Thai VI

ผมถูกตั้งโจทย์ให้ลงทุนให้หลานของผม (ที่พึ่งเกิด) โดยเขาจะไม่ได้ใช้เงินก้อนนี้ไปจนถึงอายุ20ปี นี่ถือเป็นแบบผึกหัดการมองระยะยาวๆ
เหตุที่ผมว่ามันน่าสนใจคือ 20ปีในอนาคตเป็นสิ่งที่ยากที่จะคาดเดา ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมประเภท IT นั้น แทบจะไม่มีทางนึกออกเลย ว่ามันจะมีหน้าตาเป้นยังไง แต่บางindustry เช่น อาหาร หรือ การแพทย์ นั้นคงจะอยู่กับเราไปอีกนาน
ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ที่ หุ้นนะครับ จะเป็นcommodity หรือ ประเทศก็ได้
ใครมีไอเดียแหวกๆ ก็postกันเข้ามานะครับ เพื่อความสนุก กรุณาแถมท้ายด้วยเหตุผลมาซักเล็กน้อย ว่าทำไมคุณถึงเลือก choice ของคุณ
ของผม ผมเลือกหุ้นในประเทศ europe ตะวันออก เพราะกำลังเติบโตเหมือนประเทศกำลังพัฒนาทั่วไป แต่มีทรัพยากรคนที่มีการศึกษาสูงมาก โดยเฉพาะสาขาวิทย์
สำหรับหุ้นไทย ผมคงเลือกหุ้นอาหาร เพราะกำไรต่อเนื่องยาวนาน ถึงจะโตไม่ค่อยเร็ว แต่ก็ไม่เจ๊งง่ายๆ
สุดท้ายก็ทองครับ อันนี้ถือว่าdefensiveเพราะถ้าเกิดตลาดทุนโลกล่มสลายขึ้นมาจริงๆ ผมจะได้บอกหลานได้ว่า พอยังมีทองเก็บอยู่บ้าง

ไม่มีหรอกครับ ที่ขายไม่ได้จริง ๆ น่ะ ถ้าคุณซื้อให้หลานคุณ ก็ต้องซื้อในนามคุณอยู่ดี ไม่ว่าอุตสาหกรรมไหน ๆ บริษัทอะไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องเจอช่วงวิกฤต ทั้งระดับจุลภาคและมหภาค ซึ่งการที่จะบอกว่า ซื้อแล้วถือ 20 ปีโดยขายไม่ได้นั้น ผมมองไว้แค่ 2 อย่างคือ ทองคำ และ ที่ดิน

sauce   ครับ  อีก 20 ปี คิดว่าคนไทยยังกินซอสตราภูเขาทองอยู่ครับ

BGH MINT CPALL

ไม่มีอะไร 100% หรอกครับในตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย

แต่ถ้าจะเลือก ณ เวลานี้ ตัวเดียว ราคาไม่แพงเกินไป (เมื่อเทียบกับปันผลเป็นหลัก เพราะเข้าใจว่ายังไงก็คงไม่หนีจากตัวนี้ง่าย ๆ เลยเลือกดูผลตอบแทนด้วยเงินปันผลเป็นหลัก) และไม่น่าหวือหวาตามตลาดมากนัก

และถือได้ 20 ปี

ผมเลือก... SAUCE

ข้อเสียมีอย่างเดียว คือ คนพอร์ทใหญ่ลงทุนได้ยากมาก เพราะมีการซื้อขายน้อย จะเก็บตัวนี้ต้องใจเย็น ๆ ทยอยเก็บไปเรื่อย ๆ วันละ 1-2 ล็อตก็ได้

ขืนกวาดรวดเดียวหมด คง ceiling แน่ :lovl:

