หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 9:48 am
โดย สวนหย่อม
ก่อนอื่นขอบคุณท่านอ.ทั้ง 6 ท่านก่อนนะครับที่ได้สละเวลา
มาให้ความรู้ ได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยครับ
แต่เข้าใจว่าเวลามีจำกัดทำให้พี่ๆ แต่ละท่านได้พูดคนละนิดคนละหน่ยอ
(ยกเว้น อ. เสน่ห์ อิอิ)  เลยอยากตั้งกระทู้นี้ขึ้นเพื่อใครมีคำถามหรือ
มาพูดคุยกันเพิ่มเติมน่ะครับ

ส่วนตัวผมมีคำถามเพิ่มเติม 2 ข้อดังนี้ครับ
1. ก่อนสัมมนามีพี่ๆ หลายคนอยากถามว่าทำไมพี่ฉัตร
ถึงกรองเจอ wg แต่พี่ฉัตรบอกให้รอสัมนา แต่เมื่อวานเวลาน้อย
จึงไม่ได้เล่าละเอียด

พี่ๆ อ. ทั้ง 6 ท่านเห็นค่อนข้างตรงกันว่าให้เลือกหุ้นเหมือนเลือก
คู่แต่งงาน คือต้องเข้าใจดีจริงๆ แต่พี่ฉัตรชัยเคยกล่าวไว้ในหน้าแรกของ
wg (ปี 2004) ว่า
ก่อนไปประชุมผมก็มั่นใจ WG ในแง่งบการเงินครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารมากนัก

แต่พอไปประชุมผู้ถือหุ้นปีนี้แล้ว มั่นใจขึ้นมากครับว่าผู้บริหารคงจะสามารถนำพาบริษัทไปได้ด้วยดีครับ
- ผมจึงอยากให้พี่ฉัตรเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมถึงตอนตัดสินใจแต่งกับ
wg น่ะครับ ว่ามีจุดเด่นอะไรที่หุ้นตัวอื่นไม่มี และทำให้พี่ถือมันมาตลอด

- นอกจากนี้ในตอนนั้นพี่เข้าใจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีดีแค่ไหนครับ?
คือจากคำพูดด้านบน ผมเข้าใจว่าพี่เข้าใจ cash flow ของ wg
อย่างละเอียดแต่ยังไม่แน่ใจเรื่องอุตสากรรมมากนัก??

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 9:55 am
โดย สวนหย่อม
2. พี่วิบูลย์เล่าว่าได้เข้าซื้อหุ้นตอน set index
ลดจาก 1400 --> 700 ซึ่งพี่ได้ถามว่า
ถ้าของลดราคา 50% เราต้องซื้อจริงไหม?
(นับว่าช่วงนั้น หนักกว่าช่วงปัจจุบันนี้ จึงน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง)

แต่กระนั้น set index ก็ยังไปต่อ จาก 700 --> 200 กว่าๆ
เป็นบทเรียนล้ำค่า

คำถามผมคือ ในตอนที่ 1400-->700 นั้น volume การซื้อขาย
เป็นอย่างไรบ้างครับ? มันเบาบางกว่าช่วง 1000 กว่าๆ ขนาดไหน?
หรือยังคึกคักเหมือนปกติ?

ผมเข้าใจว่าพี่ท่านอื่นๆ เช่น พี่พอใจก็รอจังหวะเข้าซื้อในตอนที่
ปริมาณการซื้อขายมันเบาบางอยู่เช่นกัน และในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ก็เป็นวันแรกที่ปริมาณมันต่ำกว่า 10,000 ล้าน (แต่ไม่รู้เกี่ยวกับ
ID4 หรือเปล่า) ถ้ามันต่ำกว่า 10,000 ล้านไปอีกซักอาทิตย์ สองอาทิตย์
มันจะบอกอะไรเราได้หรือไม่ ว่ามันไม่น่าจะลงไปต่ำกว่านี้แล้ว?

