Thai VI

เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "ราคาหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงในระยะยาว" (ซึ่งเป็นเหตุผลของแนวทางลงทุนแบบเน้นมูลค่า)

ในทำนองกลับกัน คิดว่า "มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นจะสะท้อนจากแนวโน้มราคาในระยะยาว" หรือไม่ครับ?

ป.ล. หรือถ้าอธิบายง่ายๆ ก็คือ หุ้นที่ดีในระยะยาวราคาต้องขึ้น แล้วหุ้นที่ขึ้นในระยะยาวแล้วต้องเป็นหุ้นที่ดีด้วยหรือไม่

คงต้องถกเถียงกันหลายประเด็น

เริ่มจาก  มูลค่าที่แท้จริงของแต่ละคนก็ยังไม่เท่ากันเลย  ราคา X บาท  บางคนอาจจะบอกว่าต่ำกว่าราคาพื้นฐาน  แต่บางคนอาจจะบอกว่าเกินพื้นฐาน

ต่อมา ระยะยาว  ยาวแค่ไหนละครับ  1 ปี  3 ปี  5 ปี  10 ปี

และสุดท้าย  หุ้นที่ดี  มีคุณสมบัติอย่างไร  แต่ละคนก็ยังคิดไม่เหมือนกัน

พี่ฉัตรชัยครับ คือแท้จริงแล้วผมอยากลองแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นดังนี้ครับ

นักลงทุนเน้นมูลค่า (หลายคนแต่ไม่ใช่ทุกคน) ใช้ข้อมูล "งบการเงิน" ในอดีตเพื่อกรองหุ้นที่น่าสนใจลงทุน เพราะส่วนใหญ่หุ้นที่เคยพิสูจน์มาแล้วว่า "งบการเงิน" แข็งแกร่งเป็นเวลาหลายปีมักจะมีโอกาสเป็นหุ้นชั้นดี ที่เหลือก็แค่รอราคาปรับลงมาจนมี MOS มากพอก็เข้าซื้อ

นักลงทุนเน้นกราฟเทคนิค (หลายคนแต่ไม่ใช่ทุกคน) ใช้ข้อมูล "แนวโน้มราคาหุ้น" ในอดีตเพื่อกรองหุ้นที่น่าสนใจลงทุน เพราะส่วนใหญ่หุ้นที่เคยพิสูจน์มาแล้วว่า "แนวโน้มราคาหุ้น" แข็งแกร่งเป็นเวลาหลายปีมักจะมีโอกาสเป็นหุ้นชั้นดี ที่เหลือก็แค่รอราคาปรับลงมาจนมี MOS มากพอก็เข้าซื้อ

ทีนี้ หากคำกล่าวที่ว่า "ราคาหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงในระยะยาว" น่าเชื่อถือ ก็หมายความว่า ในอดีตที่ผ่านมานั้น เพราะว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในช่วงที่แล้วมามีผลดำเนินงานดีจึงปรากฏเป็นผลให้ราคาของหุ้นตัวนั้นปรับขึ้นตามมา (ในระยะยาว)

ซึ่งถ้าข้อสรุปเป็นเช่นนั้น การวิเคราะห์หุ้นจาก "งบการเงิน" หรือ "แนวโน้มราคาหุ้น" ก็น่าจะทำได้ผลทั้ง 2 ทาง ขึ้นกับว่าใครถนัดทางไหน

ป.ล. ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุที่ผมเข้ามาตั้งกระทู้นี้ในห้อง Technical Analysis แต่รู้สึกว่าจะถูกผู้ดูแล move เสียแล้ว ก็ไม่เป็นไรครับ

งั้นคงเข้าใจ VI ผิดแล้วมั้งครับ
จริงอยู่ที่ VI ดูผลประกอบการ กำไร ฯลฯ ต่างๆย้อนหลัง
แต่ไม่ได้ดู"ราคา"ย้อนหลังเป็นปัจจัยหลักเลย
VI เน้นดูศักยภาพ ความสามารถบริษัทในอนาคตเป็นสำคัญ
โดยมีข้อมูลในอดีตเป็นเพียงสิ่งประกอบ
ในขณะที่นักดูกราฟจะใช้ราคาในอดีตทำนายราคาในอนาคต
ต่างกันเยอะมากครับ

Tamจัง เขียน: VI เน้นดูศักยภาพ ความสามารถบริษัทในอนาคตเป็นสำคัญ
โดยมีข้อมูลในอดีตเป็นเพียงสิ่งประกอบ

ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว มิเป็นการคาดเดาอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นหรือครับ

Tamจัง เขียน:ในขณะที่นักดูกราฟจะใช้ราคาในอดีตทำนายราคาในอนาคต

ถ้ามองในมุมมองของความน่าจะเป็น เช่นราคาตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นโอกาสที่ราคาตลาดจะปรับเพิ่มขึ้นต่อไปอีกก็ยังเป็นไปได้อยู่
>>> ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ยังพอมีหลักในการอธิบายสิ่งที่จะเกิดได้ หรือเปล่าครับ