ที่ดินครับ

ผมตั้งสมมุติฐานก่อนว่า หุ้นที่ราคาดีที่สุดในอีก 20 ปีข้างหน้า คือหุ้นที่ คนที่อายุ 15-25 ปี ในวันนี้ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์และบริการ เพราะพวกนี้จะเป็นผู้ที่มีอำนาจซื้อสูงในเวลานั้น ถ้าใครอายุประมาณนี้ก็แค่ถามใจตัวเองก็พอ แต่มีข้อแม้ที่สำคัญมาก 2 ข้อนะครับ คือ 1.ต้องไม่มีสินค้าและบริการในอนาคตที่มาทดแทน 2.คือ มี barrier of entry สูงมาก
  ถ้าระยะเวลาการลงทุนเปลี่ยนไป เช่น 5 ปี ก็ต้องเข้าใจ คนกลุ่มอายุ 25-35ปีเป็นต้น
  หุ้นที่เข้าข่าย mega trend คือโดนใจคนกลุ่มใหญ่และยาวนานจะทำให้เรากอบโกยได้ยาวนานและมากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่าง CPALL MINT
   สำหรับ เรื่องสุขภาพ ผมยังไม่แน่ใจว่า บริษัทที่ มีกิจการที่ซ่อมสุขภาพ (โรงพยาบาล) ที่เหมาะกับคนกลัวตาย หรือ สร้างสุขภาพ (อาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อน) ที่เหมาะกับคนกลัวเจ็บ ในอนาคต อย่างไหนจะดีกว่ากัน (คนกลัวตาย หรือ คนกลัวเจ็บ อย่างไหนจะมากกว่ากัน) แต่ผมขอเลือก บริษัทที่เกี่ยวกับการสร้างสุขภาพ หรือหุ้นสำหรับคนกลัวเจ็บ  เพราะ เป็นคนกลุ่มใหญ่กว่า และนักลงทุนยังไม่สนใจมันมากนัก และโอกาสขยายตัวมีได้อีกมาก

BAFS ครับ คิดว่าอีก 20 ปีคนน่าจะยังไม่มี teleportation

นึกถึงหุ้นโรงพยาบาลครับ

มาม่า

ซื้อที่ดิน ถ้าตาม ตจว ก็ต้องหมั่นไปดูแลนะครับ
ไม่งั้นผ่านไปอีกที อาจจะเจอป้ายประกาศขายที่ดินปักอยู่บนที่ของเราก็ได้
(เพื่อนคุณพ่อผมเจอมากะตัวเลย)

เรื่องอสังหาริมทรัพย์เนี่ยะ ซื้อแล้ววางไว้เฉยๆไม่ได้ครับ ต้องหมั่นไปดู ถ้า จขกท มีเวลาดูแล ผมว่า อพาร์ทเม้นให้เช่า ดีมากๆเลยครับ ไหนๆก็ต้องไปดูแลอยู่แล้ว ให้มันได้เงินด้วยจะได้มีกำลังใจไปดูแลครับ

ถ้าหุ้นของบริษัทในตลาด น่าคิดมากเลยครับ (มันมีให้เลือกเยอะ) ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกหุ้นในกลุ่มที่พี่ครรชิตกรองให้ ด้วยเงื่อนไข
1.ไม่เคยขาดทุนเลยตั้งแต่ 1998 ถึงปัจจุบัน และ
2.จ่ายเงินสดปันผลทุกปีไม่เคยขาด ตั้งแต 1998 ถึงปัจจุบัน

กลุ่มนี้พี่ครรชิตกรองออกมาได้ 63 บริษัทครับ ลองเลือกๆดู รักตัวไหนชอบตัวไหนก็ลองดูครับ

มีทั้ง SAUCE (อาหาร) TIPCO (เครื่องดื่ม) NTV (โรงพยาบาล) APRINT (นิตยสาร วารสาร) MBK (มันทำอะไรหว่า) OHTL (โรงแรม) มีอื่นๆอีกเพียบลองดูครับ

แก้ไขครับ TIPCO ไม่อยู่ในโผ ดูผิดครับ

tingku เขียน: MBK (มันทำอะไรหว่า)

คุณ tingku อายุเท่าไหร่ครับ
ถ้าไม่เกิน 40 ผมไม่เชื่อว่าคุณ tingku ไม่เคยใช้บริการ MBK

atsu เขียน: ¤Ø³ tingku ÍÒÂØà·èÒäËÃè¤ÃѺ
¶éÒäÁèà¡Ô¹ 40 ¼ÁäÁèàª×èÍÇèҤس tingku äÁèà¤ÂãªéºÃÔ¡Òà MBK

อิอิ ผมยังไม่แก่ขนาด 40 หรอกครับ แต่ที่แซว MBK เพราะมันทำหลายอย่างเกินครับ แต่ละอย่างไม่ค่อยเกี่ยวกันซักเท่าไหร่  :lol:

น่าสงสัย ทำไม SAUCE ถึงถูกพูดถึงบ่อยจัง

...   มีหุ้นดี ๆ เยอะแยะในตลาดให้ซื้อ   ...

