Thai VI

อยากฟังข้อเสนอแนะจากทุกๆคนครับ

เพิ่มเติมนิดนึงครับ   www.premier-marketing.co.th

ชื่อสวรรค์ แต่ของจริงคง ...
ใครไปประชุมรบกวนฝากถาม สาเหตุที่ย้ายโรงงานจาก ลาดกระบังมา
ปลาจีน

พอมีข้อมูลมั้ยครับว่าเปิดเจอที่ไหน ที่ธนคารอะไร เมื่อไหร่อะครับ ถ้ามีรบรวนช่วยบอกหน่อยครับ ผมหาไม่ได้เลย

จองได้ที่หลักทรัพย์ บัวหลวง ครับ

โทษนะครับ แล้ววันที่เท่าไหร่หรอครับ ใบจองก็หาโหลดไม่ได้เลย แล้วถ้าบอกจองที่บัวหสวงนี่ สามารถไปจองที่ธนาคารกรุงเทพได้เหมือนกันมั้ยครับ

รู้สึกว่า ต้องไปเปิดพอร์ต กับ ทาง บล.บัวหลวง ครับ ไม่ใช่ที่ธ.กรุงเทพนะครับ
ลองโทรไปถามเบอร์นี้ดูครับ 02-231 3777

ปล.ตัวผมเองเพิ่งเริ่มต้นลงทุนอ่ะครับ

เค้าเป็นคนผลิตด้วยหรือครับ?

woody เขียน:เค้าเป็นคนผลิตด้วยหรือครับ?

ใช่ค่ะ


ในร้อยคนร้อยหุ้นนะคะ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33407

ทานแล้วมือไม่เลอะครับ ...

บ้านผมทำธุรกิจค้าส่ง ปลาทาโร่นี่ บอกตรงๆครับ ช่วงไหนขายดีของจะขาด คือ โทรไปสั่งแล้วของก็ไม่ส่งกันมาดื้อๆ  -_-"
พอช่วงนี้มีของ ลูกค้ากลับไม่เอาแล้ว เพราะช่วงนี้ฮิต ลิ้นเปลี่ยนสี

ผมเคยคุยกับแม่ค้าที่มาซื้อของที่บ้าน เค้าบอกว่าถ้าจะขายขนม ต้องตามเด็กให้ทัน ยิ่งของแถมนี่ต้องรู้ เพราะว่าเด็กบางคนซื้อเพราะเอาของแถมโดยเฉพาะ ยิ่ง แคมปัส นี่ เปลี่ยนของแถมจนแม่ค้าเวียนหัวไปเลย (พี่เสมียนที่บ้านก็เคยเอามาให้ดู แบบว่าบีบๆดูว่าของแถมเป็นอะไร คือมาสอนผมว่าเวลาเด็กมันจะดูของแถม เด็กจะบีบดู ถ้าเป็นเหลี่ยมเด็กจะเอา ถ้าไม่ใช่แสดงว่าไม่ใช่ที่อยากได้ อะไรประมาณนี้แหละครับ)

ปล. ผมอยู่ต่างจังหวัด consumer behavior อาจจะไม่เหมือนกับตัวเมืองหรือตัวปริมณฑลก็ได้ครับ

ไม่รู้ผมเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า
เป็นบริษัทแรกที่เข้าตลาดหุ้นโดยส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ
แต่ขาย ipo 3.3 บ. เงินที่ได้ค่อนข้างมากนำไปคืนหนี้หมดเลย
P/E ไม่รวมรายการพิเศษ 11 เท่า แพงไปนิดสำหรับธุรกิจที่มีแต่ปลาเส้น และแทบไม่โตเลย

ลูกอิสาน เขียน:ไม่รู้ผมเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า
เป็นบริษัทแรกที่เข้าตลาดหุ้นโดยส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ
แต่ขาย ipo 3.3 บ. เงินที่ได้ค่อนข้างมากนำไปคืนหนี้หมดเลย
P/E ไม่รวมรายการพิเศษ 11 เท่า แพงไปนิดสำหรับธุรกิจที่มีแต่ปลาเส้น และแทบไม่โตเลย

เห็น product อื่นก็มีไม่ใช่หรอครับ ทั้งซอส เครื่องดื่ม อาหารเสริม ขนมญี่ปุ่นแบบอื่นๆ

