Thai VI

ดูๆแล้วคล้ายกันเลย ธุรกิจกำลังไปได้สวยงาม เป็นขวัญใจชาว VI
พอหลังจากเพิ่มทุน ก็เริ่มถอยหลังตลอด คนที่อยู่ในช่วง fancy ฮิตๆคงจะ
จำกันได้

มันอยู่ที่ว่าเค้าจะทำได้จริง หรือ ทำไม่ได้หรือป่าวครับ

เมื่อเช้า ไปอีก 5% ครับ, เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย???? กลุ้มจังครับ

ไม่เหมือนกันครับ

แฟนพี่เค้าเจอวิกฤตครั้งใหญ่ ปัญหารุมเร้าทุกอย่าง
เงินบาทแข็ง(ส่งออกเกือบ100%)
ยางแพงกระฉูด(ไม้ยางพาราที่เป็นวัตถุดิบเลยแพงตาม)ราคาก็ขึ้นไม่ได้เพราะ
สินค้าจีนถูกกว่ามาตีตลาดกระจุย(แฟนพี่รับจ้างผลิตไม่มียี่ห้อ)
พูดง่ายๆก็คือเป็นธุรกิจตะวันตกดินไปเลย

ส่วนเอสเอ็นซี้มีปัญหาบ้างแต่ยังไม่ถึงกับซี้แหงครับ  :lol:

ราคาของ SNC ที่ 10 - 11 อยู่บนความคาดหวังว่ากำไรจะโตขึ้น 50 % ก็จะได้ พีอี ที่ 10 เท่า แต่ตอนนี้ตลาดเริ่มมองว่า การที่กำไรจะโตได้อย่างนั้นอาจจะไม่แน่นอน ตลาดก็เลยต้องลงราคาลงมา
พื้นฐานคงไม่ได้เปลี่ยนเหมือน FANCY แต่ความคาดหวังของตลาดเริ่มลดลงมากกว่าทำให้ราคาตก ถ้าคุณยังเชื่อมั่นว่าผู้บริหารจะทำได้จริงอย่างที่คุณคิดเมื่อตัดสินใจซื้อตอนแรกก็ต้องกล้าถือครับ แต่ถ้าไม่แน่ใจเพราะเห็นราคาตก แล้วเครียดมากก็ต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับหุ้นในพอร์ต

เป็นธรรมดาที่หุ้นที่ตลาดมีความคาดหวังสูง ราคาหุ้นก็จะสูง แต่แล้วทำไม่ได้ตามคาดราคามันก็ต้องตกครับ

เห็นด้วยกับคุณ dimsum ครับ หากปีนี้ได้ไม่ถึง 1 บาทต่อหุ้น
ไม่รู้ PE ตลาดจะให้เท่าไร ตอนนี้ PE ประมาณ 8 กว่าก็อาจจะยังไม่ถูกก็ได้
หาก ปีนี้ได้ต่ำกว่าที่ผู้บริหารคาดหวังไว้

ผมว่าเราน่าจะเก็บ กระทู้ในเรื่องนี้บางกระทู้ เข้าคลังกระทู้คุณค่า
น่ะครับ เป็นบทเรียนการลงทุน

เพราะบทเรียนราคาแพงที่สุด คือบทเรียนที่เราไม่ยอมเรียนรู้

ในอนาคตหากเรามองย้อนดูอีกที เราอาจจะเรื่องดีๆ ไว้เรียนรู้มากเลยน่ะครับ


ปล . พอดีผมเข้า เวป ไม่ทัน จริงๆ ก็อยากให้มีคนขุด fancy มาให้ดูเหมือนกัน
ว่าครั้งนั้นเราได้เรียนรู้อะไรจาก หุ้น fancy บ้าง

wara เขียน:ปล . พอดีผมเข้า เวป ไม่ทัน จริงๆ ก็อยากให้มีคนขุด fancy มาให้ดูเหมือนกัน
ว่าครั้งนั้นเราได้เรียนรู้อะไรจาก หุ้น fancy บ้าง

คุ้ยเจออันนี้พอได้มั๊ยครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=9058

