Thai VI

เพิ่งไปเปิด port มาไม่นาน ตังค์ก็ไม่ค่อยเยอะ
ยังไม่เริ่ม trade เลย
แค่จดๆจ้องๆ ดูแนวทางอยู่อ่ะครับ

แต่ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ดูไม่น่าไว้วางใจยังไงก็ไม่รู้

พี่ๆว่าควรจะเริ่มลงทุนตอนนี้เลยดีไหม
เพราะว่าตอนนี้ราคาก็ลงเยอะอยุ่
แต่ถ้าภาวะเศรษกิฐไม่ดี มันก็อาจจะยิ่งลงมากไปกว่านี้อีก

หรือว่าควรรอดูท่าทีอีกต่อไปดีครับ

ขอบคุณครับ

ผมว่า ลงทุนในหลายตัว ที่ราคาปัจจุบันนี้  น่าจะได้กำไรครับ  แต่ถ้าซื้อที่ราคาต่ำกว่านี้ได้  ก็ยิ่งกำไรมากขึ้น ครับ

ถ้ายังไม่มีหุ้น รอเป็น หนูตัวที่สอง ดีกว่าครับ
ลดโอกาสเป็น นักติดหุ้นระยะยาว ครับ

nam เขียน:ถ้ายังไม่มีหุ้น รอเป็น หนูตัวที่สอง ดีกว่าครับ
ลดโอกาสเป็น นักติดหุ้นระยะยาว ครับ

หนูตัวที่สองคืออะไรหรอครับ  :?:

ผมก็เริ่มเทรดช่วงนี้เหมือนกันครับ

หลังจากศึกษาหุ้นแต่ละตัวอยู่ 3 เดือนได้

ผมว่าช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อหุ้นที่เราคัดไว้แล้วในราคาที่ต่ำลงจากเดือนก่อนๆครับ  :lol:

ควรหรือไม่ควรผมว่าอยู่ที่ความพร้อมของตัวเรามากกว่าครับ

ต้องถามตัวเองว่าได้ศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนมาบ้างพอสมควรหรือยัง ถ้ายัง ต่อให้เป็นช่วงเศรษฐกิจดีก็อันตรายครับ เผลอๆยิ่งน่ากลัวหนักกว่าตอนนี้เสียอีก เพราะคุณมีโอกาสติดหุ้นราคาสูงๆได้ง่ายมากๆเลย

โดยหลักการของ VI นั้น เขาให้เน้นไปที่ตัวบริษัท อย่าไปพะวงกับสภาพเศรษฐกิจครับ จริงๆแล้วแม้ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ก็ยังมีหลายบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรดีๆอยู่มากมาย

ถ้าหากคุณได้ศึกษามาบ้างแล้ว ผมว่าช่วงเวลาที่หุ้นตกมากๆนี้แหละ เป็นช่วงที่เพอร์เฟคมากเลยที่จะได้ซื้อบริษัทที่คุณภาพดีๆ ราคาถูกๆ และถ้าเราเก็บเอาไว้นานพอ ก็จะสามารถทำกำไรได้มากเลยที่เดียวครับ

ดังนั้นคุณควรตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่า คุณ "พร้อม" หรือยัง

ellevoid เขียน:

หนูตัวที่สองคืออะไรหรอครับ

nam เขียน:ในทางลงทุนนั้น เราไม่รู้จุดราคาหุ้นต่ำสุด และจุดราคาสูงสุด ล่วงหน้า
แต่เมื่อผ่านจุดนั้นมาสักระยะ (5-10%) ทุกคนจะรู้แล้วว่าอะไรเกิดขึ้น
ดังนั้นนั้น ไม่ควรซื้อเป็นคนแรก และขายเป็นคนแรก

จริงหรือครับว่า  เมื่อผ่านจุดนั้นมาซักระยะ 5% - 10%  แล้วทุกคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

nam เขียน:กรณึตัวอย่าง
ไม่นานมานี้ มีหุ้นตัวหนึ่งราคาสูงสุดที่ 7.5 (โดยประมาณ)
เมื่อวานนี้ลดลงมาเหลือ

@nakin เขียน:แต่ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ดูไม่น่าไว้วางใจยังไงก็ไม่รู้

พี่ๆว่าควรจะเริ่มลงทุนตอนนี้เลยดีไหม
เพราะว่าตอนนี้ราคาก็ลงเยอะอยุ่
แต่ถ้าภาวะเศรษกิฐไม่ดี มันก็อาจจะยิ่งลงมากไปกว่านี้อีก

