Thai VI

จากคมชัดลึกวันนี้ หน้า5

ขอโค้ดเฉพาะบางข้อความครับ

"ร้านหนังสือดีๆในเมืองไทยมีน้อยมาก ถึงแม้ตอนนี้เราจะบอกว่าจำนวนสาขา(ของเรา)เยอะที่สุดก็ตาม แต่ก็ยังน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว เพราะเมืองไทยมีร้านหนังสือ600-700ร้านค้า ที่ถือเป็นร้านดีๆระดับหนึ่ง แต่เมืองนอกมีตั้ง 5000 ร้านอย่างประเทศเกาหลีใต้ เราคิดว่าเรายังห่างไกลจากเขาเยอะเหลือเกิน

เมื่อถามถึงอนาคตของธุรกิจหนังสือ ทนงกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ยังมีช่องทางไปได้อีกยาวไกล
"ผมมั่นใจมาตลอดเวลา และขายดีมาตลอด7-8 ปี ผมพูดทุกครั้งว่าเมืองไทยยังห่างไกลจากจุดอิ่มตัวอีกเยอะ ห่างไกลอีก4-5 เท่าตัวด้วยซ้ำ เพราะยังมีหนังสืออีกเยอะเหลือเกินที่ยังไม่มีใครเขียน หนังสืออีกหลายๆพื้นที่หรือหลายๆหมวด ที่ยังมีคนทำน้อย พอมาดูร้านหนังสือก็ยังมีคนทำน้อยอีก จริงๆมันน้อยหมดทั้งระบบ เพียงแค่ว่าอย่าไปใช้หลัก "me too" คือเห็นใครทำดีเอาดีด้วย แล้วก็ไปแย่งวงร่วมกัน แน่นอนถ้าตลาดใหญ่มากพอก็โอเค แต่ถ้าเราไปแล้วไม่มีจุดแข็งเพียงพอ ก็ไปแน่นอยู่อย่างนั้น คนก็ไม่เห็นหนังสือของเรา คนไม่ซื้อก็มีมากขึ้น" ทนงวิเคราะห์

จากที่คุณทนงวิเคราะห์อย่าง นี้ทั้งse-ed และaprintของผมคงเติบโตได้อีกเยอะเลยเนอะ อิอิอิ

นึกว่าผมคิดคนเดียวเสียอีกครับ
มีคนคิดเหมือนผมเหมือนกันนี่ครับ

ผมว่าทำให้คนไทย มีรายได้ที่พอใช้จ่ายก่อน แล้วก็สนับสนุนการศึกษาสิ จะได้หันมาอ่านหนังสือกันมากๆ เข้าเน็ตก็ได้ความรู้เหมือนกัน คนเก่งๆก็มี ถามได้ อยู่ที่คนด้วย ว่าจะสนใจหรือป่าว คนรวยมีเงิน แต่ทำตัวโง่ หรือมั่นใจตัวเองว่าฉลาด ว่าเก่งกว่าคนอื่นก็มีเหมือนกันนะ แต่เราไม่ได้ใกล้ชิด เลยไม่เห็นเอง

อ่านกระทู้ข่างล่างของคุณchampๆ รับse-edที่ 5.4 บาท ผมรับมาแพงกว่าคับที่5.45 แต่ถ้ามันหล่นมาที่ราคานี้อีก ผมว่าผมจะเก็บเพิ่มอีกคับ ตัวนี้ซื้อมาวันแรกที่เล่นหุ้นเลยคับ ตอนนั้นยังใหม่อยู่ เลยไม่กล้าเก็บมาก เก็บหลายๆหุ้นเฉลี่ยๆกันไปคับ แต่ช่วงนี้ผมเริ่มที่จะ focus มากขึ้นคับ
กะเอาแบบพี่chatchai ถือตัวเดียวเลยอะคับ อิอิ อันนี้ล้อเล่นคับ ผมยังห่างไกลอีกหลายสิบปีที่จะทำแบบนั้นได้


ประโยคนี้ของคุณharry ที่ว่า
"คนรวยมีเงิน แต่ทำตัวโง่ หรือมั่นใจตัวเองว่าฉลาด ว่าเก่งกว่าคนอื่นก็มีเหมือนกันนะ แต่เราไม่ได้ใกล้ชิด เลยไม่เห็นเอง"