หรือว่า กำไรจากปลาเส้นมันเกิน 80% เลยครับ (ผมยังดูไม่ลึกถึงตรงนั้น)

ตัวกำไรน่าจะมาจากปลาทาโร่เป็นหลัก แต่ธุรกิจปลาเส้นก็ถือว่าเล็กมากเลยในอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยว ทิ้งห่างจากขนมขึ้นรูปและมันฝรั่งอยู่อีกโข โตเรื่อยๆมากกว่าค่ะ

อีกอย่างในส่วนที่เป็น distributer เนี่ย เราว่า brand ที่เค้าติดต่อผูกขาดอยู่ ไม่ค่อยจะเป็น leading brand เท่าไหร่ ถ้าไม่นับทาโร่ เค้าดีลกับ
- คาลบี้ (ที่หนึ่งเป็นฮานามิ)
- สบู่คัสสัส อิมพีเรียล (เราว่าคนใช้ lux มากกว่า จากการดูใน supermarket)
- ยาอมโบตัน (ตอนนี้คนกินหมากฝรั่งพวกไซลิทอลนะ)
- พวกขนมก็ไม่โดดเด่นเท่าไหร่ เราจำยี่ห้อไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ฮิต ไม่เหมือนพวกเลย์ที่ขายดีสม่ำเสมอ

ส่วนที่เป็นส่งออกปลาทูน่า ตรงนี้เราว่า margin เรื่อยๆด้วย เพราะ PM จะเป็นคล้ายฐานการผลิตในลูกค้ารายใหญ่ในญี่ปุ่นเจ้าหนึ่ง เค้าหาปลามาให้เกือบ 60% PM จะคิดแต่กำไรการผลิตนิดหน่อยเพราะต้องส่งออกกลับไปให้ลูกค้ารายเดิม ตรงนี้น่าจะการันตี margin และยอดขายได้ ไม่ต้องดิ้นรนกับการที่ปลาทูน่าขาดแคลน เพราะลูกค้ารายนั้นคงจะดีลในปริมาณมาก เราก็ผลิตอย่างเดียว ไม่เหนื่อยไม่โต เพราะพึ่งคนอื่น

มันไม่ค่อยโตจริงๆอย่างที่พี่ลูกอิสานบอก แต่ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบเนี่ย มันน่ากลัวหรือเปล่าค่ะ จริงๆเราก็สนใจมันนิดๆค่ะ เพราะเป็นลูกค้าประจำ   ติดอยู่ว่ากว่าจะปันผลได้คงใช้เวลาหลายปี เพราะเงิน IPO น่าจะเอาไปจ่ายหนี้มากกว่า อ่านข่าวผู้บริหารบอกว่า เงินจะเอาไปจ่ายหนี้แล้วลดขาดทุนสะสม เพื่อให้ปันผลได้ในปีหน้า เราว่า เงินส่วนนั้น มันดูไม่พอจ่ายหนี้ด้วยซ้ำ ทำไมให้ข่าวแบบนั้นนา

[quote="krisy"]ตัวกำไรน่าจะมาจากปลาทาโร่เป็นหลัก แต่ธุรกิจปลาเส้นก็ถือว่าเล็กมากเลยในอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยว ทิ้งห่างจากขนมขึ้นรูปและมันฝรั่งอยู่อีกโข โตเรื่อยๆมากกว่าค่ะ

อีกอย่างในส่วนที่เป็น distributer เนี่ย เราว่า brand ที่เค้าติดต่อผูกขาดอยู่ ไม่ค่อยจะเป็น leading brand เท่าไหร่ ถ้าไม่นับทาโร่ เค้าดีลกับ
- คาลบี้ (ที่หนึ่งเป็นฮานามิ)
- สบู่คัสสัส อิมพีเรียล (เราว่าคนใช้ lux มากกว่า จากการดูใน supermarket)
- ยาอมโบตัน (ตอนนี้คนกินหมากฝรั่งพวกไซลิทอลนะ)
- พวกขนมก็ไม่โดดเด่นเท่าไหร่ เราจำยี่ห้อไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ฮิต ไม่เหมือนพวกเลย์ที่ขายดีสม่ำเสมอ

