หน้า 1 จากทั้งหมด 1

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 4:25 pm
โดย nuttachk23
จากบทความ วัดผลการลงทุน

ของดร.นิเวศน์

http://www.thaivi.com/article/value-investor/512-.html
การวัดผลการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญและเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น   มันคงคล้าย ๆ  กับการดูหรือติดตามการแข่งกีฬาที่เราชอบ   เราลุ้นหรือเชียร์คนหรือทีมที่เราชอบว่าเขากำลังชนะหรือไม่เมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละช่วงของการแข่งขัน   ในเรื่องของการลงทุนนั้น   เมื่อสัปดาห์ก่อน วอเร็น บัฟเฟตต์  เพิ่งจะ  ชนะ  ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บว่าเป็นคนรวยที่สุดในโลกอีกครั้งหนึ่งด้วยความมั่งคั่ง 62 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่  แพ้  หรือเสียตำแหน่งให้  บิล เกต  มาสิบกว่าปี   แต่ถ้าถาม วอเร็น บัฟเฟตต์  ว่าเขาคิดอย่างไร   เขาคงบอกว่าเขา  ไม่สนใจ    ที่จริงเขาบอกว่าเขา  ไม่ได้วัดความก้าวหน้าของการลงทุนของเขาจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นหรือมูลค่าตลาดของการลงทุนของเขาในแต่ละปี    การวัดผลการลงทุนของเขานั้น   เขาจะดูสองเรื่อง   เรื่องแรกก็คือ   ดูว่ากำไรของบริษัทที่เขาลงทุนนั้นเพิ่มขึ้นหรือไม่โดยเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันด้วย  เรื่องที่สองก็คือ   เขาจะดูว่า  คูเมือง  ของบริษัทกว้างขึ้นหรือไม่ในช่วงปีที่ผ่านมา
              คูเมืองที่ว่าก็คือ  ความแข็งแกร่งหรือความได้เปรียบหรือความเหนือกว่าของบริษัทที่ทำให้คู่แข่งทำงานลำบากหรือแข่งขันยากขึ้น   สำหรับบัฟเฟตต์แล้ว   การลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็เหมือนกับการที่เขาเป็นเจ้าของธุรกิจเอง   เขาเน้นที่การทำกำไรของกิจการและการสร้างความเข้มแข็งของกิจการเพื่อที่จะทำให้สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคตมากกว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นวันต่อวัน  เดือนต่อเดือน  และปีต่อปี   เขาเชื่อว่าวิธีการวัดผลแบบนี้   ในระยะยาวแล้วก็จะทำให้การลงทุนของเขาเติบโตขึ้นอย่างยั่งยืนและในอัตราที่ดี   มากกว่าที่จะไปเน้นที่การดูหรือตามราคาหุ้น   เขาคงเชื่อและมั่นใจว่า   ในระยะยาวแล้ว   ถ้าบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นและกำไรที่จะเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคตเพราะความสามารถทิ้งห่างคู่แข่งเพิ่มขึ้นนั้น   ในที่สุดก็จะทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไปเอง
อ่านแล้วโดนใจมาก เพราะผมว่า พวกเราบางส่วนจะคุยกัน เน้นที่ EPS รายไตรมาส จนบางทีถ้าถามว่าแล้วอีก 2-3 ปี บริษัทจะอย่างไร ก็บอกยาก หรือมองเห็นภาพไม่ชัด

อีกอย่างผมเคยฟัง ดร.นิเวศน์ พูดไว้นานแล้วว่าท่านไม่ชอบ "ธุรกิจนับหนึ่ง" เพราะเหนื่อยทุกปี ฐานรายได้ของปีนี้ไม่มีผลต่อปีต่อไป ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตลอด
เช่น ธุรกิจรับเหมา อสังหาแบบขายขาด

สุดท้ายผมเชื่อว่าในบ้านเราน่าจะหา บ.ที่มี "คูเมือง" กว้างขึ้นทุกปีได้บ้าง








..........ใครรู้ช่วยบอกผมทีครับ อิอิ.......... :lol:  :lol:  :lol:

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 4:59 pm
โดย mprandy
ผมว่าถ้ามองดี ๆ หากิจการที่มี moat ไม่ยากครับ บางแห่งก็มี moat กว้างขึ้นด้วยซ้ำ

เพียงแต่ต่างคนอาจจะมองกิจการต่างกันออกไป

ยกตัวอย่างง่าย ๆ .. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่มีใครสู้ "มาม่า" ได้ แม้จะมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาหลายยี่ห้อ ทั้งยี่ห้อเก่า ยี่ห้อใหม่ แต่ปีแล้วปีเล่า มาม่าก็ยังเป็นอันดับ 1 แถม market share ก็ขยับมากขึ้นทีละนิด