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 12:15 pm
โดย เด็กใหม่ไฟแรง
ปกติ อ.ไพบูลย์ พยายามหลีกเลี่ยงการถามถึงหุ้นครับ
..ผมเข้าใจว่าเรื่อง WG เลยไม่ถามลึก..
เพราะคนฟังบางส่วน..อาจจะเป็นส่วนใหญ่..ไม่พร้อม ไม่เหมือนใน Web เรา
หากเอ่ยชื่อหุ้น ก็จะพากันไปซื้อทันที โดยไม่ดูอะไรเลย
ส่วนเรื่องเวลาพูด
เท่าที่ผมติดตามมา เมือวานนี้ได้เนื้อหามากที่สุดเลยครับ
ความจริงทีมงายอยากทำเรื่องเดียวเลย จะได้มีเวลาเต็มๆ 3-4 ชม.
แต่ทำไม่ได้เพระต้องมีหัวข้อที่มี Sponsor ด้วยครับ
อีกอย่าง ตลาดหลักทรัพย์จะมีหัวเรื่องที่มาร่วมรายการที่เราปฏิเสธไม่ได้ครับ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 2:01 pm
โดย Bport
ผมว่าอย่างนี้ คุณ สวนหย่อม

ต้องนัด อ. chatchai

ออกไปเลี้ยงข้าวซะแล้ว

ปล. อย่าลืมตามผมไปดว้ยนะครับ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 3:00 pm
โดย drypoint
รบกวนถามเพิ่มเติมครับ   คุณวันฉัตรมีวิธียังไงให้เราไม่เกิดความรู้สึกผูกพันกับหุ้นมากเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่มการถือหุ้นตัวเดียวแถมหุ้นตัวนั้นยังให้ผลตอบแทนมหาศาล

ผมยกตัวอย่างเช่นวันหนึ่งเกิดWGเกิดดำเนินการผิดพลาด หรือกำไรตกต่ำ
ทำนยังไงให้เราเป็นกลางไม่เอาใจช่วยบริษัทมากเกิน หรือคิดว่าการผิดพลาดครั้งนี้เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้เสียหายมากในกรณีที่บริษัทอาจไม่กลับมาบริหารได้ดีเหมือนเดิม

Re: เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 8:11 pm
โดย chatchai
สวนหย่อม เขียน:- ผมจึงอยากให้พี่ฉัตรเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมถึงตอนตัดสินใจแต่งกับ
wg น่ะครับ ว่ามีจุดเด่นอะไรที่หุ้นตัวอื่นไม่มี และทำให้พี่ถือมันมาตลอด

- นอกจากนี้ในตอนนั้นพี่เข้าใจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีดีแค่ไหนครับ?
คือจากคำพูดด้านบน ผมเข้าใจว่าพี่เข้าใจ cash flow ของ wg
อย่างละเอียดแต่ยังไม่แน่ใจเรื่องอุตสากรรมมากนัก??
จุดเด่นที่ผมเห็นในตอนนั้นก็คือ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 8:17 pm
โดย chatchai
เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:ปกติ อ.ไพบูลย์ พยายามหลีกเลี่ยงการถามถึงหุ้นครับ
..ผมเข้าใจว่าเรื่อง WG เลยไม่ถามลึก..
เพราะคนฟังบางส่วน..อาจจะเป็นส่วนใหญ่..ไม่พร้อม ไม่เหมือนใน Web เรา
หากเอ่ยชื่อหุ้น ก็จะพากันไปซื้อทันที โดยไม่ดูอะไรเลย
พอผมออกจากห้อง  ก็มีคนฟังหลายท่านพยายามจะซักชื่อหุ้น   :\/:

แน่นอนว่าด้วยข้อจำกัดด้านเวลา  และประเภทของผู้ฟัง  ผมว่าเพียงแต่จุดประกายความคิดเรื่องการลงทุนที่ถูกต้อง  แล้วให้คนที่สนใจจริงๆเข้ามาศึกษารายละเอียดในเวบของเราก็จะเหมาะสมที่สุดครับ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 8:18 pm
โดย chatchai
Bport เขียน:ผมว่าอย่างนี้ คุณ สวนหย่อม

