ชนิตร เผย บจ. mai มีรายได้ปี 2550 รวม 44,727 ล้านบาท UMS-UEC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 06, 2008 5:36 pm
ชนิตร เผย บจ. mai มีรายได้ปี 2550 รวม 44,727 ล้านบาท UMS-UEC-GFM
ครองแชมป์กำไรสูงสุด 3 ปีซ้อน
49 บริษัทจดทะเบียนใน mai ประกาศรายได้ประจำปี 2550 รวมกัน 44,727
ล้านบาท และมีกำไรรวม1,961 ล้านบาท โดย UMS, UEC และ GFM กำไรสูงสุด 3
ลำดับแรก
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผย
ว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 49 แห่ง นำส่งผล
การดำเนินงานประจำปี 2550 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ปรากฎว่าบริษัทจด
ทะเบียนใน mai มีรายได้รวมทั้งสิ้น 44,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี
ก่อนที่มีรายได้40,179 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,961
ล้านบาท ลดลงจากปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิรวม2,181 ล้านบาท หรือลดลง ร้อยละ 10
ทั้งนี้ มีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 41 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 84 และบริษัทที่ขาดทุน
สุทธิ 8 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 16
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีกำไรสุทธิประจำปี
2550 เกิน 100 ล้านบาท มีจำนวน 8แห่ง ได้แก่ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส
(UMS) กำไรสุทธิ 364 ล้านบาท บมจ. ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง (UEC) มีกำไรสุทธิ 330
ล้านบาท บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) มีกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท
บมจ. เด็มโก้ (DEMCO)มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท บมจ. ถิรไทย (TRT) มีกำไรสุทธิ
121 ล้านบาท บมจ. ซี.ไอ. กรุ๊ป (CIG) มีกำไรสุทธิ107 ล้านบาท บมจ. มิลล์คอนสตีล
อินดัสทรีส์ (MILL) มีกำไรสุทธิ 106 ล้านบาท และ บมจ. โรงพยาบาล ไทย
นครินทร์ (TNH) มีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท
ทั้งนี้ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) บมจ. ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง (UEC)
และ บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) ทำสถิติบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไร
สุทธิสูงสุด 1 ใน 5 อันดับแรกตั้งแต่ผลการดำเนินงานประจำปี 2548 เป็นต้น
มา
นายชนิตร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนได้รับผลกระทบ
โดยตรงจากการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจ ในปี 2550 ซึ่งแม้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะ
มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคา
วัสดุก่อสร้าง ราคาน้ำมันและค่าขนส่ง ตลอดจนปัจจัยค่าเงินบาท ประกอบกับปีที่ผ่าน
มาการลงทุนภาครัฐชะลอตัว ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากงานด้านโครงการลดลง กลุ่ม
อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบสำหรับผลประกอบการปี 2550 ส่วนใหญ่อยู่ใน
อุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง อุตสาหกรรมสื่อและบริการ อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 51 บริษัท มี
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่40,016 ล้านบาท ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 269.89
(เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2551) ผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
สามารถศึกษาเข้าดูข้อมูลได้ ทาง www.mai.or.th หรือสมัครรับข้อมูลตลาด mai ฟรี
ทางอีเมล์ที่ [email protected] หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ S-E-T Call
center โทร. 0-2229 -2222
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 06/03/08 เวลา 17:17:28
ครองแชมป์กำไรสูงสุด 3 ปีซ้อน
49 บริษัทจดทะเบียนใน mai ประกาศรายได้ประจำปี 2550 รวมกัน 44,727
ล้านบาท และมีกำไรรวม1,961 ล้านบาท โดย UMS, UEC และ GFM กำไรสูงสุด 3
ลำดับแรก
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผย
ว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 49 แห่ง นำส่งผล
การดำเนินงานประจำปี 2550 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ปรากฎว่าบริษัทจด
ทะเบียนใน mai มีรายได้รวมทั้งสิ้น 44,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี
ก่อนที่มีรายได้40,179 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,961
ล้านบาท ลดลงจากปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิรวม2,181 ล้านบาท หรือลดลง ร้อยละ 10
ทั้งนี้ มีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 41 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 84 และบริษัทที่ขาดทุน
สุทธิ 8 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 16
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีกำไรสุทธิประจำปี
2550 เกิน 100 ล้านบาท มีจำนวน 8แห่ง ได้แก่ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส
(UMS) กำไรสุทธิ 364 ล้านบาท บมจ. ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง (UEC) มีกำไรสุทธิ 330
ล้านบาท บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) มีกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท
บมจ. เด็มโก้ (DEMCO)มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท บมจ. ถิรไทย (TRT) มีกำไรสุทธิ
121 ล้านบาท บมจ. ซี.ไอ. กรุ๊ป (CIG) มีกำไรสุทธิ107 ล้านบาท บมจ. มิลล์คอนสตีล
อินดัสทรีส์ (MILL) มีกำไรสุทธิ 106 ล้านบาท และ บมจ. โรงพยาบาล ไทย
นครินทร์ (TNH) มีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท
ทั้งนี้ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) บมจ. ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง (UEC)
และ บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) ทำสถิติบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไร
สุทธิสูงสุด 1 ใน 5 อันดับแรกตั้งแต่ผลการดำเนินงานประจำปี 2548 เป็นต้น
มา
นายชนิตร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนได้รับผลกระทบ
โดยตรงจากการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจ ในปี 2550 ซึ่งแม้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะ
มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคา
วัสดุก่อสร้าง ราคาน้ำมันและค่าขนส่ง ตลอดจนปัจจัยค่าเงินบาท ประกอบกับปีที่ผ่าน
มาการลงทุนภาครัฐชะลอตัว ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากงานด้านโครงการลดลง กลุ่ม
อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบสำหรับผลประกอบการปี 2550 ส่วนใหญ่อยู่ใน
อุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง อุตสาหกรรมสื่อและบริการ อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 51 บริษัท มี
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่40,016 ล้านบาท ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 269.89
(เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2551) ผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
สามารถศึกษาเข้าดูข้อมูลได้ ทาง www.mai.or.th หรือสมัครรับข้อมูลตลาด mai ฟรี
ทางอีเมล์ที่ [email protected] หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ S-E-T Call
center โทร. 0-2229 -2222
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 06/03/08 เวลา 17:17:28