3มหาเศรษฐีไทยรวยติดอันดับโลก
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 07, 2008 11:32 am
3มหาเศรษฐีไทยรวยติดอันดับโลก
นิตยสารฟอร์บสเผย "เฉลียว-เสี่ยเจริญ-เจ้าสัวซีพี" รวยติดอันดับมหาเศรษฐีโลก เจ้าพ่อกระทิงแดงรวยสุดมีทรัพย์สินกว่า 1.26 แสนล้านบาท เจ้าพ่อน้ำเมามีทรัพย์สิน 1.1 แสนล้านส่วนเจ้าสัวธนินท์มี 4.1 หมื่นล้านบาท ระบุจีนและอินเดียเศรษฐีใหม่เพียบ
รายงานจาก นิตยสาร ฟอร์บส เปิดเผยว่า มหาเศรษฐีไทยที่ติดอันดับเศรษฐีโลกมีด้วนกัน 3 คน คือนายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าพ่อกระทิงแดง รวยสุดเป็นอันดับที่ 260 ของโลกด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 126,000 ล้านบาท รองลงมาคือ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของบริษัทเบียร์ช้าง รวยสุดเป็นอันดับที่ 307 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 110,000 ล้านบาท และนายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีพี รวยสุดเป็นอันดับที่ 897 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1,300 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 41,000 ล้านบาท
โดยในปีนี้ มีมหาเศรษฐีทั่วโลกติดอันดับมากถึง 1,125 คน เป็นชาวเอเชียมากถึง 211 คน โดยมาจากอินเดีย 53 คน ทั้งที่เมื่อปีก่อน ยังมีคนอินเดียติดอันดับมหาเศรษฐีของฟอร์บส์ แค่ 36 คน ส่วนจีนเมื่อปีที่แล้ว มีติดอันดับความมั่งคั่งแค่ 20 คน แต่ในปีนี้ มีเศรษฐีจีนติดอันดับของฟอร์บส์ พุ่งขึ้นเป็น 42 คน ซึ่งถ้ารวมกับมหาเศรษฐีฮ่องกงที่ติดอันดับไป
26 คน ก็จะทำให้จีนกับฮ่องกงมีจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดในเอเชีย
ส่วนญี่ปุ่น ก็ยังมีจำนวนมหาเศรษฐี อยู่ที่ 24 คน เท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้ว ก็เป็นปีแรกที่ญี่ปุ่นหลุดอันดับประเทศในแถบเอเชียที่มีเศรษฐีมากที่สุด หลังครองความเป็นเจ้าแห่งความมั่งคั่งที่สุดในเอเชียติดต่อกันมาถึง 20 ปี
โดยปีนี้ ประเทศในแถบเอเชียที่มีเศรษฐีมากที่สุด ก็คือ อินเดีย ซึ่งมีเศรษฐีมากเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐและรัสเซียเท่านั้น โดยมีชาวอินเดียถึง 4 คน ที่ติดอันดับท็อปเทนผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งก็มี นาย ลักษมี มิตตาล ผู้ค้าเหล็กรายใหญ่ของโลกรวมอยู่ด้วย
ส่วนนาย ลี กา ชิง นักธุรกิจฮ่องกง ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียตะวันออก และถ้าเทียบเฉพาะในแถบเอเชียแปซิฟิก พบว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด คือ 14 คน ตามการจัดอันดับของฟอร์บส์ ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 12 คน มาเลเซีย 8 คน ไต้หวัน 7 คน อินโดนีเซียและสิงคโปร์มีเท่ากัน คือ 5 คน ไทยมี 3 คน และฟิลิปปินส์มี 2 คน
และถ้าเทียบเฉพาะในแถบเอเชียแปซิฟิก พบว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด คือ 14 คน ตามการจัดอันดับของฟอร์บส์ ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 12 คน มาเลเซีย 8 คน ไต้หวัน 7 คน อินโดนีเซียและสิงคโปร์มีเท่ากัน คือ 5 คน ไทยมี 3 คน และฟิลิปปินส์มี 2 คน
ส่วนอันดับอภิมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของโลกในประจำปีนี้ คือ นายวอร์เรน บัฟเฟตต์