ต้องนัด อ. chatchai

ออกไปเลี้ยงข้าวซะแล้ว

ปล. อย่าลืมตามผมไปดว้ยนะครับ
อย่าเรียกผมเป็นอาจารย์อะไรเลยครับ  ใบ้หวยก็ไม่เป็น  ใบ้หุ้นก็ไม่ถูก

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 8:22 pm
โดย chatchai
[quote="drypoint"]รบกวนถามเพิ่มเติมครับ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 8:23 pm
โดย chatchai
สวนหย่อม เขียน:2. พี่วิบูลย์เล่าว่าได้เข้าซื้อหุ้นตอน set index
ลดจาก 1400 --> 700 ซึ่งพี่ได้ถามว่า
ถ้าของลดราคา 50% เราต้องซื้อจริงไหม?
(นับว่าช่วงนั้น หนักกว่าช่วงปัจจุบันนี้ จึงน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง)

แต่กระนั้น set index ก็ยังไปต่อ จาก 700 --> 200 กว่าๆ
เป็นบทเรียนล้ำค่า

คำถามผมคือ ในตอนที่ 1400-->700 นั้น volume การซื้อขาย
เป็นอย่างไรบ้างครับ? มันเบาบางกว่าช่วง 1000 กว่าๆ ขนาดไหน?
หรือยังคึกคักเหมือนปกติ?

ผมเข้าใจว่าพี่ท่านอื่นๆ เช่น พี่พอใจก็รอจังหวะเข้าซื้อในตอนที่
ปริมาณการซื้อขายมันเบาบางอยู่เช่นกัน และในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ก็เป็นวันแรกที่ปริมาณมันต่ำกว่า 10,000 ล้าน (แต่ไม่รู้เกี่ยวกับ
ID4 หรือเปล่า) ถ้ามันต่ำกว่า 10,000 ล้านไปอีกซักอาทิตย์ สองอาทิตย์
มันจะบอกอะไรเราได้หรือไม่ ว่ามันไม่น่าจะลงไปต่ำกว่านี้แล้ว?
ช่วงวิกฤต  ผมจำได้ว่าบางวันมูลค่าการซื้อขายทั้งวันไม่ถึงพันล้านเลยนะครับ  ดังนั้นคงตอบยากว่ามูลค่าแค่ไหนถึงเรียกว่าต่ำ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 8:29 pm
โดย BHT
คำว่า กระแสเงินสดอิสระค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้น

นี่ดูจากยังงัยบ้างครับ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 06, 2008 11:36 pm
โดย Ing2004
เนื่องจากมีการสอบถามแขกรับเชิญพบว่าทั้งสี่ท่านจบ วิศวะ และ MBA แต่ในการสัมนาไม่ได้กล่าวว่าจะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ ไม่จำเป็นต้องจบวิศวะเท่านั้น (อันนี้ไม่ได้ตำหนินะครับ) คนฟังข้างผมพูดขึ้นมาว่า พวกวิศวะมันเก่ง เกรงว่าผู้ฟังบางท่านอาจคิดไปว่า ตัวเองคงไม่สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้ เนื่องจากพวกวิศวะเก่งกว่าตน ( ผมยืนยันว่าเก่งเฉพาะบางท่านเพราะผมก็จบ วิศวะ และ MBA แต่ไม่เก่ง)