ต่างกันเยอะ

ขอบคุณครับ พี่ สามจุด

เห็นภาพเลย

แต่ตอนนี้

ส่วนตัวผมว่า ทรานฟอร์มเมอร์ คงยังไม่ถึงขนาดนั้นครับ

แอร์จีนก็น่ากลัวนะครับ อิอิ

เข้ามาป่วน

ว่าแต่ PE ธุรกิจรับจ้างผลิต ควรจะเท่าไหร่ครับ
เหมือนตลาดกำลังจะปรับราคาใหม่ให้ตัวนี้

คูณ สมชัย เจ้าของไม่เครียดกว่าเหรอเงินหายไปหลายร้อยล้านเลยนะ :lol:

Linzhi เขียน:แอร์จีนก็น่ากลัวนะครับ อิอิ

เข้ามาป่วน

ว่าแต่ PE ธุรกิจรับจ้างผลิต ควรจะเท่าไหร่ครับ
เหมือนตลาดกำลังจะปรับราคาใหม่ให้ตัวนี้

คงต้องถามว่าถ้าราคาแอร์จีนกับแอร์เกาหลี แอร์ญี่ปุ่น ราคาต่างกัน 10 - 15% คุณจะซื้อแอร์อะไรครับ ผมว่าตอบได้ไม่ยากนะครับ  :)

ธุรกิจไขสกรู รับชิ้นส่วนมาประกอบ NPM ควรอยู่แค่ 1 - 2% ครับ
ส่วนธุรกิจรับจ้างผลิต ผมก็เห็นทางชิ้นส่วนรถยนต์ บรรจุภัณฑ์ แล้วก็หลายบริษัท NPM 8-9% นะครับ

แต่ผมมองว่าคล้ายกันนะครับ ไม่ว่าจะเป็นไม่มี Brand เป็นของตัวเองเหมือนกัน วัตถุดิบก็ขึ้นเอา เหมือนกัน ก่อนจะหลุดจากความนิยม กำไรก็ทรงๆ ก่อนจะทรุดฮวบ ยกเว้นว่าผู้บริหารขยันให้ข่าวกว่า แต่ผมก็เชื่อว่า SNC น่าจะไม่ทรุดนะ แต่จะโตเหมือนเดิมหรือปล่าวนี่ไม่แน่ใจ

tt เขียน:แต่ผมมองว่าคล้ายกันนะครับ ไม่ว่าจะเป็นไม่มี Brand เป็นของตัวเองเหมือนกัน วัตถุดิบก็ขึ้นเอา เหมือนกัน ก่อนจะหลุดจากความนิยม กำไรก็ทรงๆ ก่อนจะทรุดฮวบ ยกเว้นว่าผู้บริหารขยันให้ข่าวกว่า แต่ผมก็เชื่อว่า SNC น่าจะไม่ทรุดนะ แต่จะโตเหมือนเดิมหรือปล่าวนี่ไม่แน่ใจ

ยังไงผมก็ยังยืนยันว่าไม่เหมือนกันครับ  :D

การไม่มีแบรนด์ของตัวเองสำหรับแฟนพี่ถือเป็นจุดอ่อนมาก
แต่ของเอสเอ็นซี้ไม่ถือเป็นจุดอ่อนมาก(อาจเป็นจุดที่ทำให้ได้เปรียบด้วยซ้ำ)
เพราะความสามารถในการที่จะผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้กับความสามารถในการที่จะผลิตแอร์ให้ได้คุณภาพตามที่ผู้ที่มีแบรนด์ต้องการมันต่างกันครับ

เรื่องราคาวัตถุดิบของแฟนพี่ก็ตายแน่ครับเพราะขึ้นราคาขายไม่ได้(ถ้าขึ้นก็ไม่มีคนซื้อ)
ส่วนเอสเอ็นซี้ค่อยๆถ่ายไปที่ลูกค้าที่จ้างผลิตได้

ดังนั้นดูกันต่อไปครับว่าจะเป็นยังไง

ผมว่าไม่ใช่น่าครับ
ถ้าหาก คณะกรรมการบริหารบริษัท เปิดให้นักลงทุนเยี่ยมชมกิจการได้
ณ ตอนนี้เพื่อดูสิ่งที่คณะกรรมการออกมาบอกครับ
เพราะดูด้วยตา และสัมผัสจริง ถึงรู้กว่า สิบปากว่าครับ