Thai VI

เพื่อนๆVI มีวิธีแบ่งสัดส่วน การถือหุ้น และเงินสดอย่างไร ในแต่ละช่วงเวลา
ผมมีปัญหาว่าเวลาหุ้นขึ้นมักจะไม่ค่อยมีหุ้นไว้ขาย กลับมีเงินสดถือไว้เยอะ จะซื้อไล่ราคาก็กลัวเสี่ยง แต่เวลาหุ้นลงกลับมีหุ้นสีแดงเก็บไว้เต็มพอร์ต เงินสดจะซื้อกลับไม่มี เพราะซื้อไปหมดแล้ว ยิ่งซื้อก็ยิ่งลง ลงจนไม่มีเงินซื้อแล้ว
ใครมีไอเดียดีดี ขอคำแนะนำด้วยครับ

หุ้น 100% เงินสด 0% ตลอดเวลา

สูตรผมเป็นแบบนี้ครับ

เงินฝากระยะสั้นดอกเบี้ยสูง 100%

ดอกผลของข้างต้นนำมาลงทุนหุ้น 100%

 ...

ถ้าลงหุ้น 100%ตลอดเวลา เวลาหุ้นมันลงเราจะเอาเงินที่ไหนซื้อครับ
ถ้าเราขายตัวที่เรากำไรมาซื้อ แต่ตัวที่เรากำไรมันก็ลงมาจากราคาก่อนหน้าเหมือนกัน เพราะหุ้นมันลงจากสภาวะตลาดโดยรวม เราควรจะขายตัวเก่ามาซื้อตัวใหม่ในเวลานั้นไหมครับ

ขายตัวที่คิดว่ามี upside น้อยที่สุดไปซื้อตัวที่มี upside มากกว่าครับ

อย่าติดอยู่กับ"ต้นทุน"มากจนเกินไป

kmphol เขียน:ถ้าลงหุ้น 100%ตลอดเวลา เวลาหุ้นมันลงเราจะเอาเงินที่ไหนซื้อครับ
ถ้าเราขายตัวที่เรากำไรมาซื้อ แต่ตัวที่เรากำไรมันก็ลงมาจากราคาก่อนหน้าเหมือนกัน เพราะหุ้นมันลงจากสภาวะตลาดโดยรวม เราควรจะขายตัวเก่ามาซื้อตัวใหม่ในเวลานั้นไหมครับ

1. ไม่ซื้อ
2. ขายบางตัวไปซื้อ จะขายตัวไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง
2.1 ขายตัวที่ลงน้อย
2.2 ขายตัวที่ชอบน้อยที่สุด
2.3 ขายตัวที่เลยราคาประเมินของเรามากสุด หรือใกล้ราคาประเมินของเรามากที่สุด

หวังว่าคงตอบคำถามแล้วนะครับ

...หุ้น100% Let Profit run...
...ถ้าไม่มีจะกิน ก็ขายเอากำไรบางส่วนออกมาใช้ก่อน...
...แต่ตอนนี้ มีแต่จะเพิ่มพอร์ต เพราะเงินสดอยู่กะเรานานๆมันจะหมด... :lol:

หุ้น 95% ครับ เงินสด5% ไว้ใช้จ่าย

แนวคิด VI คือคุณเข้าไปร่วมเป็นเจ้าของกิจการที่ดีนะครับ
แล้วจะเก็บเงินสดไว้ทำไม

ยกเว้นกรณีที่คุณยังมองหาหุ้นตัวที่ชอบไม่ได้

หุ้น 100% เหมือนกันครับ

ส่วนตัวผมตอนนี้เต็มปอด 100% ครับ รอกระสุนเข้ามาเติมทุกสิ้นเดือน เงินส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายก็ลงทุนในหุ้นหมด

แต่ยังดีนะครับที่ยังพอมีสภาพคล่องอยู่บ้าง ประสบการณ์เรื่องการขายยังไม่มี มีแต่รับซื้ออย่างเดียว :lol:

หุ้น 99% เหลือนิดหน่อยไว้ใช้ประจำวัน

ผมว่า จังหวะการลงทุนที่ไม่ถูกจังหวะนะครับ

เพราะว่าช่วงที่หุ้นขึ้นก็ควรมีหุ้นมาก

แต่ช่วงหุ้นลง ก็ควรมีเงินสดไว้มากกว่า

แต่ตอนนี้สลับกันอยู่นะครับ

หุ้น 80%
พันธบัตร หรือ กองทุนในพันธบัตรประมาณ 19%
เงินสด 1% เพื่อเก็บไว้(ให้)ภรรยา(เผื่อ) shopping ครับ

บางคนเค้าให้เก็บเงินสดไว้บ้าง ประมาณค่าใช้จ่าย/เดือน  1 - 3 เดือน
เพราะบางครั้ง เราไม่สามารถขายหุ้นได้ในขณะนั้น
เช่น ตอนนั้นหุ้นราคาตกมาก(ตลาดหมี) หรือบางครั้ง ยังเป็นหุ้น VI อยู่ แล้วจะขายลงหรือ