...   ใช้แนวทางที่บัฟเฟตต์สอน คือ  " ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี  "   ...

...    การมองไกลถึง 20 ปีเป็นเรื่องที่ดี และ มีวิสัยทัศน์   ...

...    แต่ความคาดหวังว่าสิ่งที่เลือก ( หุ้น ) จะต้องอยู่ยงคงกระพันธ์ถึง ๒๐ ปีนั้นน่าจะคาดหวังมากไปนะ  คงไม่ต้องใช้หลัก  " ไตรลักษณ์ " ของพระัพุทธเจ้ามาเปรียบหรอก  แค่หลักการของบัฟเฟตต์ข้างต้นก็เหลือเฟือแล้ว   ...

...    อีกอย่างนั้นคือ การมองหาความมั่นคงระยะยาวแสดงถึงความไม่มั่นคงในจิตใจของผู้มองหา และ ไม่เข้าใจโลก   ...

...    ที่สำคัญก็ คือ ตลอดระยะเวลา ๒๐ ปีข้างหน้านั้นจะมีเหตุการณ์เข้ามากระทบที่ต้องทำให้เราต้องตัดสินใจว่าจะถือ
หุ้นนั้นต่อ หรือ ขายทิ้งไป   ...

...     ค่าเฉลี่ยของคนที่สำเร็จในทุก ๆ อาชีพในโลก คือ ขยัน อดทน ทำงานหนักอย่างมีความสุขในอาชีพทีเลือก  ...

...   ไม่มีหรอกทำงานครั้งเดียวแล้วรอผลอีก ๒๐ ปี   ...

...   ถ้าคำแนะนำข้างต้นนั้นเหมือนยาขม และ อาจทำให้ไม่สบอารมณ์  ...

...    แต่ก็กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ และ ปรารถนาดีนะ   ...


...      :welcome:  :cheers:        ...

ผมก็เคยคิดนะครับว่าถ้าต้องซื้อหุ้นให้ลูกแบบบังคับเลยว่าห้ามขาย เป็นเวลานานๆ จะซื้อตัวไหนเก็บไว้ให้ลูก ส่วนตัวคงนึกถึงหุ้นที่เกี่ยวกับการใช้แล้วหมดไป มูลค่ามันจะมีค่ามากขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปเช่น น้ำมัน ถ่านหิน ก็คงหาหุ้นในกลุ่ม ptt pttep pttar banpu ...เพราะถ้าเป็นหุ้นพวกเล่นกันเฉพาะกิจคงไม่เหมาะแก่การถือยาวๆ แบบหุ้นปั่น เปรียบก็เหมือนพลุที่จุดตามงานวัดตอนจุดดูตื่นตาตื่นใจ คนมุงดูกันเพียบ สว่างไสวไปทั้งงาน ต่อเมื่อมันไปถึงจุดสูงสุดมันก็ร่วง แสงสว่างดับวูบ คนก็หันหลังกลับ งานวัดเลิกลา คนกลับก็มีแต่ความว่างเปล่า.....ถ้าแบบหุ้นที่มีหลักมีฐาน แบบพื้นฐาน มันก็เปรียบเหมือนดาวเหมือนเดือน ที่ยังสว่างไสวอยู่ชั่วนาตาปี แม้บางทีมานอาจจะต้องดับลับฟ้าไปบ้างเมื่อต้องแสงจากอาทิตย์ แต่ในที่สุด มันก็กลับมาสุกใสทุกครั้งในยามค่ำคืน ไม่มีวันตาย........ส่วนตัวถ้าต้องซื้อให้ลูกผมคงเลือก หุ้น4ตัวนี้ครับ.....

ถ้าซื้อแล้ว ห้ามขายไปเลย 20 ปี ...

อย่าซื้อหุ้นเลยดีกว่าครับ

เพราะสถานการณ์เปลี่ยนได้ทุกวัน อาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ยังไง สามารถล้มได้ชั่วข้ามคืน  ดังนั้น การติดตามข้อมูล ข่าวสารและ recheck อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นมาก  ในโลกปัจจุบัน  


ดังนั้น ตัวเลือก ... น่าจะเป็น

พันธบัตรรัฐบาล  ในกรณีที่ต้องการดอกเบี้ย
ทองคำ   ในกรณีที่ไม่อยากมีความเสี่ยงเลย

หรือ ที่ดิน ถ้ายอมไปดูที่ดินบ้าง ทุกๆ 1-2 ปี ...