นักลงทุนชาวอเมริกัน ผู้เป็นเพื่อนที่ดีและเป็นนักธุรกิจผู้ใจบุญเช่นเดียวกับเกตส์ บัฟเฟตส์มีสินทรัพย์เพิ่มพรวดพราดจาก 10,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 62,000 ล้าน ดอลลาร์ในปีนี้ (เพิ่มจาก 320,000 ล้านบาท เป็นประมาณ 2 ล้านล้านบาท) อันดับสองคือ เจ้าพ่อเทเลคอมชาวเม็กซิกัน คาร์ลอส สลิม เฮลู ผู้มีสินทรัพย์เพิ่มเป็นเท่าตัวภายในเวลาเพียง 2 ปี เป็น 60,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท) ส่วน บิล เกตส์ตกลงมาอยู่อันดับสาม ด้วยสินทรัพย์รวม 58,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,000 ล้านดอลลาร์ ( 64,000 ล้านบาท) จากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ได้เสียตำแหน่งคนรวยที่สุดของโลก หลังครองตำแหน่งมา 13
ปี การจัดอันดับคนรวยสุดของโลกในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 22 นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ เพราะนอกจากเกตส์จะไม่ได้ครองอันดับ 1 แล้ว ยังเป็นปีแรกที่จำนวนอภิมหาเศรษฐีซึ่งหมายถึงผู้มีเงินเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์( 32,000 ล้านบาท) ขึ้นไป ทะลุเลข 4 หลัก เพราะมีจำนวนรวม 1,125 คนแล้ว เป็นชาวอเมริกันมากสุดคือร้อยละ 42 อันดับ 2 คือรัสเซีย ซึ่งเพียง 16 ปีหลังการล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต มีอภิมหาเศรษฐี 87 คน โค่นอันดับสองเดิมคือเยอรมนีผู้ครองตำแหน่งมานาน 6 ปี และล่าสุดมีอภิมหาเศรษฐี 59 คน
วันที่ 07 มี.ค. 2551 แสดงข่าวมาแล้ว 1ช.ม. 46นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=13693
นิตยสารฟอร์บสเผย "เฉลียว-เสี่ยเจริญ-เจ้าสัวซีพี" รวยติดอันดับมหาเศรษฐีโลก เจ้าพ่อกระทิงแดงรวยสุดมีทรัพย์สินกว่า 1.26 แสนล้านบาท เจ้าพ่อน้ำเมามีทรัพย์สิน 1.1 แสนล้านส่วนเจ้าสัวธนินท์มี 4.1 หมื่นล้านบาท ระบุจีนและอินเดียเศรษฐีใหม่เพียบ
รายงานจาก นิตยสาร ฟอร์บส เปิดเผยว่า มหาเศรษฐีไทยที่ติดอันดับเศรษฐีโลกมีด้วนกัน 3 คน คือนายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าพ่อกระทิงแดง รวยสุดเป็นอันดับที่ 260 ของโลกด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 126,000 ล้านบาท รองลงมาคือ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของบริษัทเบียร์ช้าง รวยสุดเป็นอันดับที่ 307 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 110,000 ล้านบาท และนายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีพี รวยสุดเป็นอันดับที่ 897 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1,300 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 41,000 ล้านบาท
โดยในปีนี้ มีมหาเศรษฐีทั่วโลกติดอันดับมากถึง 1,125 คน เป็นชาวเอเชียมากถึง 211 คน โดยมาจากอินเดีย 53 คน ทั้งที่เมื่อปีก่อน ยังมีคนอินเดียติดอันดับมหาเศรษฐีของฟอร์บส์ แค่ 36 คน ส่วนจีนเมื่อปีที่แล้ว มีติดอันดับความมั่งคั่งแค่ 20 คน แต่ในปีนี้ มีเศรษฐีจีนติดอันดับของฟอร์บส์ พุ่งขึ้นเป็น 42 คน ซึ่งถ้ารวมกับมหาเศรษฐีฮ่องกงที่ติดอันดับไป
26 คน ก็จะทำให้จีนกับฮ่องกงมีจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดในเอเชีย
