Thai VI

ผมเริ่มรู้จักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าจากหนังสือตีแตกของ ดร.นิเวศ ครับ
อ่านแล้วติดใจ และก็ตามหาบทความของหลายๆท่านในแนวทางนี้
อ่านอยู่เรื่อยๆ

บทความมักจะกล่าวถึงการซื้อ เช่นพิจารณาอย่างไรจึงจะรู้ว่าหุ้นตัวใด
มี "คุณค่า" น่าซื้อสมราคา แต่กับเรื่องการขายกลับไม่ค่อยชัดนักว่า
เมื่อมีหุ้นอยู่ในมือ หุ้นตัวไหน ในเงื่อนไขใด จึงสมควรขาย

หรือว่านักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะรอรับเงินปันผลอย่างเดียว? แต่ผมก็เห็นหลายบริษัทในตลาดหุ้นที่ไม่จ่ายปันผลนี่นา

ขอคำแนะนำด้วยครับ

Buffett Sells. Should You?

Warren Buffett is clearly not finding many opportunities to invest the U.S. stock market today. Despite the fact that he has $27 billion of cash sitting idle, concerns about valuation are driving him to sell some stocks and increase that pile of cash. In doing so, he is sending a strong, clear message not only about the specific stocks he is selling, but also about the U.S. equity market in general. Individual investors should be listening closely



http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 0304sh.htm

Since its last report listing equity positions held on Sept. 31, 2003, Berkshire has sold all of its holdings in four companies: Duke Energy (NYSE: DUK), Dun & Bradstreet (NYSE: DNB), Great Lakes Chemical (NYSE: GLK), and Level 3 Communications (Nasdaq: LVLT).

Investors who hold long positions in these companies today are essentially betting against Buffett -- a rather bold gamble. At a minimum, these investors should have sound analysis and logic to support holding on to their long positions in these stocks. There is no doubt that Buffett and his team did their homework before unwinding their positions.

In addition, Berkshire has reduced its positions in another eight companies: Automatic Data Processing (NYSE: ADP), Dover (NYSE: DOV), Gannett (NYSE: GCI), Gap (NYSE: GPS), H&R Block (NYSE: HRB), HCA (NYSE: HCA), Mueller Industries (NYSE: MLI), and Zenith National Insurance (NYSE: ZNT).

สำหรับผมนะครับ
1. ขายเมื่อพื้นฐานของบริษัท เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงอย่างที่ไม่อาจผลิกฟื้นได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม
2. ขายเมื่อมีหุ้นบริษัทอื่นที่น่าสนใจมากกว่ามากๆ จนสามารถเสี่ยงในการเปลี่ยนตัวถือได้ (ในกรณีที่เรามีเงินจำกัดนะครับ เช่นผมเอง :lol: )
3. วิเคราะห์ผิด

ขอเสริมคุณpae2020 อีกข้อครับ
4.ขายเมื่อราคาหุ้นของเราวิ่งขึ้นไปสูงเกินความเป็นจริง

บัฟเฟตขาย...แล้วท่านล่ะ

วอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้มองหาโอกาสการลงทุนในหุ้นอเมริกาแล้ว บัฟเฟตมีเงินสด 27 ล้านเหรียญ รออยู่นิ่งๆ ความกังวลเรื่องการประเมินมูลค่าได้ทำให้เขาขายหุ้นออกมาและถือเงินสดเป็นตั้งๆเช่นนี้ ไม่เฉพาะหุ้นที่บัฟเฟตขาย แต่รวมถึงหุ้นทั้งตลาด การขายของบัฟเฟตได้ส่งสัญญาณออกมาแล้ว นักลงทุนโปรดติดตาม

หุ้นที่เบิร์กไชร์ขายเกลี้ยง

Duke Energy (NYSE: DUK),
Dun & Bradstreet (NYSE: DNB),
Great Lakes Chemical (NYSE: GLK)
Level 3 Communications (Nasdaq: LVLT).

ใครถือหุ้นพวกนั้นอยู่ก็ต้องวัดดวงเอาว่าบัฟเฟตคิดถูกหรือผิด ก็นับว่าแน่มาก
อย่างน้อยคนที่ถือต้องมั่นใจในการวิเคราะห์ที่คิดจะถือต่อ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบัฟเฟตและทีมงานทำการบ้านมาอย่างดีก่อนขายหุ้นพวกนี้ทิ้ง

นอกจากนั้น เบิร์กไชร์ยังลดการลงทุนใน
Automatic Data Processing (NYSE: ADP),
Dover (NYSE: DOV),
Gannett (NYSE: GCI),
Gap (NYSE: GPS),
H&R Block (NYSE: HRB),
HCA (NYSE: HCA),
Mueller Industries (NYSE: MLI),
Zenith National Insurance (NYSE: ZNT).

อ่านเรื่องเต็มๆ ได้ใน

http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 0304sh.htm

มันมีวิธีการประเมิน ว่าควรจะขายเมื่อไหร่ของ วอร์เรน อยู่นะครับ
ในหนังสือ นิวบัฟเฟตโทโลจี ของ แมรี่น่ะครับ เนียนมากครับ

ขอบคุณครับคุณ The Boat

แต่สำหรับผมนะครับ ต่อให้ราคาสูงเกินจริงไปในปัจจุบันผมก็ไม่คิดขายนะครับ ถ้าพื้นฐานบริษัทไม่เปลี่ยนจริงๆ หรือหาตัวที่น่าสนใจกว่าไม่ได้ (ยกเว้นกรณีฟองสบู่ใกล้แตก)

ขายตอนที่คิดว่าราคาหุ้นที่เราถือแพงแล้ว เมื่อเทียบกับศักยภาพของบริษัท
ต่อให้กิจการยังดีอยู่ก็ตาม

27,000 ล้านเหรียญครับ ประมาณ 1/2 ของสินทรัพย์ทีเดียว