งานสัมนาดีมากครับได้ทั้งสาระและความสนุกสนาน

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 8:34 am
โดย auspicja
กระแสเงินสดอิสระ(free cash flow) แล้วนำมาเข้า model หา discount rate เพื่อนำมาหาราคาหุ้นที่เหมาะสมครับ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 9:14 am
โดย ส.สลึง
Ing2004 เขียน:...คนฟังข้างผมพูดขึ้นมาว่า พวกวิศวะมันเก่ง...
ความจริงก็คือสาขาอาชีพวิศวกรเป็นอาชีพที่ถูกฝึกฝนมาบนพื้นฐานของหลักการ และเหตุผล
และเพราะสาขาที่เรียนเป็นวิทยาศาสตร์เชิงประยุกต์ จึงหลีกเลี่ยงไม่พ้นการรู้จักวิเคราะห์ (อย่างเป็นระบบ)
มากกว่าการใช้ความรู้สึกนะครับ (ผมว่า :roll: ...) แต่ก็ใช่ว่าจะเฉพาะแต่วิศวกรนะครับ อาชีพอื่นก็มีน่ะนะ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 12:35 pm
โดย siebelize
ส.สลึง เขียน:ความจริงก็คือสาขาอาชีพวิศวกรเป็นอาชีพที่ถูกฝึกฝนมาบนพื้นฐานของหลักการ และเหตุผล
และเพราะสาขาที่เรียนเป็นวิทยาศาสตร์เชิงประยุกต์ จึงหลีกเลี่ยงไม่พ้นการรู้จักวิเคราะห์ (อย่างเป็นระบบ)
มากกว่าการใช้ความรู้สึกนะครับ (ผมว่า :roll: ...) แต่ก็ใช่ว่าจะเฉพาะแต่วิศวกรนะครับ อาชีพอื่นก็มีน่ะนะ
ปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่ หลายๆคนไม่ได้พูดถึงความเชื่อที่ว่าทำไมพวกวิศวะมันเก่ง ก็คือ
ค่านิยมในช่วงที่ผ่านมาคือ คณะวิศวะ เป็น default คณะที่ถูกเลือกต้นๆ ของเด็กหัวดีนะครับ (เหมือนกับหมอ)
ซึ่งนั่นก็คือการคัดเลือกคุณภาพของเด็กไปด้วยแ้ล้วขั้นตอนหนึ่ง

แต่กลายเป็นว่า พอเรียนจบมาทำงานแล้ว ถึงจะรู้ว่าตัวเองอยากไปทำงานสายอื่น เช่น สายการเงิน บริหาร มากกว่า ถึงได้ย้ายสายกันออกไปเป็นว่าเล่น

การจะสอนเด็กให้เก่งได้ วิธีการสอนดีไม่พอครับ ถ้าวัตถุดิบดีด้วยแล้ว ไปโลดครับ  :D

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 1:30 pm
โดย VIB007
สวนหย่อม เขียน:2. พี่วิบูลย์เล่าว่าได้เข้าซื้อหุ้นตอน set index
ลดจาก 1400 --> 700 ซึ่งพี่ได้ถามว่า
ถ้าของลดราคา 50% เราต้องซื้อจริงไหม?
(นับว่าช่วงนั้น หนักกว่าช่วงปัจจุบันนี้ จึงน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง)

แต่กระนั้น set index ก็ยังไปต่อ จาก 700 --> 200 กว่าๆ
เป็นบทเรียนล้ำค่า

คำถามผมคือ ในตอนที่ 1400-->700 นั้น volume การซื้อขาย
เป็นอย่างไรบ้างครับ? มันเบาบางกว่าช่วง 1000 กว่าๆ ขนาดไหน?
หรือยังคึกคักเหมือนปกติ?

ผมเข้าใจว่าพี่ท่านอื่นๆ เช่น พี่พอใจก็รอจังหวะเข้าซื้อในตอนที่
ปริมาณการซื้อขายมันเบาบางอยู่เช่นกัน และในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ก็เป็นวันแรกที่ปริมาณมันต่ำกว่า 10,000 ล้าน (แต่ไม่รู้เกี่ยวกับ
ID4 หรือเปล่า) ถ้ามันต่ำกว่า 10,000 ล้านไปอีกซักอาทิตย์ สองอาทิตย์
มันจะบอกอะไรเราได้หรือไม่ ว่ามันไม่น่าจะลงไปต่ำกว่านี้แล้ว?
ช่วงนั้นผมต้องบอกว่าผมเป็นแมงเม่าบริสุทธิ์ 100%
เพราะไม่ได้ดูอะไรเลย
ยกเว้น"ราคาหุ้น"ที่ตัวเองซื้อเท่านั้นเอง
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวอลุ่มมันเท่าไหร่ต่อวันเพราะไม่สนใจ
ไม่รู้ว่าราคาที่เหมาะสมมันอยู่ที่ไหน
ไม่ต้องมาถามเรื่องพีอี พีบี ผมไม่รู้จัก
นับว่าสมควรแล้วที่ต้อง....โดน