ไม่รู้ว่าว่าผมรึป่าว ถ้าว่า ก็ขอบอกเลยคับว่าผมไม่รวย แฮะแฮะแฮะ
แต่โง่นี่อาจใช่ก็เป็นได้น่ะคับ เพราะผมเพิ่งเล่นหุ้นได้แค่เดือนเดียว ศึกษาหุ้นได้แค่ 2 เดือนเองคับ อิอิอิ แถมอายุก็เพิ่ง24เองอะคับ(แก่ไปป่าวเนี่ย)

ยังไงก็อย่าว่ากันเลยน่ะคับ ไม่ชม(หุ้น)ตัวเองก่อน แล้วรอจะรอให้ใครมาชมเราหละคับ

อย่างที่ อีริค ฟอร์ม ว่าไว้ไง ว่า "คนที่จะรักคนอื่นได้อย่างแท้จริง ต้องรักตัวเองก่อน" (เอ!!! เกี่ยวกันไม้เนี่ย แฮะแฮะแฮะ)

ผม copy มาจากตลาดหุ้นนะครับข่าวนี้

รุ่งโรจน์ หรือ ร่วงโรย
วันนี้ในร้านหนังสือเล็กๆ เห็นพาดข่าวคอลัมน์ๆหนึ่ง
แล้วคงทำให้หนอนหนังสืออดใจหายไม่ได้ พาดหัวสีเล็กๆด้านในมีความว่า
"ดอกหญ้าล้มละลาย."
หลังจากมีปัญหายืดเยื้อ"เป็นหนี้"เรื้อรังมานาน หนี้เก่าจำนวนมหาศาลไม่ขยับ หนี้ใหม่กลับพอกพูนขึ้น อีก 73 ล้าน ในที่สุดกลุ่มเจ้าหนี้โหวตให้ บ.สามัคคีสาร(ดอกหญ้า) "ล้มละลาย." ไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ด้วยมติเอกฉันท์ และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันจันทร์ที่ 8 มีนาคมนี้ ศาลจะประกาศให้ " ดอกหญ้า"ล้มละลาย
อย่างเป็นทางการ เพื่อจะได้นำทรัพย์สินขายทอดตลาด
ใช้หนี้
ที่มา หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก 7 มี.ค 47

ในขณะเดียวกัน คุณทนง โชติสรยุทธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด หรือ
เจ้าพ่อซีเอ็ด เจ้าของสโลแกน "ต้องทำร้านหนังสือ ให้เป็นเหมือนร้านสะดวกซื้อ" พึ่งเปิดใจให้สัมภาษณ์
เมื่อถูกถามถึงอนาคตของธุรกิจหนังสือ ทนงกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่ายังมีช่องทางไปได้อีกยาวไกล
"ผมมั่นใจมาตลอดเวลา และขายดีมาตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมานี้ เมืองไทยยังห่างไกลจากจุดอิ่มตัวอีกเยอะ"
พร้อมทั้งเปิดเผยว่า
"ซีเอ็ดมี140 สาขาใหญ่ 117จุดบริการย่อย มีพนักงาน 1600 คน เป็นข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2546 ถึงตอนนี้ก็เริ่มขยับต่อแล้ว ก็คงขยายต่อไปเรื่อยๆ เพราะร้านหนังสือดีๆในเมืองไทยมีน้อยมาก ยังน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว เพราะเมืองไทยมีร้านหนังสือ 600-700 ร้านที่ถือเป็นร้านดีๆ แต่เมืองนอกมีตั้ง 5000 ร้าน"
ได้ฟังอย่างนี้แล้ว คงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น
SE-ED ทุกท่านไม่มากก็น้อย
หรือใครยังอยากเป็นเจ้าของร้านหนังสือก็พิจารณากันเอาเองนะคะ
เก็บตกมาฝากค่ะ ตามประสาคนรักหนังสือ

สงสัยข่าวเดียวกับคุณ 143 มั้งครับ

อย่างนี้ถือเป็นโชคดีของซีเอ็ดได้ไหมครับ เพราะ ทั้งดอกหญ้าก็เจ๊ง ร้านดวงกมลก็ดูไม่ค่อยดี ร้านนายอินทร์ผมก็ไม่ค่อยเห็น ถ้ามองมุมนี้เหมือนผูกขาดเลย