ราคาหุ้นจะ  สะ  ท้อนมูลค่าหุ้น  ในระ  ยะ  ยาว

อันนี้ผม  เห็นด้วยครับ

 แต่ก็มีคำ  ถาม  เสมอๆ  ว่า
 แล้วทำ   ไม  ไม่สะ  ท้อนมูลค่า  ในวันนี้  เสีย  เลย
 เพราะ  ตลาดหุ้นบ้าน  เราก็มีอายุ  ไม่น้อย  แล้ว

ราคาวันนี้ก็น่าจะ  สะ  ท้อนอดีตยาวๆ  ที่ผ่านมา  แล้ว   ไม่  ใช่หรือ

 เพราะ  วันนี้ก็คือ อนาคตระ  ยะ  ยาวๆ  ของอดีต  ได้  เช่นกัน

 เพราะ   เรื่องของ  เวลานั้น   เป็น  เรื่อง dynamics  ถ้า  เราคิด  แบบ static ตรรกกะ  นี้อาจจะ  ผิด  ไป ทั้งที
จริง  แล้ว ยังมีส่วนถูกอยู่  เยอะ  

ถ้าจะ   ให้สมบูรณืมากขึ้น
ผมคิดว่า ควร  เติมคำ  ว่าส่วน  ใหญ่  เข้า  ไป

เป็นว่า

 ในระ  ยะ  ยาวๆ   แล้ว[หรือ  แม้ระ  ยะ  สั้นๆ  ก็ตาม]หุ้น  โดยส่วน  ใหญ่นั้นจะ  มีราคา  เหมาะ  สมกับมูลค่าที่  แท้จริง    และ  จะ  มีบางส่วนที่มีราคา  ไม่  เหมาะ  สม     และ  ตัวที่  เคย  เหมาะ  สมก็สามารถ  เปลี่ยน  ไป  เป็น  ไม่  เหมาะ  สม  ได้  รวมทั้งตัวที่  เคย  ไม่  เหมาะ  สมก็  เปลี่ยน  ไป  เป็น  เหมาะ  สม  ได้  เช่นกัน

 และ   เมื่อ  ใช้ความ  เป็น dynamic
 เราสามารถยุบประ   โยคยาวๆ   เหลือ  แค่

ณ.  เวลา  ใดๆ  ก็ตาม  จะ  มีหุ้นที่ราคา  ไม่  เหมาะ  สมกับคุณค่าของหุ้นอยู่  เสมอ

vi ไม่คาดเดาอณาคตนะ แต่คาดการณ์อณาคต

[quote="แผ่วเบา"]เป็นว่า

ในระยะยาวก็ไม่ได้หมายความว่าราคาจะมีมูลค่าเท่ากับมูลค่าที่แท้จริงนะครับ

แต่ราคาจะปรับตัวเข้าหามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งถ้าเป็นบริษัทที่มีการเติบโตเรื่อยๆ มูลค่าที่แท้จริงก็จะวิ่งหนีราคาในตลาดเหมือนกัน

อาจจะไม่มีวันไล่ทัน หรืออาจจะแซงก็เป็นไปได้ ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในระยะสั้นครับ  :8)

Financial Engineer เขียน:นักลงทุนเน้นมูลค่า (หลายคนแต่ไม่ใช่ทุกคน) ใช้ข้อมูล "งบการเงิน" ในอดีตเพื่อกรองหุ้นที่น่าสนใจลงทุน เพราะส่วนใหญ่หุ้นที่เคยพิสูจน์มาแล้วว่า "งบการเงิน" แข็งแกร่งเป็นเวลาหลายปีมักจะมีโอกาสเป็นหุ้นชั้นดี ที่เหลือก็แค่รอราคาปรับลงมาจนมี MOS มากพอก็เข้าซื้อ

ถ้าการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก  การลงทุนโดยการเลือกบริษัทที่มีงบการเงินที่แข็งแกร่งเป็นเวลาหลายปี  ในราคาที่มี MOS  ไว้หลายๆบริษัท  ก็น่าจะทางเลือกที่ดี  หรือแม้แต่คิดจะมีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดัชนีตลาด

แต่ถ้าเราเลือกลงทุนเพียงไม่กี่บริษัท  ก็อาจจะพลาดได้  ถ้าเราไม่ได้มองถึงตัวธุรกิจ  ผู้บริหารเลย

ส่วนเรื่องราคาตลาดนั้น  ผมไม่ได้ให้ความสนใจว่าระยะยาวแล้วราคาจะขึ้นไปที่ราคาพื้นฐานหรือไม่  เพราะไม่รู้ว่าราคาพื้นฐานของคนอื่นอยู่ที่เท่าไร  หรือแต่ของตัวเอง