เล่าไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจทั้งรุ่นหลังและตนเอง

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 1:34 pm
โดย VIB007
Ing2004 เขียน:เนื่องจากมีการสอบถามแขกรับเชิญพบว่าทั้งสี่ท่านจบ วิศวะ และ MBA แต่ในการสัมนาไม่ได้กล่าวว่าจะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ ไม่จำเป็นต้องจบวิศวะเท่านั้น (อันนี้ไม่ได้ตำหนินะครับ) คนฟังข้างผมพูดขึ้นมาว่า พวกวิศวะมันเก่ง เกรงว่าผู้ฟังบางท่านอาจคิดไปว่า ตัวเองคงไม่สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้ เนื่องจากพวกวิศวะเก่งกว่าตน ( ผมยืนยันว่าเก่งเฉพาะบางท่านเพราะผมก็จบ วิศวะ และ MBA แต่ไม่เก่ง)

งานสัมนาดีมากครับได้ทั้งสาระและความสนุกสนาน
Warren Buffet, Bengamin Graham,
Peter Lynch, Bill Miller, Charlie Munger
ไม่มีใครที่กล่าวมาจบวิศวสักคนนะครับ
เพราะฉะนั้นอย่าไปสนใจเลยว่าใครจะเรียนอะไรมา
สนใจว่าเราเข้าใจวิธีการลงทุนแบบนี้หรือเปล่ามากกว่า

ส่วนเรื่องทั้งสามสี่คนบนเวทีจบวิศวมานั้น
ผมว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 2:42 pm
โดย หมีบึงกุ่ม
เรียนถามพี่ๆ (ทราบอายุหมดแล้วรู้ว่าแก่กว่าผม) ทุกท่าน พ่วงตามคุณสวนหย่อมไปอีก

ผมก็ไปนั่งฟังมาด้วยครับจดประโยคที่คิดว่าสำคัญคือ

"มองการทำธุรกิจเหมือนทำสงครามว่าเขาหากินกันยังไง เลือกบริษัทผู้ชนะที่เมื่อชนะสงครามแล้วไปผลประโยชน์คุ้มค่าไม่ใช่แค่ทรงๆ  ติดตามข่าวบริษัทและสงครามเหมือนวัยรุ่นตามดาราที่ชื่นชอบ  และจะชมชอบติดตามได้ต้องเข้าใจมัน"

อยากเรียนถาม

1. เรื่องหนังสือครับว่าเล่มไหนบ้างที่พี่ๆ คิดว่าเป็นสุดยอด กลั่นกรองแล้วว่าดีให้ไปศึกษาและเจริญรอยตามได้ครับ (ไทยและ/หรืออังกฤษก็ได้ครับ)

2. แหล่งข้อมูลที่จะไปค้นคว้ามีอะไรบ้าง  หากพี่ๆ จะเริ่มศึกษาบริษัทที่ยังไม่เคยศึกษามาก่อนเลย (ภาคปฏิบัติจริง)

3. มีอะไรอย่างอื่นอีกที่เตรียมไปแต่ไม่มีโอกาสได้พูดไหมครับ (เห็นพี่มนยกไมค์เหมือนจะพูดอะไรทีนึงแล้วอาจารย์ไพบูลย์หันไปถามอาจารย์นิเวศน์เสียก่อนพี่เลยไม่พูด)

สุดท้ายนี้อยากเป็นกำลังใจให้อาจารย์เสน่ห์ครับ  ฮาและมีสาระดีครับคราวนี้ท่านยิ่งทำให้ผมเชื่อมั่นว่าทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดและควรพัฒนาให้มีศักยภาพยิ่งๆ ขึ้นไปคือตัวเราเอง

