Thai VI

เครียดมากครับ หุ้นที่ซื้อไว้ตั้งแต่ถูก ๆ ปัจจุบันราคาแพงขึ้น ทุกวัน นั่นเท่ากับผมต้องหาเงินมาซื้อหุ้นที่ผมต้องการในราคาที่แพงขึ้น ในภาวะที่เงินเดือนเท่าเดิม เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ของแพงขึ้น

เนื่องจากหุ้นสุดเลิฟ ของผมนั้นผมซื้อสะสมทุกเดือนไม่เคยขาด รับปันผลสุดยอด ปัจจุบันบอกได้เลยว่าเงินเท่าเดิมซื้อได้น้อยลง

เพื่อน ๆ แก้ไขปัญหานี้อย่างไรกันบ้างครับ บอกตรง ๆ ผมทำใจขายไม่ได้ครับ เพราะถ้าขายเท่ากับต้องซื้อคืน อาจจะในราคาที่แพงขึ้นอีก

ถ้าคิดว่ายังมี MOS ก็ซื้อเพิ่มต่อไปครับ
ถ้าคิดว่าเต็มมูลค่าแล้ว ก็ถือครับ
ถ้าคิดว่าเกินมูลค่าก็ขายแล้วหาตัวใหม่ครับ

ดีใจด้วยนะครับที่กำไร

ไปยังไงมายังไงกันนี่ ถ้าไม่ซื้อทำไมต้องขายด้วย

ไม่ซื้อแล้วไปซื้อตัวอื่นไม่ได้เหรอ

พอดีไม่เคยมีหุ้นสุดเลิฟขนาดตามซื้อตลอดซะด้วย ของผมมีแต่ซื้อครบจำนวนที่ต้องการก็เลิกซื้อ หรือซื้อครบเงินที่จะซื้อก็เลิกซื้อ ราคาเกินที่อยากจะซื้อก็เลิกซื้อ

ไม่เคยที่ตอนซื้อกับตอนขายจะอยู่ในเวลาเดียวกันได้เลยสักครั้ง จะขายก็เมื่อคิดว่าสงสัยมันจะลงแล้วก็ขาย (ประสบการณ์ขายน้อยคงพุดมากไม่ได้ ส่วนใหญ่ไม่ขาย)

ก็เอาเงินไปซื้อตัวอื่นซิครับ หรือไม่ถ้าเครียดมากก็ตัดใจขายได้เลยจะได้ไม่เครียด หรือไม่ก็อดทนไปครับให้ชินไปเอง แต่ซื้อเพิ่มราคาที่สูงต้องดูเรื่องความคุ้มค่าของการลงทุน กลับความเสี่ยงที่มากขึ้นจากส่วนลดที่น้อยลง

อีกอย่างครับ อย่าลืมกลับมาดูเหตุผลและเป้าหมายในตอนแรกที่เริ่มซื้อ

ซื้อแล้วขึ้น หรือลงยังพอไหว

ซื้อแล้วนิ่ง น่าจะเซ็งกว่านะครับ  

เข้าใจสภาพจิตใจเจ้าของกระทู้ครับ (ผมก็เคยเป็น ) กรณีนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ได้มีเงินก้อนใหญ่โต แล้วเจอหุ้นสุดเลิฟแล้วทุ่มซื้อทีเดียวตั้งแต่ครั้งแรก แต่มักจะเกิดสำหรับคนที่มีเงินก้อนจำนวนหนึ่ง แล้วมีรายได้เข้ามาเป็นรายงวด แล้วนำรายได้นั้นมาทยอยซื้อสะสม แต่บังเอิญหุ้นตัวนี้ดันขึ้นหนีจากราคาเดิมไปเรื่อยๆ

คำแนะนำสำหรับวิธีที่ผมใช้ ผมตั้งราคาเป้าหมายไว้ครับ ว่าราคาไหน ณ พีอี ที่เท่าไหร่ ที่เราควรจะพอในการเก็บเพิ่ม และราคาไหนที่เราควรจะขาย เช่น คุณไปเจอหุ้นตัวหนึ่งประเมินว่าราคาที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 80 บาท ราคาปัจจุบัน 33 หยุดนิดนึงถามตัวเองว่าต้องการกำไรกี่% สมมติ 50% ดังนั้นพอถึงราคา 55 ก็หยุดเก็บเพิ่ม และรอขายในราคา 80 แต่ถ้ามองว่าศักยภาพในการทำกำไรของปีต่อไปก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ eps สูงขึ้น ก็มาปรับราคาประมาณการทั้งหมดใหม่ครับ

ยินดีด้วยครับสำหรับกำไร  :8)

ที่ราคาต่ำมากๆ  เห็นเป็น............หุ้นสุด love ครับ
ที่ราคาสูงขึ้นต้องเปลี่ยนภาพที่มองครับ อาจเหลือเพียง...... หุ้นน่า love
พอราคาสูงมาก ๆ น่าจะเป็น..............หุ้นน่า sell ครับ

มาแปลกดีเนอะ

มีแต่คนเครียดเพราะหุ้นตก ซื้อแล้วขาดทุน

ถ้าซื้อแล้วขึ้น เป็นผมมีแต่เฮสิ สบาย...  :8)

...สงสัยจะเหมือนผมป่าว คือ มีเงินก็ซื้อหุ้นหมด...
...จนตอนนี้สภาพคล่องเริ่มแย่ มีตังค์ติดตัวไม่กี่ร้อย...

หนักใจว่า ซื้อที่ไร ลงทุกที
ขายที่ไร หุ้นขึ้นทุกที

แบบนี้ทำไงดีล่ะครับ

ผมแนะนำให้ลองไปคุยกับเพื่อนที่ซื้อหุ้นแล้วหุ้นก็ตกเอาๆ ดูครับ อาจจะหายเครียด

trillionaire เขียน:...สงสัยจะเหมือนผมป่าว คือ มีเงินก็ซื้อหุ้นหมด...
...จนตอนนี้สภาพคล่องเริ่มแย่ มีตังค์ติดตัวไม่กี่ร้อย...

เหมือนกันเลย ... จนเมียบ่น  :oops:

Little Boy เขียน:เช่น คุณไปเจอหุ้นตัวหนึ่งประเมินว่าราคาที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 80 บาท ราคาปัจจุบัน 33 หยุดนิดนึงถามตัวเองว่าต้องการกำไรกี่% สมมติ 50% ดังนั้นพอถึงราคา 55 ก็หยุดเก็บเพิ่ม และรอขายในราคา 80

80 เลยเหรอครับ  :B

เริ่มศึกษาหาหุ้นสุด love ตัวใหม่ครับ อาจจะรักน้อยกว่าแต่คงมีบ้างแหละครับ
ในตลาดหุ้นออกเยอะแยะไป

แสดงว่าจขกท มาถูกทางแล้วครับสำหรับวิธีเลือกหุ้น
ผมเองเข้าใจครับเพราะว่าเจอสภาพเดียวกันครับ กว่าจะเลือกได้ กว่าจะมีกระสุนเข้ามาต้องรอสิ้นเดือน พี่ท่านก็ไปซะไม่เหลือที่ว่างให้หายใจ

เป็นตัวเดียวในปอดที่บวกมากที่สุดแต่ไม่มีผลอะไรมาก เพราะมีสัดส่วนน้ำหนักน้อย เพราะวิ่งซะจนไม่กล้าซื้อ ได้แต่รอ รอ รอ

ผมว่าจขกทใช้วิธีการเลือกหุ้นที่ได้ผลแล้วมองหาตัวสุด love ตัวใหม่ก็ได้นี่ครับ ตลาดและโอกาสมีอยู่เสมอ