คัดหุ้นเด็ดกลุ่มโรงพยาบาล
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 08, 2008 8:42 am
08 เมษายน 2008
คัดหุ้นเด็ดกลุ่มโรงพยาบาล
--------------------------------------------------------------------------------
นักวิเคราะห์ออกโรงการันตีหุ้นเด่นกลุ่มโรงพยาบาลรอบนี้ BGH และ KH ยังครองแชมป์ จากปัจจัยพื้นฐานที่หนาแน่นทั้งแผนการขยายสาขาและคนไข้ต่างชาติยังแห่เข้าใช้บริการไม่หยุดหย่อน คาดแผนคลอดหุ้นกู้ของ BGH มูลค่า 5,000 ล้านบาทประหยัดออกเบี้ยได้อื้อ เล็งราคาเหมาะสม 42.00 บาท ส่วน KH ให้เป้าหมาย 10.90 บาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ยังโดดเด่นและน่าสนใจเข้าลงทุนยังคงเป็นหุ้นของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) BGH เนื่องจากมองว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการปรับปรุงมาตราฐานระบบ JCI ในปีนี้จะไม่สูงเท่ากับปี 2550 และแนวโน้มรายได้ในส่วนของผู้ป่วยโรคซับซ้อนจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
ขณะเดียวกันบริษัทจะรับรู้รายได้จากกำไรในการถือหุ้นจำนวน 38.24% ในโรงพยาบาลรามคำแหงและอีกทั้งคนไข้ต่างชาติที่ขยายตัวยังเป็นตัวสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีแผนที่จะรีไฟแนนซ์หนี้ด้วยการออกหุ้นกู้วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.11%
ส่วนที่เหลือเป็นหุ้นกู้อายุ 5 ปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.84% อย่างไรก็ดีแผนการออกหุ้นกู้ดังกล่าวช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยลงประมาณ 1-1.5% ขณะที่ราคาพื้นฐานของหุ้นประเมินไว้ที่ 42 บาท มี Upside เหลือประมาณ 30% (ประเมินจากราคาระดับ 3.25 บาท)
นอกจากนี้หุ้นที่มองว่าโดดเด่นรองลงมาคือหุ้นของ บริษัท บางกอก เชน ออสปิทอล จำกัด (มหาชน) KH เนื่องจากจะมีรายได้เพิ่มในส่วนของอัตราเหมาจ่ายของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าจาก 1,900 มาเป็น 2,100 บาท ต่อคนต่อปี รวมถึงการปรับขึ้นของสำนักงานประกันสังคมจาก 1,630 ต่อคนต่อปีเป็น 1,674 บาทต่อคนต่อปี โดยจะส่งผลดีต่อรายได้เฉลี่ยต่อหัวซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้นในปีนี้
อีกทั้งบริษัทยังได้รับประโยชน์จากการขยายธุรกิจในการเป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางทั้งโรคหัวใจ มะเร็งและล่าสุดโรคตา ส่วนราคาตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นดังกล่าวประเมินไว้ที่ 10.90 บาทเหลือ Upside 50% (ประเมินจากราคา 7.20 บาท)
สำหรับหุ้นที่มองว่าโดดเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลยังคงเป็นโรงพยาบาลกรุงเทพและโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ส่วนของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์โตไม่มากเท่าไหร่เนื่องจากมีเครือข่ายน้อยและส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว นักวิเคราะห์กล่าว
นายชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) BGH กล่าวว่า แนวโน้มผลปกระกอบการไตรมาส 1/2551 ยังคงมีแนวโน้มเติบโต อีกทั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 บริษัทได้เปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญซึ่งคนไข้อยู่ในระดับน่าพอใจส่วนภาพรวมของธุรกิจโรงพยาบาลต้องขอเวลาประเมินผลอีกประมาณ 1 เดือนถึงจะกำหนดทิศทางได้แน่ชัด
ด้านนักวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น KH ทางเทคนิคต้องดูที่ระดับราคา 7.40 บาทว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านไปได้หรือไม่และหากผ่านไปได้จะเป็นสัญญาณที่ดีเพราะราคามีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นไปได้ถึงระดับแนวต้านหลักที่ 7.80 บาท สำหรับแนวรับประเมินไว้ที่ 7.00 บาท แนะเล่นตามกรอบที่กำหนดให้
สำหรับหุ้น BGH ราคาทางด้านเทคนิคมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันและมีโอกาสวิ่งทะลุ 34.00 บาทซึ่งเป็นระดับแนวต้านในรอบนี้ ขณะที่แนวรับมองไว้ที่ 31.25 บาท ส่วน BH ประเมินกรอบลงทุนไว้ที่ 32.25- 34.50 บาท
http://www.thunhoon.com/home/