ขอบคุณครับ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 5:23 pm
โดย VIB007
[quote="หมีบึงกุ่ม"]เรียนถามพี่ๆ (ทราบอายุหมดแล้วรู้ว่าแก่กว่าผม) ทุกท่าน พ่วงตามคุณสวนหย่อมไปอีก

ผมก็ไปนั่งฟังมาด้วยครับจดประโยคที่คิดว่าสำคัญคือ

"มองการทำธุรกิจเหมือนทำสงครามว่าเขาหากินกันยังไง เลือกบริษัทผู้ชนะที่เมื่อชนะสงครามแล้วไปผลประโยชน์คุ้มค่าไม่ใช่แค่ทรงๆ

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 8:26 pm
โดย หมีบึงกุ่ม
[quote="VIB007"][quote="หมีบึงกุ่ม"]"มองการทำธุรกิจเหมือนทำสงครามว่าเขาหากินกันยังไง เลือกบริษัทผู้ชนะที่เมื่อชนะสงครามแล้วไปผลประโยชน์คุ้มค่าไม่ใช่แค่ทรงๆ

Re: เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 08, 2008 2:19 pm
โดย สวนหย่อม
ส่วนตัวผมเองชอบอ.เสน่ห์พูดครับ และขอเป็นกำลังใจให้หน่อย
ถ้ามีคนมาต่อว่าท่านจริง (ผมไม่ทราบเรื่อง)

ขอบคุณพี่วิบูลย์ กับพี่ฉัตรชัยมากครับที่กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ผมอยากถามพี่ฉัตรชัยเพิ่มนิดหน่อยดังนี้ครับ
chatchai เขียน:
1. พี่ฉัตรช่วยอธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อยได้ไหมครับ ว่าความยุ่งยากนั้นคืออะไร
และ WG มีอะไรจุดเด่นอะไรที่คู่แข่งไม่มีบ้าง ?
(ถ้าเนื้อหาส่วนนี้ไปซ้ำกับหน้า WG ต้องขออภัยจริงๆ ครับ
ผมหาไม่เจอ)

2. ผมเคยพบว่าพี่ฉัตรเคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าไม่ลงทุนใน WG ก็ไม่รู้จะลงทุนในหุ้นตัวไหน เพราะยังไม่มีตัวไหนเลยที่ถูกใจ"

ผมเข้าใจว่าคงเป็นเพราะเรื่องกระแสเงินสดที่โดดเด่นของ WG
แต่ผมอยากรู้ครับว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในแง่ของกระแสเงินสด
พี่ฉัตรไม่พบบริษัทไหนที่มีจุดเด่นด้านเงินสดคล้าย ๆ WG เลยเหรอครับ
(ถ้ามี พี่ไม่ต้องบอกผมก็ได้นะครับว่าบริษัีทอะไร แค่อยากรู้เฉยๆ น่ะครับ
ว่าในความคิดพี่ WG นั้นเด่นที่สุดในตลาดหลักทรัพย์เรื่องเงินสดงั้นเชียวหรือ แต่ผมเข้าใจว่า
น่าจะเป็นเพราะราคาหุ้นของ WG ที่ไม่แพงมากจนเกินไปด้วยจึงทำให้พี่
ตัดสินใจลงทุนในบริษัทนี้)

Re: เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 08, 2008 6:08 pm
โดย chatchai
[quote="สวนหย่อม"]ผมอยากถามพี่ฉัตรชัยเพิ่มนิดหน่อยดังนี้ครับ
[quote="chatchai"]- รวมทั้งเริ่มเข้าใจถึงความยุ่งยากของลูกค้าที่จะเปลี่ยนชนิดของเคมีภัณฑ์ไปซื้อกับบริษัทอื่น

เรียนถามเพิ่มจากสัมนาเมื่อวานครับ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตร พี่มน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 08, 2008 10:09 pm
โดย สวนหย่อม
ขอบคุณมากครับพี่ฉัตร