ส่วนที่เป็นส่งออกปลาทูน่า ตรงนี้เราว่า margin เรื่อยๆด้วย เพราะ PM จะเป็นคล้ายฐานการผลิตในลูกค้ารายใหญ่ในญี่ปุ่นเจ้าหนึ่ง เค้าหาปลามาให้เกือบ 60% PM จะคิดแต่กำไรการผลิตนิดหน่อยเพราะต้องส่งออกกลับไปให้ลูกค้ารายเดิม ตรงนี้น่าจะการันตี margin และยอดขายได้ ไม่ต้องดิ้นรนกับการที่ปลาทูน่าขาดแคลน เพราะลูกค้ารายนั้นคงจะดีลในปริมาณมาก เราก็ผลิตอย่างเดียว ไม่เหนื่อยไม่โต เพราะพึ่งคนอื่น

มันไม่ค่อยโตจริงๆอย่างที่พี่ลูกอิสานบอก แต่ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบเนี่ย มันน่ากลัวหรือเปล่าค่ะ จริงๆเราก็สนใจมันนิดๆค่ะ เพราะเป็นลูกค้าประจำ

MindTrick เขียน:เห็น product อื่นก็มีไม่ใช่หรอครับ ทั้งซอส เครื่องดื่ม อาหารเสริม ขนมญี่ปุ่นแบบอื่นๆ

หรือว่า กำไรจากปลาเส้นมันเกิน 80% เลยครับ (ผมยังดูไม่ลึกถึงตรงนั้น)

ผมเข้าใจเหมือนน้อง krisy น่ะครับ ธุรกิจอื่นๆดูไม่โดดเด่น สร้างแต่ยอดขาย แต่กำไรส่วนใหญ่น่าจะมาจากปลาสวรรค์


ตัวนี้ผมก็ยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเข้าตลาดมาได้ไง มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สินนะครับ  มองว่าใครได้ประโยชน์ที่สุด บริษัทมีสินทรัพย์ประมาณ 1200 ล้าน หนี้สิน 1300 ล้าน ขายหุ้น ipo ทั้งหุ้นเพิ่มทุน+หุ้นผู้ถือหุ้นเดิม 215 ล้านหุ้นที่ 3.3 บ. ได้เงิน 700 ล้าน นำไปล้างหนี้เงินกู้ได้หมดเลย นอกจากนั้นยังนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นไปหักลบกำไรสะสม จ่ายปันผลได้อีก ผมว่าคนที่ได้เต็มๆคือผู้ถือหุ้นเดิมครับ อยู่ดีๆหนี้หายหมด แถมรับปันผลอีกต่างหาก เสียแค่สิทธิ์ความเป็นเจ้าของนิดเดียว

ถ้าไม่รวมกำไรพิเศษ ราคา ipo พีอีประมาณ 10-11 เท่า

ข้างบนเป็นมุมมองส่วนตัวของผมแบบอิงพื้นฐาน แต่เรื่องราคาหุ้นไม่แน่นะครับ เพราะตระกูลนี้หลายคนน่าจะทราบดี ดูราคาหุ้น PT PE ได้เลยครับ

ลูกอิสาน เขียน:มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สินนะครับ

พิมพ์สลับป่ะคับ

ถ้าไม่รวมกำไรพิเศษ ราคา ipo พีอีประมาณ 10-11 เท่า

พี่ลูกอีสานดูที่ไหนอ่ะคะ

เจนดู 2 broker กิมเอง กะ บัวหลวง
ได้ Normalized Earning ประมาณ 240 ล้านบาท

มีหุ้นอยู่หลัง IPO 650 ล้านหุ้น
ก็ได้ EPS ประมาณ 0.37 บาท/หุ้น

IPO Price 3.30
ดังนั้น จะได้ PER = 3.30/0.37 = 8.92 เท่า

กิมเอ็ง เห็นว่า PER กลุ่มอาหาร 16 เท่า ให้ส่วนลด เลยให้ PER แค่ 11 เท่า ได้ 11*0.37 = 4.07

บัวหลวง เทียบกับหุ้น 4 ตัว TUF, TF, SAUCE และ PB มี PER เฉลี่ย 11.25 เท่า ดังนั้น 11.25*0.37 ได้ประมาณ 4.16
และ บัวหลวงบอกว่า
FY08 core profit growth of 11% YoY

FY08 core profit growth of 11% YoY

ดูรายละเอียดหน้าแรก
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33407

4.07 กะ 4.16 ข้างบน คือประมาณ Target Price ที่ทั้งสองโบรกเกอร์ให้นะคะ

เรื่องราคา ipo อยู่ระหว่าง 3-3.5 บาท ไม่ใช่หรอครับ เห็นเจ้าหน้าที่บอกรู้ว่าราคาชัวว์ๆวันที่ 12