อาจจะจริงที่ผลกำไรของมาม่ามีขึ้นมีลง แต่เรื่องกำไรขึ้นลงเป็นธรรมชาติของธุรกิจ (เคยเห็นกำไรบริษัทไหนที่ขึ้นอย่างเดียวไม่มีลดลงบ้าง) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของกิจการนั้นแข็งแกร่งมาก

อีกตัวอย่างที่ชอบมาก ๆ แต่เสียดายไม่อยู่ในตลาดคือ "เครื่องดื่มกระทิงแดง" อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมากอีก เพราะกิจการเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เจ้าของเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศได้

ยังมีอีกหลายตัวอย่าง ลองหากระทู้เก่า ๆ หัวข้อ "ต้องการที่ 1 เท่านั้น" อาจจะได้เห็นอีกเยอะ

แต่กิจการแข็งแกร่งเหล่านี้ ราคามันไม่ถูกครับ (ยกเว้นว่าจะรอเหตุการณ์พิเศษ ประเภทนาน ๆ มาทีไม่ว่าจะเป็นประเภท โดนทั้งกระดานอย่าง มาตรการ 30%, หรือโดนเฉพาะกิจการอย่าง Salad oil crisis ของ AmEx)

Buffett จึงบอกไว้เสมอว่า เขาเลือกซื้อกิจการสุดยอดในราคาที่เหมาะสม มากกว่าซื้อกิจการธรรมดาในราคาถูก

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 5:22 pm
โดย newbie_12
ผมว่าบางทีมันก็หายากมากนะครับ

บริษัทแบบนี้

เหตุที่ปู่บัฟ เค้าหาบริษัทแบบนี้ได้ เพราะเค้าลงทุนในอเมริกา ธุรกิจเค้าใหญ่มาก ขายได้ทั่วโลก

แต่ของไทย ถึงจะหาบริษัทแบบนี้ได้ แต่ราคาก็ไปไกลสุดกู่แล้วครับ

MINT CPALL CPN BH BGH, etc

พวกนี้ณ ราคาปัจจุบันใครจะกล้าซื้อบ้าง

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 5:46 pm
โดย investment biker
นึกถึง BOL กับ PB ครับ

เป็นหุ้นที่มีคูเมืองกว้างมากและ PE ก็ไม่สูง

ผมเข้าใจว่าคงเป็นเพราะเป็นหุ้นตัวเล็กและมี liquidity น้อยมาก จึงไม่มีใครสนใจ   :wink:

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 6:34 pm
โดย kimkrub1
นึกถึงน้องอั้ม คร๊าบบบบบบบ

Re: .........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 7:13 pm
โดย chatchai
nuttachk เขียน:อีกอย่างผมเคยฟัง ดร.นิเวศน์ พูดไว้นานแล้วว่าท่านไม่ชอบ "ธุรกิจนับหนึ่ง" เพราะเหนื่อยทุกปี ฐานรายได้ของปีนี้ไม่มีผลต่อปีต่อไป ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตลอด  เช่น ธุรกิจรับเหมา อสังหาแบบขายขาด
ธุรกิจลักษณะนี้  ผมเคยได้ยินคนเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือน  ทำไร่เลื่อนลอย  ทำโครงการนี้เสร็จ  ก็ต้องย้ายไปที่ใหม่  โครงการใหม่  ย้ายไปเรื่อยๆ

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 7:30 pm
โดย nuttachk23
newbie_12 เขียน:ผมว่าบางทีมันก็หายากมากนะครับ

บริษัทแบบนี้

เหตุที่ปู่บัฟ เค้าหาบริษัทแบบนี้ได้ เพราะเค้าลงทุนในอเมริกา ธุรกิจเค้าใหญ่มาก ขายได้ทั่วโลก

แต่ของไทย ถึงจะหาบริษัทแบบนี้ได้ แต่ราคาก็ไปไกลสุดกู่แล้วครับ

MINT CPALL CPN BH BGH, etc

พวกนี้ณ ราคาปัจจุบันใครจะกล้าซื้อบ้าง

การมี "คูเมือง" คงไม่ได้หมายถึง ต้องมีคูเมืองที่กว้าง จนทำให้ หุ้นมี PE 20-30 เท่าแล้วเราถึงจะสนใจ