หรือว่าธุรกิจนี้ ใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวจริงๆแล้วสำหรับเมืองไทย จึงทำให้ร้านหนังสือเริ่มเจ๊งกันมากขึ้น ถ้าไม่แข็งแกร่งจริงๆก็คงอยู่ไม่ได้ ถ้ามองมุมนี้ก็ผูกขาดอีกนั้นแหละ เพราะซีเอ็ดยังอยู่ได้ แต่คงไม่เติบโตดังกระทู้ว่าอีกมากนักแล้ว

หรืออื่นๆ

อื่นๆ ที่คุณnuttawutว่า ถ้ามองในแง่ลบ
ธุรกิจนี้เริ่มอิ่มตัว มีหลายรายเริ่มล้ม แม้แต่ซีเอ็ด ในอนาคตก็อาจต้องยุบตัวลงบ้างก็เป็นได้

ตลาดร้านหนังสืออาจจะดุเดือดขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับหลาย
ปัจจัย แต่ผมเอาใจช่วยร้านหนังสือทุกร้านอยู่แล้วครับ ขออย่าให้เจ๊ง
เลย

สักวันหนึ่ง เมื่อบริษัทข้ามชาติเริ่มเห็นการเติบโตของธุรกิจ super
bookstore จะเริ่มเข้าเมืองไทยครับ ตั้งแต่ B&B, Borders, B Dalton
และสารพัด chained bookstore

ร้านหนังสือก็เป็นแค่ logistic company ใครกระจายหนังสือได้ดีกว่า
ต้นทุนค่าขนส่งกับหนังสือถูกกว่า เปิดทำเลได้โดนใจกว่า หน้าร้าน
ดูดีกว่า ก็ชนะครับ

ผมเลยมองว่า อย่าประมาท B2S เป็นอันขาด ระบบจัดส่งของ Central
เกือบจะดีที่สุดในประเทศไทยเชียวนะครับ ถ้าปรับตัวให้เข้ากับผู้อ่าน
หนังสือเมื่อไหร่ เป็นเรื่อง

มุมมองของคุณCKน่าคิดมากเลยครับ ยุคทุนนิยมแบบนี้อะไรๆก็แข่งกันดุเดือดไปหมด ธุรกิจที่ไม่แข่งกันดุเดือด เริ่มมีน้อยลงทุกที
อย่างนี้คงต้องเอาใจช่วยให้ธุรกิจไทยทุกๆธุรกิจรีบๆขยายตัวให้ใหญ่มากพอที่จะสู้กับพวกทุนข้ามชาติได้

ธุรกิจธนาคารของไทยก็อาจจะไปไม่รอดได้เช่นกัน หลังเปิดfta ไทย-ยูเอสเอ

อย่างb2s กับse-edในช่วงนี้ คงต้องวัดฝีมือของผู้บริหารแล้วหละครับว่าใครจะเก่งกว่ากัน กลุ่มคุณทนงอาจจะบริหารสู้กลุ่มb2sไม่ได้ก็เป้นได้ นี่คือความเสี่ยงอันหนึ่ง

ผมว่าอย่างนี้ธุรกิจร้านอาหารไทยก็น่าสนใจที่จะลงทุนเหมือนกันน่ะครับ เพราะไม่ต้องแข่งเดือดกับพวกฝรั่งข้ามชาติ อย่างมากก็แข่งกับคนไทยด้วยกันคงไม่ค่อยเท่าไหร่ แถมรัฐบาลหนุนนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกอยู่ด้วย
หรือไม่ก็ธุรกิจอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง หรือนโยบายของรัฐบาล
อย่างชินคอร์ป หรือ แอดวาส์น อะไรอย่างแบบนี้น่าจะเสี่ยงน้อยหน่อย

กระทู้ข้างบนผมลืมใส่ชื่อครับ

ซีเอ็ด มี วอแรนท์ ครับ

ผมว่าตอนนี้ se-ed แพงไปครับ เสียดายเหมือนกันที่ไม่มีเงินช้อนตอนมันเหลือ 5.2 บาท
และผมเห็นด้วยว่าตอนนี้ se-ed เจอคู่แข่งสำคัญคือ b2s แถวบ้านผม se-ed ปิดสาขาหนึ่งหนี b2s ไปแล้วครับ

