว่ามันเป็นศาสตร์ที่ไม่สามารถทำนายทิศทางและราคาของหุ้นในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่มีการสรุปภายหลัง ในช่วงที่ดาวคิดเรื่องนี้มันอาจจะใช้ได้ผล หรือถึงแม้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคทั้งหมดนั้นไม่เคยใช้ได้เลย แต่มองในแง่ว่ามันเป็นความพยายามที่จะหาวิธีวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่สำคัญ นี่ก็น่าที่จะทำให้โลกของการลงทุนพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งจากเรื่องของการเก็งกำไรจากข่าวแต่เพียงอย่างเดียว มองในแง่นี้ ก็เพียงพอแล้วที่ชื่อของดาวน่าจะติดอยู่ในทำเนียบคนที่สำคัญที่สุดหนึ่งในสิบคนในวงการลงทุนในหลักทรัพย์ของโลก
บุคคลสำคัญที่สุดคนหนึ่งในโลกของการลงทุนที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้ก็คือ Charles Dow แค่เพียงชื่อของเขาก็บอกแล้วว่าเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ที่นักลงทุนทุกคนจะต้องรู้จัก ครับ เขาคือผู้ที่ก่อตั้งดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่เราได้ยินกันทุกวัน แต่ความยิ่งใหญ่ของเขาไม่ใช่อยู่เพียงแค่นั้น เพราะเขายังเป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัลอันทรงอิทธิพล และสุดท้าย เขายังเป็นผู้ริเริ่มการวิเคราะห์หุ้นแบบเทคนิคซึ่งเริ่มจากพื้นฐาน “Dow Theory” หรือทฤษฎีของดาวที่คนรุ่นต่อมานำมาเขียนเป็นระบบเป็นเรื่องเป็นราวจนกลายเป็นการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค มองในแง่นี้ก็อาจจะถือได้ว่าดาวเป็น “บิดาแห่งการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค” คนหนึ่งได้
พูดถึงดัชนีดาวโจนส์ก่อน นี่น่าจะเป็นดัชนีแรกของโลกที่เกิดขึ้นในปี 1884 หรือกว่าร้อยยี่สิบปีมาแล้ว ตัวดาวเองนั้นได้ร่วมกับ Eddie Jones เพื่อนนักข่าวก่อตั้งหนังสือพิมพ์ที่เน้นข่าวเกี่ยวกับหุ้น ในช่วงต้น เนื้อหาส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่ในยุคนั้นยังไม่มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวันธรรมดา ว่าที่จริงหนังสือพิมพ์ของดาวนั้นมีเพียง 2- 4 หน้าเหมือนกับใบปลิวเสียมากกว่า และข่าวก็มักจะไม่ค่อยแม่นยำแต่เป็นข่าวลือบ้างความเห็นบ้าง พูดง่าย ๆ เป็นงานแบบมือสมัครเล่น ดังนั้น ดัชนีตลาดหุ้นที่คิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวบอกถึงความเคลื่อนไหวของหุ้นในขณะนั้นจึงทำกันง่าย ๆ คือเอาราคาหุ้นขนาดใหญ่และมีการซื้อขายสูงมารวมกันและหาราคาเฉลี่ยในวันนั้น ตัวอย่างเช่น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1885 ดัชนีหุ้นคำนวณจากหุ้น 14 ตัวซึ่งเป็นหุ้นรถไฟเสีย 12 ตัว มาบวกกันแล้วหารด้วย 14 ก็จะได้ค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นในวันนั้นออกมาที่ 63.7 เหรียญหรือ 63.7 จุด และต่อมาดัชนีนี้ก็กลายเป็นดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ซึ่งหลักการยังคงเดิมแต่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนและตัวหุ้นที่ใช้คำนวณไปเรื่อย ๆ โดยในปัจจุบันใช้หุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวมาใช้คำนวณและดัชนีได้ปรับขึ้นไปเป็นประมาณ 11,600 จุด
เนื่องจากคู่แข่งอาจจะมีน้อย หนังสือพิมพ์หุ้นของดาวจึงเติบโตและพัฒนาขึ้นกลายเป็นวอลสตรีทเจอร์นัลในปี 1889 หลังจากนั้นวอลสตรีทเจอร์นัลก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจการเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปัจจุบัน เช่นเดียวกับมาตรฐานของข่าวและบทความในวอลสตรีทเจอร์นัลที่ได้รับการยอมรับถึงความแม่นยำและเป็นมืออาชีพสูงสุด