ของเจนชัวน์ไปแล้วค่ะ 3.30
แน่นอนค่ะ คุณ Spectrum
--------------------------------------

อันนี้ฟังหู ไว้หู ดูข้อมูลประกอบ

บิ๊ก PM ระบุปีนี้สามารถล้างขาดทุนสะสม 1 พันลบ.ได้ชัวร์ เหตุกำไรขยับเพิ่มต่อเนื่อง

ดร.สมชาย ชุณหรัศมิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน)
หรือ PM เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสม
ที่มีอยู่ในบริษัทย่อย คือ บริษัท พี.เอ็ม.ฟูด จำกัด (PMF) ผู้ผลิตปลาเส้นและปลาแผ่นที่รู้จักกัน
อย่างแพร่หลายภายใต้ยี่ห้อ 'ทาโร' มูลค่า 500 ล้านบาท และอยู่ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูคาดว่า
จะออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายในปีนี้  ขณะที่ตัว PM เอง ยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่ที่ ประมาณ 501
ล้านบาท โดยผลขาดทุนสะสมของทั้งสองบริษัทอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเชื่อมั่น
ว่าภายในปีนี้จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดทั้งจำนวน หลังจากที่ผลการดำเนินงานของ
บริษัทมีกำไรขยับเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 30-40%


ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย     วันที่   06/05/08   เวลา   10:11:21

คุณเจน จองไปแล้วหรอครับ

แล้วค่ะ
เห็นว่า พื้นฐานถึงไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่ก็ OK

แล้วก็ตระกูลที่ดูแลอยู่ก็น่าสนใจ

-----------------------------------
อันดับ 2 ที่น่าสนใจ ได้แก่ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน) จะเสนอขายไอพีโอ 215 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท ช่วงราคาเสนอขาย 3.00-3.50 บาท จะสรุปราคาเสนอขายได้ในช่วงต้นเดือน พ.ค. เปิดจองซื้อได้ในวันที่ 14-16 พ.ค. และคาดว่าหุ้นบริษัทจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 27 พ.ค. 2551 โดยมีบล.บัวหลวงเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
       สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้เงินจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้บริษัทจะนำเงินไปปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัท โดยบริษัทจะนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่จะเกิดขึ้นจากการเสนอขายไอพีโอมาใช้ลดขาดทุนสะสม ณ สิ้น 31 ธ.ค.51 บริษัทมีขาดทุนสะสม 501 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทมีทุนจดทะเบียน 650 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 500 ล้านบาท หลังเสนอขายหุ้น จะส่งผลให้มีทุนชำระแล้วเป็น 650 ล้านบาท โดยหุ้นที่ออกใหม่ คิดเป็น 33.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้ว และบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
       ผลการดำเนินงานปี 2550 มีกำไรสุทธิ 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 148 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการที่บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย แต่หากไม่รวมการการดังกล่าวบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 207 ล้านบาท สิ้นปี 2550 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,244 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,314 ล้านบาท แม้ฐานะการเงินจะไม่น่าเร้าใจ <b>แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ เงินที่ได้จากการขายไอพีโอ บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะยาว ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และในปี 2551-2554 บริษัทย่อยจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้เนื่องจากมีผลขาดทุนสะสม
      และสิ่งที่น่าจะจุดพลุผลการดำเนินงานของ พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง คือ บริษัทมีแผนจะขายเงินลงทุนใน บมจ.พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไรซ์ (PE) ซึ่ง ณ สิ้นปี 2550 บริษัทมีเงินลงทุนใน PE จำนวน 146 ล้านหุ้น โดยต้นทุนหุ้น PE อยู่ที่ 0.25 บาท ยิ่งกว่านั้นการอยู่ร่วมชายคากับครอบครัวพงศธร น่าจะช่วยให้ใจชื่นในวันแรกที่เข้าเทรด </b>
--------------------------------------------
ของแถมที่ไม่ใช่พื้นฐานค่ะ

อีกทีค่ะ ข้างล่างมันไม่ยอมหนา
-----------------------------------
แล้วค่ะ
เห็นว่า พื้นฐานถึงไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่ก็ OK