ก็แล้วแต่แนวคิดนะครับ

แต่มีหลายครั้งที่เงินสดอยู่ในมือแล้ว อาจมือคันอยากซื้อหุ้น
อาจต้องให้ใครมาเกาให้มั้งครับ  :D

สรุป ผมว่า มีเงินสดเก็บไว้บ้างบางส่วนก็ดี อาจจะซัก 5-10% ของเงินที่ลงทุนในหุ้นก็ได้ครับ (เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับผม)

ผมทำงานที่บ้านเวลามีกำไรเหลือก็เอามาซื้อหุ้นตลอดไม่เคยถ์อเงินสด ไม่รวมเงินหมุนเวียนในร้านนะครับ บางครั้งมีหุ้นราคาน่าสนใจแต่ไม่มีเงินก็ยืมที่บ้านมาซื้อก่อนพอปันผลออกก็ไปจ่ายคืน :lol:

... เขียน:ขายตัวที่คิดว่ามี upside น้อยที่สุดไปซื้อตัวที่มี upside มากกว่าครับ

อย่าติดอยู่กับ"ต้นทุน"มากจนเกินไป

ตามนั้นค่ะ(ลอกเลย )


ปล.กรณีที่ตั้งเกณฑ์ว่า ขายตัวลงน้อย ไปซื้อตัวลงมาก ....ระวังค่ะ...ระวัง
บางทีไอ้ตัวที่ลงมากมันลงต่อเรื่อยๆ ส่วนตัวที่ลงน้อย บางทีเพราะมันมีดีจึงลงน้อย พอถึงเวลาขึ้นมันอาจขึ้นได้ดีกว่า

ตัวที่ลงมามากกว่า อาจไม่ได้แปลว่า upside มากกว่าเสมอไป (แน่นอนว่ามันบ่อยไปที่เป็นอย่างนั้น แต่มิได้หมายถึงเสมอไป)

เมนพอยท์คือ ควรรู้แวยู่ของมัน จึงจะหมายถึงรู้ upside ของมัน
และควรรู้ทิศทางของมันด้วย ก็คือรู้อัตราการเติบโต


มันไม่มีใครรู้เชี๊ยะๆหรอก แต่อย่างน้อยพยายามหน่อยที่จะรู้ พยายามหน่อยที่จะคำนึง คำนวน ถ้าไม่รู้ก็กะๆเอาแหละ อนาคตมันเป็นเรื่องที่ต้องกะๆเดาๆเอาเสมออยู่แล้ว

:lol:

โดยประมาณนะครับ
ผมถือเงินสดประมาณ 5%
กองทุนตราสารหนี้ 10% เผื่อไว้ฉุกเฉินจะได้ไม่ต้องขายหุ้น
หุ้น 85% ครับ
แบ่งเป็น
1. ซื้อขายในport ตัวเองประมาณ 55%
2. อีก 30% ซื้อกองทุนหุ้นครับ แบ่งเงินเดือนมาซื้อประจำ ถือยาวไม่ขาย(ให้มืออาชีพช่วยบ้าง เพราะตัวเองบางครั้งชอบซื้อขายตามอารมณ์ของตลาด)

มีเงินแค่พอให้ซัก 6 เดือนที่เหลือเป็นหุ้นหมด

ถ้ามีไม่หุ้นน่าสนใจถึงจะถือเงินสด

แต่เล่นหุ้นมา4 ปีกว่า ไม่เคยถือเงินสดเกิน อาทิตย์สักที

sunrise เขียน:มีเงินแค่พอให้ซัก 6 เดือนที่เหลือเป็นหุ้นหมด

ถ้ามีไม่หุ้นน่าสนใจถึงจะถือเงินสด

แต่เล่นหุ้นมา4 ปีกว่า ไม่เคยถือเงินสดเกิน อาทิตย์สักที

แล้วเอาเงินที่ไหนมา เพิ่มทุน   :lol:

สไตล์ใครสไตล์มันครับ แต่อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้ผมหวนนึกไปครั้งหนึ่ง
ตอนที่ผมแอบหนีงานเพื่อไปเรียนพิเศษ :lol: ...