แต่ผมคิดว่าเราน่าจะหาหุ้นที่กำลังมี "คูเมือง" "กว้างมากขึ้น" วันนี้อาจจะยังไม่กว้างมากเท่าหุ้น PE 20-30 เท่า แต่มีแนวโน้มที่จะ "กว้างมากขึ้น"

แล้ว คูเมืองจะ "กว้างมากขึ้น" จากอะไรได้บ้าง

-ยอดขายเพิ่ม ทำให้ต่อรอง กับ supplier ได้มากขึ้น เช่น กลุ่ม Modern trade

-ยอดขายเพิ่ม มี EOS เพิ่ม ต้นทุนลดลง เช่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม

-มีสาขาเพิ่ม จับจองทำเลดีๆ คู่แข่งมาตั้งไม่คุ้ม เช่น กลุ่ม Modern trade โรงแรม

-มีความรู้ ฐานข้อมูล networkลูกค้า เพิ่มขึ้นทุกปี  เช่น กลุ่มบริการฐานข้อมูล

-มีฺการปรับปรุง Brand หรือประสบการณ์จากการใช้ สินค้า บริการ ให้ประทับใจมากขึ้น ทำให้ซื้อซ้ำ และไม่คิดจะเปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่น

-อื่นๆ (ใครคิดออกช่วยเพิ่มเติมก็ได้ครับ)

Re: .........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 7:51 pm
โดย nuttachk23
[quote="chatchai"][quote="nuttachk"]อีกอย่างผมเคยฟัง ดร.นิเวศน์ พูดไว้นานแล้วว่าท่านไม่ชอบ "ธุรกิจนับหนึ่ง" เพราะเหนื่อยทุกปี ฐานรายได้ของปีนี้ไม่มีผลต่อปีต่อไป ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตลอด

Re: .........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 8:36 pm
โดย newbie_12
[quote="chatchai"][quote="nuttachk"]อีกอย่างผมเคยฟัง ดร.นิเวศน์ พูดไว้นานแล้วว่าท่านไม่ชอบ "ธุรกิจนับหนึ่ง" เพราะเหนื่อยทุกปี ฐานรายได้ของปีนี้ไม่มีผลต่อปีต่อไป ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตลอด

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 9:09 pm
โดย chut
nuttachk wrote :
[quote]การมี "คูเมือง" คงไม่ได้หมายถึง ต้องมีคูเมืองที่กว้าง จนทำให้ หุ้นมี PE 20-30 เท่าแล้วเราถึงจะสนใจ

แต่ผมคิดว่าเราน่าจะหาหุ้นที่กำลังมี "คูเมือง" "กว้างมากขึ้น" วันนี้อาจจะยังไม่กว้างมากเท่าหุ้น PE 20-30 เท่า แต่มีแนวโน้มที่จะ "กว้างมากขึ้น"

แล้ว คูเมืองจะ "กว้างมากขึ้น" จากอะไรได้บ้าง

-ยอดขายเพิ่ม ทำให้ต่อรอง กับ supplier ได้มากขึ้น เช่น กลุ่ม Modern trade

-ยอดขายเพิ่ม มี EOS เพิ่ม ต้นทุนลดลง เช่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม

-มีสาขาเพิ่ม จับจองทำเลดีๆ คู่แข่งมาตั้งไม่คุ้ม เช่น กลุ่ม Modern trade โรงแรม

-มีความรู้ ฐานข้อมูล networkลูกค้า เพิ่มขึ้นทุกปี

Re: .........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 11:07 am
โดย chatchai
[quote="newbie_12"][quote="chatchai"][quote="nuttachk"]อีกอย่างผมเคยฟัง ดร.นิเวศน์ พูดไว้นานแล้วว่าท่านไม่ชอบ "ธุรกิจนับหนึ่ง" เพราะเหนื่อยทุกปี ฐานรายได้ของปีนี้ไม่มีผลต่อปีต่อไป ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตลอด

Re: .........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 11, 2008 4:45 pm
โดย onemanshow
[quote="chatchai"][quote="newbie_12"][quote="chatchai"][quote="nuttachk"]อีกอย่างผมเคยฟัง ดร.นิเวศน์ พูดไว้นานแล้วว่าท่านไม่ชอบ "ธุรกิจนับหนึ่ง" เพราะเหนื่อยทุกปี ฐานรายได้ของปีนี้ไม่มีผลต่อปีต่อไป ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตลอด

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 01, 2008 12:18 pm
โดย BOONPARUEY
...   :cheers:  :cool:  :man:    ...

.........อ่านบทความนี้ แล้วนึกถึงหุ้นอะไร............

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 05, 2008 10:42 pm
โดย powerbike
7-11