Likhit เขียน:vi ไม่คาดเดาอณาคตนะ แต่คาดการณ์อณาคต

หุ้นบางตัวขึ้นแรงๆ เรียกว่า หุ้นปั่น เดี๋ยวก็ถูกลากไปเชือดแล้วก็ปรับลงแรงๆ
พอมันไม่ลงแรงซักที แถมยังขึ้นแล้วขึ้นอีกไปเรื่อยๆ ก็บอกว่า กลต. กับ ตลท. มีไว้ทำไม ไม่เห็นทำอะไรเลย ไม่เห็นหรือว่ามีคนปั่นขึ้นอยู่

หุ้นอีกบางตัวขึ้นแรงๆ เรียกว่า สะท้อนมูลค่าหลังจากต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมานาน
พอมันขึ้นแล้วขึ้นอีกไปเรื่อยๆ บอกว่า สมเหตุสมผลแล้ว แถมราคายังควรจะขึ้นไปมากกว่านี้ได้อีกเยอะ

หุ้นบางตัวลงแรงๆ เรียกว่า หุ้นปั่นถูกทุบ สมเหตุสมผลแล้ว

หุ้นอีกบางตัวลงแรงๆ เรียกว่า ปรับฐานลงมาให้เป็นโอกาสซื้อ พื้นฐานยังดีเหมือนเดิม
พอมันลงแล้วลงอีก บอกว่า กลต. กับ ตลท. (หรือแม้แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเจ้าของ) มีไว้ทำไม ไม่เห็นทำอะไรเลย ไม่เห็นหรือว่ามีคน (โดยเฉพาะต่างชาติหรือขาใหญ่) ทุบหุ้นอยู่


นั่นก็เพราะ หุ้นบางตัวนั้นเราถืออยู่หรือสนใจอยู่
ส่วนหุ้นอีกบางตัวนั้นเราไม่ได้ถืออยู่หรือไม่ได้สนใจอยู่


หากพูดถึงหุ้นที่เราถืออยู่หรือสนใจอยู่ หรือผู้ที่เราเชื่อถือแนะนำ  เรียกว่า คาดการณ์
หากพูดถึงหุ้นที่เราไม่ได้ถืออยู่หรือไม่ได้สนใจอยู่ หรือเป็นหุ้นที่คนที่เราไม่รู้จักหรือนักลงทุนที่ใช้แนวทางอื่นที่เราไม่มีความรู้ในด้านนั้นๆ แนะนำ  เรียกว่า คาดเดา

[quote="chatchai"]ส่วนเรื่องราคาตลาดนั้น

หุ้นปั่นนั้นผมว่ามีบริษัทมีจำนวนหนึ่งที่เข้าข่ายชัดเจน

บางบริษัทอาจจะเป็นสีเทา  ราคาอาจจะผันผวน  มีนักเก็งกำไร  นักปั่นรายใหญ่เข้ามาสนใจ  แต่บริษัทก็ยังคงมีการดำเนินธุรกิจอยู่บ้าง

ส่วนหุ้นที่พื้นฐานดี  ราคาเคยถูก  ก็อาจจะโดนนักเก็งกำไรรายใหญ่ให้ความสนใจเป็นครั้งเป็นคราวได้เหมือนกัน  เรียกว่าเป็นหุ้นปั่นได้ในบางเวลา

[quote="chatchai"]หุ้นปั่นนั้นผมว่ามีบริษัทมีจำนวนหนึ่งที่เข้าข่ายชัดเจน

บางบริษัทอาจจะเป็นสีเทา

[quote="Financial Engineer"][quote="chatchai"]ส่วนเรื่องราคาตลาดนั้น

ที่พี่ ฉัตร พูดน่าคิดมากเพราะเท่าที่สังเกตุ หากYieldเพิ่มขึ้นจนน่าสนใจ
เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บ ราคาหุ้นก็มักจะปรับตัวขึ้นจนYieldลดลงไปแถวๆเดิมหรืออาจน้อยกว่าเดิมก็เป็นได้เพราะYieldนั้นCredit ภาษีก็ได้แถมยังแน่นอน


ส่วนหุ้น1ตัวนั้น เป็นหุ้นได้หลายประเภทมากทั้ง value เก็งกําไร ปั่น ในแต่ละช่วง ขึ้นอยู่กับผู้เล่นที่มีกําลังซื้อ ขาย มากพอชี้นํา ราคาหุ้น  ใช่ใหมครับ

[quote="chatchai"]ถ้าผลการดำเนินงานและเงินปันผลเพิ่มขึ้นได้อย่างมั่นคง

ผมเห็นด้วย 100%  ทีเดียวอย่างไม่ต้องโต้แย้งเลยครับ :lol:

ขอบคุณสำหรับคำตอบที่ดี ๆ และดูเรียบง่ายรวมทั้งยังเข้าใจง่ายของพี่ฉัตรชัย เห็นด้วยครับ :lol:

ยอดเยี่ยมครับ ทั้งคู่เลย