ในเรื่องของการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคนั้น ดาวได้ใช้ดัชนีของเขาในการพยายามอธิบายทฤษฎีพฤติกรรมของตลาดหุ้นในบทบรรณาธิการของเขาระหว่างปี 1899 จนถึงวันที่เขาเสียชีวิตในปี 1902 ในการใช้ตัวเลขดัชนีของดาวนั้น แม้ว่าเขาจะใช้มันในการทำนายภาวะตลาดอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แล้ว เขามักจะใช้มันในการอธิบายเรื่องของอดีตหรือประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นเสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเขาที่จะเชื่อมโยงราคาหุ้นในอดีตกับราคาหุ้นในอนาคตก็กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคที่มีการพัฒนาต่อมาโดยลูกน้องของเขาที่วอลสตรีทเจอร์นัลคือ William P. Hamilton และต่อมาโดย Robert Rhea ซึ่งศึกษาและเขียนหนังสือเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างเป็นระบบและสามารถขายบริการบอกรับเป็นสมาชิกจนทำให้เขาโด่งดังและทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคกลายเป็นการวิเคราะห์ที่มีคนนิยมกันทั่วโลกในเวลาต่อมา
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามเรื่องนั้น เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ดาวเองไม่ได้ลิ้มรสในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ นักลงทุนในยุคที่เขามีชีวิตนั้นไม่ใคร่ได้สนใจหรือตระหนักในความสำคัญของมัน คนไม่ใคร่รู้ถึงความสำเร็จและผลงานของเขา คำว่า “ทฤษฎีของดาว” เองนั้นก็เกิดขึ้นหลังจากที่ดาวเสียชีวิตไป 20 ปีแล้วโดย วิลเลียม แฮมิลตัน ดาวเองก็ตายตั้งแต่อายุ 51 ปี
ดาวเกิดในครอบครัวที่ยากจน พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุเพียง 6 ขวบ เขาได้รับการศึกษาน้อยมาก เมื่อเติบโตขึ้นเขาได้ทิ้งงานฟาร์มไปจับงานเขียนให้กับหนังสือพิมพ์ก่อนที่จะลงทุนทำหนังสือพิมพ์ของตนเอง เขาเป็นคนที่อนุรักษ์นิยมมากและคนบอกว่าเขามีคุณลักษณะแบบอาจารย์มหาวิทยาลัย มีความใจเย็นเช่นเดียวกับที่มีจรรยาบรรณสูงในการทำงาน ในช่วงชีวิตเขานั้นเป็นยุคท้าย ๆ ของตลาดหุ้นที่ยังมี “ขาใหญ่” และ “นักปั่น” เป็นผู้ที่มีบทบาทในการซื้อขายและชี้นำราคาหุ้นมากแต่ดาวไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องและไม่เคยพยายามที่จะทำกำไรจากข้อมูลที่อาจจะได้รับ เขาเลือกที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์และวิจารณ์มากกว่า
ในแง่ของวิชาการแล้ว สิ่งที่ดาวคิดและสร้างสรรค์ขึ้นนั้นแทบไม่มีความหมาย ดัชนีดาวโจนส์นั้นในแง่วิชาการแล้วเป็นดัชนีที่แย่ที่สุดและไม่สามารถเป็นตัวแทนตลาดหุ้นได้เพราะไม่คำนึงถึงมูลค่าตลาดของหุ้นที่นำมาคำนวณ จำนวนหุ้นที่ใช้คำนวณก็น้อยมากแค่ 30 ตัว และยังมีจุดอ่อนอีกมาก นักวิชาการจึงแทบไม่ใช้ดัชนีนี้เลย แต่สำหรับนักลงทุนและคนทั่วไปแล้ว ดัชนีดาวโจนส์คือสิ่งที่เขาสนใจติดตาม และว่าที่จริงมันสามารถเป็นตัวแทนตลาดหุ้นได้อย่างน้อยก็ 80-90% ขึ้นไปเพราะหุ้นที่ถูกคัดเลือกมาอยู่ในดัชนีนั้นเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดและอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายเพียงพอ ที่สำคัญที่สุดก็คือ มันมีสถิติต่อเนื่องมากว่า 100 ปีแล้ว
ในส่วนของการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคนั้น ในแง่ของวิชาการก็มองว่ามันเป็นศาสตร์ที่ไม่สามารถทำนายทิศทางและราคาของหุ้นในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่มีการสรุปภายหลัง ในช่วงที่ดาวคิดเรื่องนี้มันอาจจะใช้ได้ผล หรือถึงแม้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคทั้งหมดนั้นไม่เคยใช้ได้เลย แต่มองในแง่ว่ามันเป็นความพยายามที่จะหาวิธีวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่สำคัญ นี่ก็น่าที่จะทำให้โลกของการลงทุนพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งจากเรื่องของการเก็งกำไรจากข่าวแต่เพียงอย่างเดียว มองในแง่นี้ ก็เพียงพอแล้วที่ชื่อของดาวน่าจะติดอยู่ในทำเนียบคนที่สำคัญที่สุดหนึ่งในสิบคนในวงการลงทุนในหลักทรัพย์ของโลก