ผมว่าwarrantของงวดนี้ไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับการเติบโตระยะยาว แต่ผมว่าที่น่าสนใจกว่าคือ
จะออกวอร์แรนท์เพิ่มอีกรึเปล่า

ผมกำลังคิดว่า .. น่าจะลาก วอแรนต์ ไปให้ พรีเมี่ยมมันเป็นบวกไปเลย
จะได้ไม่มีคนแปลงเป็นหุ้นแม่ออกมา dilute กำไร

เอ แล้มมันคุ้มไหม มีคนคิดแบบนี้ไหมครับ

[quote="Dr.T"]ผมว่าตอนนี้ se-ed แพงไปครับ เสียดายเหมือนกันที่ไม่มีเงินช้อนตอนมันเหลือ 5.2 บาท
และผมเห็นด้วยว่าตอนนี้ se-ed เจอคู่แข่งสำคัญคือ b2s แถวบ้านผม se-ed ปิดสาขาหนึ่งหนี b2s ไปแล้วครับ[/quote]

สาขาไหนครับที่ปิดหนีไป
ผมอยากรู้ครับ
จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูล
เพราะแถวบ้านผม ผมมองยังไงๆ
B2S ก็ขายสู้ไม่ได้ครับ

ซีเอ็ด สาขาโรบินสัน จันทบุรีครับ

[quote="Dr.T"]ซีเอ็ด สาขาโรบินสัน จันทบุรีครับ[/quote]

ถ้าโรบินสันผมไม่แน่ใจนะครับ
เพราะโรบินสันนี่ของเซ็นทรัลนะครับ
น่าจะมีเรื่องอื่นด้วยหรือเปล่า
ทำให้ต้องปิดไป โดนบีบหรือเปล่า
เพราะอย่างที่โลตัสบางกะปิ
ผมไปเดิน B2S อยู่ชั้น 1
ซีเอ็ดอยู่ชั้น 2 ผมยังไม่เห็นว่าจะสู้ซีเอ็ดได้เลยครับ
ผมไปเดิน B2s ที่ชั้นล่างเห็นเอาหนังสือมาเซลส์เต็มเลย
ยังไม่ค่อยมีคนเดินเลยครับ

มองอย่างเป็นกลางๆนะครับ
B2S นั้นผมเองก็เคยแวะเวียนไปดูอยู่บ้าง
พื้นที่กว้างขวาง มีของให้เลือกมาก แถมมีการจัดให้มีร้านกาแฟสำหรับนั่งอ่านด้วย จำได้ว่าเป็นห้างแถวรามอินทราครับ ซึ่งผมว่าเป็นจุดขายอย่างนึงให้นักอ่าน ซึ่งผมก็ประทับใจ
แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนสาขาที่มากกว่า และความเป็นร้านเล็กๆแต่มีหนังสือค่อนข้างครบถ้วน ผมคาดว่า Se-ed น่าจะมีได้เปรียบกว่ามาก แม้ว่าจะมีบางสาขาที่ต้องปิดไป ก็น่าจะเป็นเรื่องที่พอยอมรับได้ หากเปิดแล้วขาดทุน ก็ปิดสาขานั้นดีกว่าครับ แต่จะต้องระวังตัวมากขึ้น หากพบสาขาที่ปิดตัวเพิ่มขึ้นมากขึ้น

ไม่น่าเชื่อว่า ดอกหญ้าจะล้มละลาย นะครับ

จำได้ว่าตอนเรียนอยู่ ชอบที่จะไปร้านดอกหญ้า เพราะมีที่นั่งให้อ่านด้วย ตอนนั้น กำลังดังมาก

พอมาถึงวันนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะ เจ๊งได้

มีใครรู้บ้างไหมครับ ว่าสาเหตุจากอะไรครับ

เห็นด้วยกับพี่ CK ว่าไม่อยากให้มีร้านหนังสือเจ๊ง อยากให้มีเยอะๆ เพราะชอบเข้าร้าน หนังสือครับ