--------------------------------------------------------------------------------
คัดหุ้นเด็ดกลุ่มโรงพยาบาล
--------------------------------------------------------------------------------
นักวิเคราะห์ออกโรงการันตีหุ้นเด่นกลุ่มโรงพยาบาลรอบนี้ BGH และ KH ยังครองแชมป์ จากปัจจัยพื้นฐานที่หนาแน่นทั้งแผนการขยายสาขาและคนไข้ต่างชาติยังแห่เข้าใช้บริการไม่หยุดหย่อน คาดแผนคลอดหุ้นกู้ของ BGH มูลค่า 5,000 ล้านบาทประหยัดออกเบี้ยได้อื้อ เล็งราคาเหมาะสม 42.00 บาท ส่วน KH ให้เป้าหมาย 10.90 บาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ยังโดดเด่นและน่าสนใจเข้าลงทุนยังคงเป็นหุ้นของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) BGH เนื่องจากมองว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการปรับปรุงมาตราฐานระบบ JCI ในปีนี้จะไม่สูงเท่ากับปี 2550 และแนวโน้มรายได้ในส่วนของผู้ป่วยโรคซับซ้อนจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
ขณะเดียวกันบริษัทจะรับรู้รายได้จากกำไรในการถือหุ้นจำนวน 38.24% ในโรงพยาบาลรามคำแหงและอีกทั้งคนไข้ต่างชาติที่ขยายตัวยังเป็นตัวสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีแผนที่จะรีไฟแนนซ์หนี้ด้วยการออกหุ้นกู้วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.11%
ส่วนที่เหลือเป็นหุ้นกู้อายุ 5 ปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.84% อย่างไรก็ดีแผนการออกหุ้นกู้ดังกล่าวช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยลงประมาณ 1-1.5% ขณะที่ราคาพื้นฐานของหุ้นประเมินไว้ที่ 42 บาท มี Upside เหลือประมาณ 30% (ประเมินจากราคาระดับ 3.25 บาท)
นอกจากนี้หุ้นที่มองว่าโดดเด่นรองลงมาคือหุ้นของ บริษัท บางกอก เชน ออสปิทอล จำกัด (มหาชน) KH เนื่องจากจะมีรายได้เพิ่มในส่วนของอัตราเหมาจ่ายของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าจาก 1,900 มาเป็น 2,100 บาท ต่อคนต่อปี รวมถึงการปรับขึ้นของสำนักงานประกันสังคมจาก 1,630 ต่อคนต่อปีเป็น 1,674 บาทต่อคนต่อปี โดยจะส่งผลดีต่อรายได้เฉลี่ยต่อหัวซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้นในปีนี้
อีกทั้งบริษัทยังได้รับประโยชน์จากการขยายธุรกิจในการเป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางทั้งโรคหัวใจ มะเร็งและล่าสุดโรคตา ส่วนราคาตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นดังกล่าวประเมินไว้ที่ 10.90 บาทเหลือ Upside 50% (ประเมินจากราคา 7.20 บาท)
สำหรับหุ้นที่มองว่าโดดเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลยังคงเป็นโรงพยาบาลกรุงเทพและโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ส่วนของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์โตไม่มากเท่าไหร่เนื่องจากมีเครือข่ายน้อยและส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว นักวิเคราะห์กล่าว
นายชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) BGH กล่าวว่า แนวโน้มผลปกระกอบการไตรมาส 1/2551 ยังคงมีแนวโน้มเติบโต อีกทั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 บริษัทได้เปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญซึ่งคนไข้อยู่ในระดับน่าพอใจส่วนภาพรวมของธุรกิจโรงพยาบาลต้องขอเวลาประเมินผลอีกประมาณ 1 เดือนถึงจะกำหนดทิศทางได้แน่ชัด
ด้านนักวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น KH ทางเทคนิคต้องดูที่ระดับราคา 7.40 บาทว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านไปได้หรือไม่และหากผ่านไปได้จะเป็นสัญญาณที่ดีเพราะราคามีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นไปได้ถึงระดับแนวต้านหลักที่ 7.80 บาท สำหรับแนวรับประเมินไว้ที่ 7.00 บาท แนะเล่นตามกรอบที่กำหนดให้
สำหรับหุ้น BGH ราคาทางด้านเทคนิคมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันและมีโอกาสวิ่งทะลุ 34.00 บาทซึ่งเป็นระดับแนวต้านในรอบนี้ ขณะที่แนวรับมองไว้ที่ 31.25 บาท ส่วน BH ประเมินกรอบลงทุนไว้ที่ 32.25- 34.50 บาท
http://www.thunhoon.com/home/
--------------------------------------------------------------------------------