คนที่รอลงทุนตอนภาวะเศรษฐกิจดี ไม่มีข่าวร้าย เค้าเรียก "ชาวดอย" ครับ

[quote="กาละมัง"]ผมว่า ลงทุนในหลายตัว ที่ราคาปัจจุบันนี้

ขอเสริมพี่ฉัตรชัยครับ

nam เขียน:ในทางลงทุนนั้น เราไม่รู้จุดราคาหุ้นต่ำสุด และจุดราคาสูงสุด ล่วงหน้า
แต่เมื่อผ่านจุดนั้นมาสักระยะ (5-10%) ทุกคนจะรู้แล้วว่าอะไรเกิดขึ้น
ดังนั้นนั้น ไม่ควรซื้อเป็นคนแรก และขายเป็นคนแรก

ถ้าทุกคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจะมีการจับคู่ซื้อขายกันได้ยังไงครับ เพราะทุกคนอยากขายเหมือนกันหมด หรือไม่ก็อยากซื้อเหมือนกันหมด?

nam เขียน:กรณึตัวอย่าง
ไม่นานมานี้ มีหุ้นตัวหนึ่งราคาสูงสุดที่ 7.5 (โดยประมาณ)
เมื่อวานนี้ลดลงมาเหลือ

ผมเห็นด้วยกับคุณ Chatchai และ คุณ Financial  Engineer
ไม่เห็นด้วยกับคุณ Nam  ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆเลยคือ NNCL
ใช้เวลา 1 ปี ลงจาก 4 บาทมาที่ 1.8 บาท จากนั้นวกไปยืนอยู่เหนือ 2 บาท
เป็นเวลานาน  ถ้าตามทฤษฎีของคุณ Nam ก็คงแปลความหมายว่าราคา
1.8 บาทเป็นจุดต่ำสุดแล้ว  เมี่อขึ้นไป 10% คือ 2 บาทก็ควรซื้อได้แล้ว
(เพราะราคายืนเหนือ 2 บาทนานร่วม 3 เดือนและราคานี้มี MOS พอสมควร)
แต่ปัจจุบันนี้ราคา NNCL มาอยู่ที่ 1.5 บาท ลงจาก 2 บาทร่วม 25% แสดงว่า
เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะรู้ราคาต่ำสุด ไม่ว่าคุณจะเป็นหนูตัวที่ หนึ่งหรือสอง
หรือตัวที่ สิบก็ตาม มีสิทธิ์เป็น  "นักติดหุ้นระยะยาวทั้งนั้น "

ถ้าจะรอทุกอย่างแจ่มใส เศรษฐกิจดีราคาหุ้นก็ไม่อยู่ตรงนี้หรอกครับ หาบริษัทดีๆ ราคาถูกๆ น่าลงทุน ซึ่งบริษัทแบบนี้มีอยู่ตลอดเวลา อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นรึเปล่า ในภาวะตลาดดีก็หายากหน่อย แต่ในภาวะตลาดแย่ๆ ละก็มีเยอะๆ ให้เลือกซื้อ

ผมคิดว่า นอกจากจะเลือกลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานดี มีคุณภาพแล้ว จังหวะการลงทุนก็เป็นเรื่องที่มิควรมองข้าม
ผมก็อ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนเจอเรื่องหนูตัวที่สอง ในหนังสือตามที่ผมได้อ้างอิงไว้แต่แรก  ซึ่งมิใช่ทฤษฎีของผมครับ แต่การตีความและยกตัวอย่างเป็นของผมครับ ผิดพลาดไม่เหมาะสมอย่างไรขอรับแต่เพียงผู้เดียวครับ  ผมลองใช้ดูเห็นมีประโยชน์ จึงบอกเพื่อน เผื่อจะศึกษาต่อกัน ในภาวะที่ใต้หน้าผา ยังมีหุบเหว
พอผม post ไป จึงนึกได้ว่าผมพลาดไปแล้ว ลบข้อความก็ไม่ได้แล้ว ผมไม่ควรคุยเรื่องวิธีตกปลาในร้านอาหารมังสวิรัติ ซ้ำร้ายวิธีตกปลานั้น ยังใช้ได้ผลใน บางบ่อ บางเวลา และปลาบางประเภทด้วย ธรรมชาติของเครื่องมือหรือวิธีการ จำเป็นต้องมีการปรับแต่งให้มีความไว ความจำเพาะ เลือกใช้ให้ถูกกาลเทศะ  จึงจะเพิ่มโอกาสชนะได้ระดับหนึ่ง โอกาส มิได้หมายถึง  แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์.. ครับ
เพื่อนๆครับ ผมขออนุญาตต้อน เหล่าหนูๆที่ผม post ไว้ กลับบ้านนะครับ
อย่าถามถึงหนูเหล่านั้นอีก ผมจะเก็บไว้เชยชม.ศึกษาเป็นการส่วนตัวครับ