แล้วก็ตระกูลที่ดูแลอยู่ก็น่าสนใจ

-----------------------------------
อันดับ 2 ที่น่าสนใจ ได้แก่ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน) จะเสนอขายไอพีโอ 215 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท ช่วงราคาเสนอขาย 3.00-3.50 บาท จะสรุปราคาเสนอขายได้ในช่วงต้นเดือน พ.ค. เปิดจองซื้อได้ในวันที่ 14-16 พ.ค. และคาดว่าหุ้นบริษัทจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 27 พ.ค. 2551 โดยมีบล.บัวหลวงเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
      สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้เงินจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้บริษัทจะนำเงินไปปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัท โดยบริษัทจะนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่จะเกิดขึ้นจากการเสนอขายไอพีโอมาใช้ลดขาดทุนสะสม ณ สิ้น 31 ธ.ค.51 บริษัทมีขาดทุนสะสม 501 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทมีทุนจดทะเบียน 650 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 500 ล้านบาท หลังเสนอขายหุ้น จะส่งผลให้มีทุนชำระแล้วเป็น 650 ล้านบาท โดยหุ้นที่ออกใหม่ คิดเป็น 33.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้ว และบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
      ผลการดำเนินงานปี 2550 มีกำไรสุทธิ 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 148 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการที่บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย แต่หากไม่รวมการการดังกล่าวบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 207 ล้านบาท สิ้นปี 2550 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,244 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,314 ล้านบาท แม้ฐานะการเงินจะไม่น่าเร้าใจ แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ เงินที่ได้จากการขายไอพีโอ บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะยาว ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และในปี 2551-2554 บริษัทย่อยจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้เนื่องจากมีผลขาดทุนสะสม
     และสิ่งที่น่าจะจุดพลุผลการดำเนินงานของ พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง คือ บริษัทมีแผนจะขายเงินลงทุนใน บมจ.พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไรซ์ (PE) ซึ่ง ณ สิ้นปี 2550 บริษัทมีเงินลงทุนใน PE จำนวน 146 ล้านหุ้น โดยต้นทุนหุ้น PE อยู่ที่ 0.25 บาท ยิ่งกว่านั้นการอยู่ร่วมชายคากับครอบครัวพงศธร น่าจะช่วยให้ใจชื่นในวันแรกที่เข้าเทรด
--------------------------------------------
ของแถมที่ไม่ใช่พื้นฐานค่ะ

ได้ดูรายการหุ้น ตอนเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ....
เจ้าหน้าที่ บล.บัวหลวง(เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย) บอกกับพิธีกรว่า มั่นใจว่าเป็นหุ้นที่ดี ไม่น่าจะมีการปั่น เพราะที่ผ่านมา บัวหลวง คัดสรรบริษัท อย่างดี
อันนี้สรุปเท่าที่ผมเข้าใจน่ะครับ แล้วใครรู้บ้างครับว่า ที่ผ่านมา บล.บัวหลวงจัดจำหน่าย หุ้นตัวไหน ครับ

คุณเจน ถ้าเอางบการเงินล่าดูมาดู รู้สึกจะมีรายการกำไรจากเงินลงทุนอะไรสักอย่าง ถ้าหักออก ก็จะได้ PE ประมาณ 11 เท่าค่ะ

คุณเจน ถ้าเอางบการเงินล่าดูมาดู รู้สึกจะมีรายการกำไรจากเงินลงทุนอะไรสักอย่าง ถ้าหักออก ก็จะได้ PE ประมาณ 11 เท่าค่ะ

[quote="janelovehoon"]อีกทีค่ะ ข้างล่างมันไม่ยอมหนา
-----------------------------------
แล้วค่ะ
เห็นว่า พื้นฐานถึงไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่ก็ OK

แล้วก็ตระกูลที่ดูแลอยู่ก็น่าสนใจ

-----------------------------------

krisy เขียน:คุณเจน ถ้าเอางบการเงินล่าดูมาดู รู้สึกจะมีรายการกำไรจากเงินลงทุนอะไรสักอย่าง ถ้าหักออก ก็จะได้ PE ประมาณ 11 เท่าค่ะ

เจนคิดของปี 2008 น่ะค่ะ งบการเงินล่าสุดปี 2007 อ่ะค่ะ