ผมชอบหลักการสอนคนให้รู้จักจับปลา มากกว่าให้คนอื่นไปจับปลาแทนเขาครับ
และมันคงจะไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าในอีก 20 ปี ผมมีหลานที่เขาไม่เห็นคุณค่าการลงทุนครับ

การฝึก บฝ. ประเภทนี้เป็นการ ฝึกให้มองยาวๆ และกล้าที่จะcommit กับสิ่งที่ตัวเองคิดและพูด ผมว่ามันสนุกดีนะ อย่างเช่นถ้าเรามองว่า สัดส่นประชากรไทยที่สูงอายุ จะมีมากขึ้นใน อีก15-20ปี ข้างหน้า ธุรกิจอะไรจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

ความจริงแล้ว Buffet ก็มีวิธีการมองธุรกิจที่เขาซื้อในลักษณะเช่นนี้นะ เขาชอบช็อกแลตHershey เหตุเพราะ มันอยู่กับสังคมอเมริกันมานานเป็น100ปี และเขาก็คิดว่ามันจะยังอยู่ไปอีกเรื่อยๆ เขาไม่betบนธุรกิจhigh techเหตุก้เพราะว่่า นึกไม่ออกว่าอีก10ปีข้างหน้า มันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร jimmy Roger (เจ้าพ่อCommodity) ก็มีการมอง แนวโน้มใหญ่ (major supply/demand imbalance) ไปในอนาคตข้างหน้าเป็น 10ปีเช่นกัน

การมองว่าคำถามนี้เป็นสิ่งที่ไม่practical หรือไม่สามารถเอามาปฏิบัติได้จริง ก็เหมือนกับ....การที่คุณไปเจอโจทย์เลขข้อหนึ่ง ที่ถามว่า

โจทย์:
ถ้าผู้ชายคนหนึ่งพายเรือด้วยความเร็ว x และกระแสน้ำมีแรงเท่ากับY จะใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะไปจากจุด a ถึง b ได้

แล้วคุณตอบว่า:
โอย เดี๋ยวนี้มีใครเค้าพายเรือกันกันบ้างเล่า!

สรุปง่ายๆคือมันผิดประเด็นหน่ะครับ ผิดเจตนาของโจทย์ที่ต้องการให้เราฝึกคิด ไม่ใช่วิจารญ์โจทย์

ถ้าคุณไม่มั่นใจในความคิดตัวเองจริงๆ ก็อาจตอบไปเป็นอุตสาหกรรมแทนก็ได้ ไม่ต้องลงลึกถึงตัวหุ้นหรอก หรือถ้ามั่นใจในตลาดทุน แต่ไม่กล้าเสี่ยง ก็เลือกindex fundก็ได้

แต่ถ้าไม่มีidea จริงๆ ก็ตอบว่าไม่รู้ก็ไม่ผิดกติกานะครับ แต่อย่าเลี่ยงไปตอบว่าเป็นไปไม่ได้

สำหรับท่านที่ตอบว่าที่ดิน ผมมีคำถามต่อครับ ทำไมถึงแนะนำให้เป็นที่ตจว ไม่ใช่ใน กทม

ส่วนอพาทเมนต์ ผมได้ยินว่าความเก่าและทรุดโทรม จะทำให้ราคาหมดไป อันนี้จริงเหรอเปล่าครับ

ส่วนท่านอื่นๆ ขอบคุณสำหรับidea มากๆครับ

สุดท้าย คุณส. สลึง ไอ้สอนหน่ะ ผมสอนเค้าแน่ แต่ถ้ากองทุนของเค้าไม่งอกเงย หรือติดลบ เค้าคงไม่ฟังผมแหงๆเลย

ขอนำเสนอ  SIRIPF บ้านเช่าสุดสวย ทำเลงาม สุขุมวิท 60  กว่า มีปันผลทุกๆปี มูลค่าอีก 20ปีน่าจะปรับขึ้นอีกโข


บ้านคือสิ่งที่คนยอมจ่ายเเพงเพื่อ ชีวิตที่ดีกว่า

 :8)  :8)  :8)