ส่วนญี่ปุ่น ก็ยังมีจำนวนมหาเศรษฐี อยู่ที่ 24 คน เท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้ว ก็เป็นปีแรกที่ญี่ปุ่นหลุดอันดับประเทศในแถบเอเชียที่มีเศรษฐีมากที่สุด หลังครองความเป็นเจ้าแห่งความมั่งคั่งที่สุดในเอเชียติดต่อกันมาถึง 20 ปี
โดยปีนี้ ประเทศในแถบเอเชียที่มีเศรษฐีมากที่สุด ก็คือ อินเดีย ซึ่งมีเศรษฐีมากเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐและรัสเซียเท่านั้น โดยมีชาวอินเดียถึง 4 คน ที่ติดอันดับท็อปเทนผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งก็มี นาย ลักษมี มิตตาล ผู้ค้าเหล็กรายใหญ่ของโลกรวมอยู่ด้วย
ส่วนนาย ลี กา ชิง นักธุรกิจฮ่องกง ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียตะวันออก และถ้าเทียบเฉพาะในแถบเอเชียแปซิฟิก พบว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด คือ 14 คน ตามการจัดอันดับของฟอร์บส์ ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 12 คน มาเลเซีย 8 คน ไต้หวัน 7 คน อินโดนีเซียและสิงคโปร์มีเท่ากัน คือ 5 คน ไทยมี 3 คน และฟิลิปปินส์มี 2 คน
และถ้าเทียบเฉพาะในแถบเอเชียแปซิฟิก พบว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด คือ 14 คน ตามการจัดอันดับของฟอร์บส์ ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 12 คน มาเลเซีย 8 คน ไต้หวัน 7 คน อินโดนีเซียและสิงคโปร์มีเท่ากัน คือ 5 คน ไทยมี 3 คน และฟิลิปปินส์มี 2 คน
ส่วนอันดับอภิมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของโลกในประจำปีนี้ คือ นายวอร์เรน บัฟเฟตต์
นักลงทุนชาวอเมริกัน ผู้เป็นเพื่อนที่ดีและเป็นนักธุรกิจผู้ใจบุญเช่นเดียวกับเกตส์ บัฟเฟตส์มีสินทรัพย์เพิ่มพรวดพราดจาก 10,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 62,000 ล้าน ดอลลาร์ในปีนี้ (เพิ่มจาก 320,000 ล้านบาท เป็นประมาณ 2 ล้านล้านบาท) อันดับสองคือ เจ้าพ่อเทเลคอมชาวเม็กซิกัน คาร์ลอส สลิม เฮลู ผู้มีสินทรัพย์เพิ่มเป็นเท่าตัวภายในเวลาเพียง 2 ปี เป็น 60,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท) ส่วน บิล เกตส์ตกลงมาอยู่อันดับสาม ด้วยสินทรัพย์รวม 58,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,000 ล้านดอลลาร์ ( 64,000 ล้านบาท) จากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ได้เสียตำแหน่งคนรวยที่สุดของโลก หลังครองตำแหน่งมา 13
ปี การจัดอันดับคนรวยสุดของโลกในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 22 นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ เพราะนอกจากเกตส์จะไม่ได้ครองอันดับ 1 แล้ว ยังเป็นปีแรกที่จำนวนอภิมหาเศรษฐีซึ่งหมายถึงผู้มีเงินเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์( 32,000 ล้านบาท) ขึ้นไป ทะลุเลข 4 หลัก เพราะมีจำนวนรวม 1,125 คนแล้ว เป็นชาวอเมริกันมากสุดคือร้อยละ 42 อันดับ 2 คือรัสเซีย ซึ่งเพียง 16 ปีหลังการล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต มีอภิมหาเศรษฐี 87 คน โค่นอันดับสองเดิมคือเยอรมนีผู้ครองตำแหน่งมานาน 6 ปี และล่าสุดมีอภิมหาเศรษฐี 59 คน
วันที่ 07 มี.ค. 2551 แสดงข่าวมาแล้ว 1ช.ม. 46นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=13693