อ. ท่านให้โจทย์มาทำนองว่า ถ้าคุณมีเงิน 100 บาท และกำลังเลือกซื้อบ้านหลังหนึ่งในจำนวน 2 หลังต่อไปนี้
บ้านหลังแรกราคา 100 บาท และหลังที่ 2 ราคา 80 บาท
หลังจากประเมินบ้านเสร็จสรรพ ก็สามารถอนุมานได้ว่าบ้านหลังแรกมีมูลค่า 130 บาท
และหลังที่ 2 มีมูลค่า 105 บาท

คำถามคือ..?
คุณควรจะซื้อบ้านหลังไหนครับ ระหว่าง...
หลังที่ 1 ที่ให้ผลตอบแทน 30% หรือ...
หลังที่ 2 ที่ให้ผลตอบแทน 31.25%

ปล.
คำตอบคงไม่มีผิดไม่มีถูกหรอกครับ เรื่องของเรื่องก็คือความเห็นของผมไม่ตรงกับ อ.
เพราะพอร์ตหุ้นของผม หุ้น 100% ...

nam เขียน:

แล้วเอาเงินที่ไหนมา เพิ่มทุน

ส่วนใหญ่จะอยู่ในหุ้นครับ
แต่หากว่าขายไปแล้ว  รอซื้อหุ้นตัวอื่น หรือว่าไม่มีตัวไหนที่น่าซื้อ

ก็จะไปซื้อ k- treasury พักเงินไว้ก่อน  

พอเห็นหุ้นราคาน่าซื้อ ก็ค่อยมาซื้อ

หากเจอการเพิ่มทุน  ขอ  พ่อแม่ ครับ

ส.สลึง เขียน:สไตล์ใครสไตล์มันครับ แต่อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้ผมหวนนึกไปครั้งหนึ่ง
ตอนที่ผมแอบหนีงานเพื่อไปเรียนพิเศษ :lol: ...

อ. ท่านให้โจทย์มาทำนองว่า ถ้าคุณมีเงิน 100 บาท และกำลังเลือกซื้อบ้านหลังหนึ่งในจำนวน 2 หลังต่อไปนี้
บ้านหลังแรกราคา 100 บาท และหลังที่ 2 ราคา 80 บาท
หลังจากประเมินบ้านเสร็จสรรพ ก็สามารถอนุมานได้ว่าบ้านหลังแรกมีมูลค่า 130 บาท
และหลังที่ 2 มีมูลค่า 105 บาท

คำถามคือ..?
คุณควรจะซื้อบ้านหลังไหนครับ ระหว่าง...
หลังที่ 1 ที่ให้ผลตอบแทน 30% หรือ...
หลังที่ 2 ที่ให้ผลตอบแทน 31.25%

ปล.
คำตอบคงไม่มีผิดไม่มีถูกหรอกครับ เรื่องของเรื่องก็คือความเห็นของผมไม่ตรงกับ อ.
เพราะพอร์ตหุ้นของผม หุ้น 100% ...

ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินด้านอืนเลย ผมเลือกข้อแรกเช่น มีรายได้ประจำ รถบ้านไม่ต้องส่ง มีประกันสูขภาพ พ่อแม่มีรายได้ เป็นต้น

ถ้าโอกาสที่จะใช้เงินเลือกข้อสอง เช่นเป็นงาน freelance, รายได้เป็นการค้าขายที่รายได้ไม่สม่ำเสมอ

เพราะ ผลตอบแทน ที่เป็น ตัวเงินสำคัญกว่า เป็น ROE
เหมือนมีเงิน 10 ROE 20%  กับ กู้มาอีก 90 ได้ ROA 5% แต่ ROEกลายเป็น 50%
ทั้งหมดนี่ไม่ได้คุยเรื่องความเสี่ยงเลย
การลงทุนควรที่ดีมีdownside risk น้อย หรือมีโอกาสสำเร็จสูงมากกว่ามาก

paul_n เขียน:เงินสด 1% เพื่อเก็บไว้(ให้)ภรรยา(เผื่อ) shopping ครับ

เหมือนกันเลยครับ แฮะๆ :lol:  
ไม่งั้นบ่นไม่เลิก  :oops:

แหะๆ อายจังเลย อยู่ในหุ้นแค่ 20% เท่านั้น กลัวมากๆ

Radio เขียน:แหะๆ อายจังเลย อยู่ในหุ้นแค่ 20% เท่านั้น กลัวมากๆ

ทำไมน้อยจัง

พี่กลัวอะไรอ่ะครับ แล้วที่เหลือนี่ไปอยู่ในอะไรเหรอคับ ช่วยเล่าให้ฟังทีคับ

แบบว่า...
อยู่กับแฟน 100% ครับ..อายจัง..
ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องหุ้นอยู่ กะว่าจะค่อยๆลงทุนไปเรื่อยๆ..อยากให้ปริมาณการลงทุนเติบโตไปพร้อมๆกับปริมาณความรู้ครับ

ของผมจำแนกได้อย่างนี้ครับ

60% หุ้น
13% เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ย 2% (ไว้ลงทุน)
 9% เงินฝากประจำ (เดี๋ยวครบงวดจะเอามาซื้อหุ้นและ)
13% LTF (อีก 3 ปีกับ 4 ปีตามลำดับ)
 5% ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ (ถ้าจ่ายเบี้ยครบจะเป็น 20%)

ของผม

ตราสารหนี้ 50%

หุ้น 50%

กำลังถ่ายไปทางหุ้นเพิ่มถ้ามีโอกาสครับ