ชื่นชมทั้งสองความคิดเห็น ซึ่งมองต่างกัน โดยเฉพาะการยกตัวอย่างหุ้นในตลาดมาแสดง ขอบคุณ คุณNAMที่ยกทฤษฎี หนูตัวที่สอง ให้ผมได้รับรู้ ขอบคุณพี่ฉัตรชัย และ Financial Engineer ที่แสดงความคิดเห็นมาครับ

น้อง Nakin ครับ

มี comment ดีจากพี่ๆทั้งนั้นนะครับ

ดูความพร้อมของตัวเองก่อนว่าเป็นยังไง เช่น

- จะยึดอาชีพเป็นหลักหรือเปล่า  ถ้าใช่จะต้องทำใจ เรื่อง เงินมาง่ายไปเร็ว ความเสี่ยงอยู่ที่ปัจจัยภายนอกส่วนใหญ่  
ส่วนปัจจัยภายในมีความเสี่ยงอยู่ที่ตัวเรา ความรู้ ความคิด และการต้ดสินใจ

- ถ้าไม่ใช่อาชีพหลัก อันนี้ดีหน่อยไม่กดดัน ค่อยๆดู ข้อมูลอุตสาหกรรมแล้วเลือกหุ้น แล้ว ดูจังหวะลงทุน

เลือกอุตสาหกรรมที่อนาคตนะครับ อันต้องอ่านหนังสือเยอะๆ มีเคล็ดลับนิดหน่อย อุตสาหกรรมประเทศนี้เป็นผู้ตามเค้านะส่วนใหญ่  ไปหาให้เจอะว่าเราตามใครอยู่ มันจะมีรูปแบบคล้ายกัน เช่น ไอทีเป็นผู้ตามใคร อเมริกาหรือ อินเดีย จะได้เห็น cycle ของธุรกิจ

เลือกหุ้นอันนี้ยากพอควรนะ พี่เองก็เลือกผิดหลายครั้ง ควรดู ผู้บริหาร, แนวโน้มความเจริญเติบโต และ สภาพคล่องนะครับ ลืมไปหุ้นใหญ่ กับหุ้นเล็กมันเคลื่อนต่างกันเยอะนะ

เลือกจังหวะเข้ามีให้เลือกได้ 2 อย่าง
- เลือกตรงที่คิดว่าต่ำที่สุดอาจจะต้องใช้กราฟช่วย หรือดูที่สภาพคล่องน้อยลงอย่างมาก จังหวะนี้มีบาคนก็ได้เยอะมาก และ บางคนซื้อไปแล้วนานมากแล้วไปมา จนเบื่อ แล้วมอบตัว หิหิ เจอมาเอง นะ ห้นมอเตอร์ไซด์ ซื้อไว้นานมากจนทุกวันนี้ไม่ไปไหนเลย
- เลือกตอนมันกำลังจะไปต้องใช้กราฟอย่างยิ่ง มันตรงที่ว่าไม่รอ แต่เสียตรงที่ซื้อแพงหน่อย และบางทีเค้าทำกราฟหลอก จริงๆแล้วก็ไม่ไป


คำเตือนนะครับ

ไม่ว่ายังเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่ต้องรักษาไว้ให้ได้  คือ  เงินต้น

มีคนบอกไว้ว่า ช่วงขาลงใครมองขาดและกล้าที่ลงทุน  คนนั้นจะได้เงินมากที่สุด  เค้าว่านะ  ผิด ถูกคิดเอาเอง ครับ

วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ผมรู้สึกอยากซื้อมากที่สุดในรอบสามปีครับ
ตั้งแต่หลายวันที่ผ่านมามีแต่ข่าวร้ายๆ ยังไม่มีท่าทีจะมีข่าวดีเลย
ส่วนตัวก็จะเน้น VI อยู่แล้วครับ แต่ถ้าจะกำไรมากขึ้นก็ยิ่งดี
เสียดายยังไม่มีทุนเพิ่ม

ผมว่าภาวะเศรษฐกิจไม่เกี่ยวกับการลงทุนนะครับ
โดยเฉพาะแบบเน้นคุณค่า

ส่วนตัวผมว่าถ้าราคาต่ำกว่าที่เราประเมินมูลค่า

และมี MOS ในระดับที่ผมพอใจ

SET กลับไปอยู่ที่ 1700 ผมก็จะซื้อ

 :roll:  :roll: