กองทุนอสังหาริมทรัพย์กองนี้น่าสนใจหรือเปล่าครับ
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 30, 2008 11:09 pm
กองแรก Luxury Real Estate Investment Fund: Thailand 1st Freehold Hotel Property Fund ของ TMB
อันนี้ลงทุนในโรงแรมระดับบน เป็น Freehold
โรงแรมอยู่บนเกาะยาวน้อย ระหว่าง 3 จังหวัด: ภูเก็ต กระบี่ พังงา
ประกันผลตอบแทน 5 ปี : 6 , 6.5 ,7 ,7 ,7 % ต่อปีตามลำดับ
ผู้เข้ามาบริหารโรงแรม คือ Sixsenes
โดยจะใช้ชื่อ โครงการ คือ Sixsences Hideaway ยาวน้อย
เจ้าของเดิม คือ บ.ป่าเกาะ จะทำการถือหน่วยลงทุน 1/3 ของทั้งหมด
และจะไม่ทำการขายภายในระยะเวลา 2 ปี
หลังจากทำการขายหน่วยลงทุนเสร็จจะนำเข้าตลท.
อีกกองกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ Multi-National Residence Fund (MNRF)
เป็น Freehold เหมือนกัน
อ่านต่อที่นี่ ครับ
http://www.mfcfund.com/php/th/NewsMFC.php?ID=275
ที่สนใจเพราะทั้งสองกองเป็น Freehold ทั้งคู่
แต่ละกองมีความน่าสนใจคนละแบบ
ซึ่งถ้าดูจากความเสี่ยงแล้ว
กองของ TMB จะมีความเสี่ยงกว่า
เพราะเป็นธุรกิจโรงแรมซึ่งไม่สามารถกำหนดรายได้ได้แน่นอน
ซึ่งต่างจากของ MFC ที่ทำธุรกิจให้เช่าที่พักระยะยาวโดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นต่างชาติ
แต่ถ้ามองในแง่ของตัวอสังหาริมทรัพย์
มูลค่าที่ดินในอนาคตของ TMB อาจจะมีค่ามากกว่า
เพราะมีจุดเด่นมากกว่า ประมาณว่า หาได้ยากมากในปัจจุบัน
ซึ่งต่างจากของ MFC ที่เน้นให้เช่าบ้านซึ่ง ถ้ามองแล้ว
ตามความรู้สึกผม คือ ยังไม่มีความแตกต่าง คือเช่าที่ใหนก็เหมือนกัน
การขึ้นราคาค่าเช่าในอนาคตอาจจะทำได้ยากกว่า
เพราะที่ในเมืองยังมีอีกเยอะ
ก็เลยอยากมาถามความเห็นหลายๆคนจะได้รู้ว่า ผมคิดถูกหรือเปล่า
อันนี้ลงทุนในโรงแรมระดับบน เป็น Freehold
โรงแรมอยู่บนเกาะยาวน้อย ระหว่าง 3 จังหวัด: ภูเก็ต กระบี่ พังงา
ประกันผลตอบแทน 5 ปี : 6 , 6.5 ,7 ,7 ,7 % ต่อปีตามลำดับ
ผู้เข้ามาบริหารโรงแรม คือ Sixsenes
โดยจะใช้ชื่อ โครงการ คือ Sixsences Hideaway ยาวน้อย
เจ้าของเดิม คือ บ.ป่าเกาะ จะทำการถือหน่วยลงทุน 1/3 ของทั้งหมด
และจะไม่ทำการขายภายในระยะเวลา 2 ปี
หลังจากทำการขายหน่วยลงทุนเสร็จจะนำเข้าตลท.
อีกกองกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ Multi-National Residence Fund (MNRF)
เป็น Freehold เหมือนกัน
อ่านต่อที่นี่ ครับ
http://www.mfcfund.com/php/th/NewsMFC.php?ID=275
ที่สนใจเพราะทั้งสองกองเป็น Freehold ทั้งคู่
แต่ละกองมีความน่าสนใจคนละแบบ
ซึ่งถ้าดูจากความเสี่ยงแล้ว
กองของ TMB จะมีความเสี่ยงกว่า
เพราะเป็นธุรกิจโรงแรมซึ่งไม่สามารถกำหนดรายได้ได้แน่นอน
ซึ่งต่างจากของ MFC ที่ทำธุรกิจให้เช่าที่พักระยะยาวโดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นต่างชาติ
แต่ถ้ามองในแง่ของตัวอสังหาริมทรัพย์
มูลค่าที่ดินในอนาคตของ TMB อาจจะมีค่ามากกว่า
เพราะมีจุดเด่นมากกว่า ประมาณว่า หาได้ยากมากในปัจจุบัน
ซึ่งต่างจากของ MFC ที่เน้นให้เช่าบ้านซึ่ง ถ้ามองแล้ว
ตามความรู้สึกผม คือ ยังไม่มีความแตกต่าง คือเช่าที่ใหนก็เหมือนกัน
การขึ้นราคาค่าเช่าในอนาคตอาจจะทำได้ยากกว่า
เพราะที่ในเมืองยังมีอีกเยอะ
ก็เลยอยากมาถามความเห็นหลายๆคนจะได้รู้ว่า ผมคิดถูกหรือเปล่า