[quote="terati20"]ขอนำเสนอ

ขยายเรื่อง อพาร์ทเม้น นะครับ

ถ้ามีลูกบ้านเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80% กำไรจะสูงกว่าค่าเสื่อมครับ ผมเคยคิดว่าถ้าปรับปรุงอาคารทุก 5 ปี มันจะยังคุ้มหรือไม่ ก็ได้ผลออกมาว่าคุ้มครับ

ปัญหาน่าจะอยู่ที่ จขกท มีเงินลงทุนเท่าไหร่ ถ้ามีสัก 30 ล้านหล่ะก็ลุยเลยครับ เป็นค่าที่ดิน 20 ล้าน ค่าอาคาร 8 ล้าน แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เฟอร์นิเจอร์ 1 ล้าน เผื่ออิ่นๆ 1 ล้าน แต่ถ้าบังเอินมีที่อยู่แล้วก็ลงแค่ 10 ล้านครับ

ยิ่งตั้งเป้าว่าจะให้ลูกหลาน ยิ่งเป็นไปได้สูงมากคับ ผมเคยคิดเป็นรูปเป็นร่าง (แบบขอยืมที่คุณพ่อ) จะได้ PER = 10 แต่ถ้าจะซื้อที่เอง PER จะกระโดดเป็น 35 (ไม่นำมูลค่าเพิ่มจากการประเมินราคาที่ดินใหม่มาคิดเป็นกำไร)

ปัญหาคือว่าผมตั้งใจว่าจะไม่มีลูก ดังนั้นกรณี PER มากกว่า 25 เป็นอันตกไป กรณี ยืมที่คุณพ่อกำลังดำเนินการ เกลี้ยกล่อมคุณพ่ออยู่ อิอิ

ซื้อที่ดินทิ้งไว้ แล้วไม่เคยไปดูเลย

ระวังคนอื่นมาทำกินในที่เรา นะครับ  :lol:

คนอื่นครอบครองที่ดินของเราโดยเปิดเผยติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี เป็นการครอบครองปรปักษ์ได้ แม้ว่าเรามีโฉนดที่ดินอยู่ในมือ ก้อไม่ได้หมายความว่าเราเป็นเจ้าของที่ดินนั้นตลอดไป ครับ     ...

[quote="KB"][quote="terati20"]ขอนำเสนอ

ถ้านานขนาดนั้น

ส่วนตัวผมเลือกทองครับ

เผื่อเกิดสงครามจะได้หนีไปต่างประเทศได้

เรียนคุณ Palm

คุณส. สลึง ไอ้สอนหน่ะ ผมสอนเค้าแน่ แต่ถ้ากองทุนของเค้าไม่งอกเงย หรือติดลบ เค้าคงไม่ฟังผมแหงๆเลย

สืบเนื่องจากความเห็นของผม

ผมชอบหลักการสอนคนให้รู้จักจับปลา มากกว่าให้คนอื่นไปจับปลาแทนเขาครับ
และมันคงจะไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าในอีก 20 ปี ผมมีหลานที่เขาไม่เห็นคุณค่าการลงทุนครับ

ผมมีความเชื่ออย่างนึงครับว่าปลาที่ผมจับได้ ก็ควรเป็นปลาของผม ไม่ใช่ปลาของคนอื่น
ส่วนผมจะเอาไปปลาไปใช้ทำประโยชน์อะไร หรือเอาไปให้ใครก็อีกเรื่องนึง

และผมก็มีความเชื่อเรื่องกำไรหรือขาดทุนว่า ไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่จะฟังหรือไม่ฟัง
เพราะการที่พอร์ตมีกำไร ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนใพอร์ตนั้นๆ ฟังดูดีจนน่าสนใจ
หรือการที่พอร์ตขาดทุน จะเป็นเรื่องไร้สาระ จนฟังดูเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า

ปล.
สอนคนน่ะสอนได้ แต่ความเชื่อในหลักการมันเกิดขึ้นเองครับ
สอนกันไม่ได้ (ผมเชื่ออย่างนั้น)

Palm เขียน:ถ้าต้องซื้อวันนี้ แล้วขายไม่ได้ไปอีก20ปี คุณจะซื้อหุ้นอะไร

ไม่มีครับ  :8)

ยังไม่มีใครโพส SCC เลยนะครับ  :roll:  ปีนี้ 95 ปีปูนซีเมนต์ไทยแล้ว  :cheers: