Thai VI

มารอดู กัน ไม่รู้ว่าพื้นฐานตัวนี้ดีแค่ไหน

ลุ้นเหมือนกันครับ แต่คาดว่าคงจะไม่มี ผมขอแค่กำไรขั้นต้นฟื้นตัวก็ดีใจแล้ว

ความเสี่ยงของผุ้ถือหุ้น CEI
1.บัญชีมีปัญหาผลประกอบการรอบตุลาคม03 ยังหาดูไม่ได้ e-mail ไปถาม SET แล้ว เขาบอกว่ายังไม่ได้สอบทาน นี่ผ่านไป 5 เดือนแล้วยังสอบทานไม่เสร็จ รายย่อยอย่างผมก็เดาเอาว่าสงสัยผู้บริหาร กับ ผู้สอบบัญชียัง เคลียร์กันไม่ได้เรื่องบัญชี
2. รายได้ลดลงต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว ไม่รู้จะถึงจุดต่ำสุดเมื่อไหร่เอารายได้ 6 ปีมาให้ดู
2540/2541/2542/2543/2544/2545/2546 1,165,258 2,325,659 2,267,246 3,606,920 4,668,586 3,605,564 2,672,041
3. พัดลมมีคู่แข่งจากจีนจะสู้ได้หรือเปล่า
4. ค่าเงินบาทจะแข็งต่อหรือเปล่า แค่ไหน
ส่วนข่าวดีก็เรื่องสหรัฐ เปิดให้นำเข้าได้มากขึ้น

ผมเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ราคาหุ้นลงมามาก และห่วงเรื่องเหล็กขึ้นราคาอีก จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมากหรือเปล่า สัญญาขายที่ทำไว้แล้วกำหนดราคาอย่างไร ถ้าต้นทุนเพิ่มจะเพิ่มราคาขายได้หรือเปล่า

งบไตรมาสแรกไม่มีใน Set แต่มีที่ KIMENG ครับ
ที่ผม Download มาเขียนว่าสอบทานแล้วด้วยนะครับ
ถ้าต้องการจะ mail ไปให้
ผมว่าตัวนี้พอมีโอกาสกลับมาได้นะครับ ถ้ากำไรขั้นต้นกลับมาได้
และถ้ากลับมากำไรละก็ ราคาไปไกลแน่ครับ
ผมคนนึงล่ะที่เตรียมจะไล่ซื้อ

ถ้าคิดว่าดีทำไม่ ไม่ซื้อตอนนี้หละครับ ทำไมต้องเตรียมไล่ซื้อ

ผลประกอบการไตรมาสหนึ่ง ของ CEI .............

กำไรต่อหุ้น 0.27 บาท (สิ้นสุด 31 ตุลาคม 2546 )

...................คำชี้แจงผลประกอบการไตรมาสหนึ่ง....................


วันที่ 15 ธันวาคม 2546



เรื่อง การชี้แจงผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1/2547



เรียน กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย



ตามที่บริษัทฯ ได้นำส่งงบการเงินสำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2546

ปรากฏว่าผลการดำเนินงานของบริษัทมีกำไรสุทธิ 4.9 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ารอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันของปีก่อน 10.3 ล้านบาท

หรือคิดเป็น 67.3% บริษัทฯขอชี้แจงสาเหตุดังนี้ คือ

1. รายได้รวมของบริษัท เพิ่มขึ้น 116.2 ล้านบาท คิดเป็น 57.5 % เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของ ปีก่อน เนื่องจาก

1.1 ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นถึง 50.3%เมื่อเทียบกับปริมาณการขายในงวดเดียวกันของปีก่อนและราคาขายโดยเฉลี่ยสูงขึ้น

เนื่องจากการขยายส่วนแบ่งด้านการตลาดในตลาดสินค้าระดับกลางและระดับสูง ซึ่งมีผลทำให้ยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 90.9 ล้านบาท

คิดเป็น 47.0%

1.2 บริษัทฯมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 13.68 ล้านบาท เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทซึ่งทำให้มีผลต่อมูลค่าหนี้สิน

ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ

2. ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 137.9 ล้านบาท คิดเป็น 96.7 % เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ขายในไตรมาสนี้เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่

ซึ่งขายในตลาดระดับกลางและระดับสูงทำให้ค่าใช้จ่ายในการผลิตและต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตปรับราคาเพิ่มขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตให้ลดลง เช่น การวางแผนการจัดซื้อวัตถุดิบ

การจัดหาแหล่งวัตถุดิบ การปรับขบวนการและกรรมวิธีการผลิต การัพัฒนาทักษะและความชำนาญของพนักงาน

3. ค่าใช้จ่ายขายและบริหารอื่นรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 3.7 ล้านบาท คิดเป็น13.8 % เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.4

ล้านบาท





ขอแสดงความนับถือ







(นาย ไบรอัน แอล ฮาร์ดี้)

กรรมการ

เพราะว่าไม่แน่ใจเหมือนกันไงครับว่ามันจะกลับมาดีหรือเปล่า
และคิดว่าถ้ากลับมาดีแล้วค่อยซื้อก็ยังไม่สายถ้าซื้อตั้งแต่วันแรกที่ประกาศ
ผลประกอบการ

ตอนนี้ แตะ 15 บาทแล้ว ก็คาดเลยไปถึงไตรมาส สอง คาดเดาว่า คงธรรมดา หากดีก็ดีไป หากธรรมดา ก็ ไปลุ้น ที่ 12 บาท ดีกว่า ยังไม่ต้องรีบร้อน ใจเย็นๆ

ผมค่อยๆทยอยรับทีละ Step ครับ 17 บาทรับมาหน่อยนึง 16 บาทก้รับมาอีกหน่อยนึง 15บาทก็ได้รับมาอีกหน่อยนึงเหมือนกัน

สะสมไปเรื่อยๆครับ ไม่รีบร้อน รอสักปีสองปีผมก็รอได้ ไม่ว่ากัน...ยังไงเสียฐานะการเงินของบริษัท ณ. ตอนนี้ก็ไม่ขี้เหร่ครับ

ไม่แนะนำให้ถือตามนะครับ รอความชัดเจนตามที่คุณ gone บอกก็ปลอดภัยดี

หากเราสามารถเช็ค ได้แค่ว่ารายย่อย อย่างคุณๆ ทั้งหลาย ถือหุ้นปริมาณเท่าไร ราคาเราไม่สน เราจะได้รับรู้ว่า การกดหุ้น ลง เพื่อให้ ปล่อย เราก็ ยิ้ม เฉยสะ ให้เขากดไป เพราะราคา ต่างๆ มันอุปโลกน์ จำนวนหุ้นต่างหากมันจะไปฟ้องที่ผลประกอบการ หากผลประกอบการออกมาไม่ดี เรา ก็ เหมือนกับเจ้าของ คือ ไม่ได้ปันผลเช่นกัน ................

cei เคยกดโหดมากมาก ที่ 100 บาทในอดีต ทั้งทั้งที่ตอนนั้น จ่ายปันผลดีมาก เช่น ayud ในอดีต เลย

แต่ล่าสุด งบก็กำไรลดตลอด ผมว่า น่าจะรองบใหม่ออก แล้วค่อยซื้อก็ไม่สายครับ

ผมเองก็มีติดดอยอยู่บ้างเช่นกันครับ

หุ้นไม่มีสภาพคล่อง หรือมีสภาพคล่องก็ตาม ผมว่า ยังไงเราก็สู้ เจ้าของ และเพื่อนไม่ได้ครับ อีกทั้งต้องอาศัยกราฟ ช่วยด้วย ก็ยิ่งดีครับ

คาดว่า ผลออกมา จะไม่ค่อยดี แต่ การตกลงเพิ่มราคากับ ฮันเตอร์ แฟน หากตกลงสำเร็จ คาดไตรมาส 3 ผลประกอบการ อาจจะกระโดด ดีขึ้นมาก .......และการลงทุน ในจีน น่าจะมียอดขาย เพิ่ม รับรู้ได้อย่างเด่นชัดในปี 2548 ...

หุ้นตัวนี้ ณ ระดับราคานี้ น่าสนใจมาก 14.8 บาท เพราะ ราคาที่ปรับลดลง อาจจะเป็นผล มาจากการ รับรู้ ผลประกอบการ

สิ่งหนึ่งที่ บริษัท นี้ แข็งมากคือ ฐานะการเงินมั่นคงมาก

อยากให้พิจารณา อะไร สักอย่างหนึ่ง คือ หุ้นตัวนี้ คือหุ้นที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว ไม่แนะนำ เล่นสั้นๆ ( 1 วัน - 2 เดือน ) หรือเล่นระยะกลาง ( 2 เดือน - 9 เดือน ) เล่นยาว คือ 9 เดือน เป็นต้นไป ........

เพราะการลงทุนหุ้นตัวนี้ อย่างไรก็ตาม ได้เห็นปันผล ทุกปี แน่ๆ ( ดูจากอดีตมา )

ผมเห็นว่ามีความเสี่ยงอยู่มากเช่น บ.พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ไม่มียี่ห้อที่แข็งแกร่งพอ รับจ้างผลิตตามสัญญาซื้อ ไม่ได้ทำการตลาดเอง จ้าง บ.แม่ทำการตลาดให้ มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และราคาวัตถุดิบ กำไรขั้นต้นลดลงมาก บ.จะมีกำไรได้ต่อเมื่อลดต้นทุนการผลิต
ข้อดีคือ จ่ายปันผลมาก มีลูกค้าทำสัญญาซื้อระยะยาว(ซึ่งเป็นทั้งผลดีและผลเสีย)
ดูแล้ว ความเสี่ยงมีมากกว่าครับ

เอ..... แต่ผมเห็นตรงกันข้ามง่ะ

ผมว่า Mr. Market น่าจะลงโทษ นาย CEI นี้ มากเกินไปซะแล้วง่ะ

เอาเป็นว่า ถ้าผลประกอบการเน่าเท่าปีที่แล้ว ซึ่งจะได้ประมาณ 1.92

PE ตอนนี้ จะเท่ากับ 7.7 และถ้าปันผลเท่ากัน ก็จะได้ ปันผล = 8.4 %

นี่หมายถึงว่า ผลประกอบการ ยังแย่เหมือนเดิมนะครับ

ซึ่งในปีนี้ ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ยอดการสั่งซื้อ มากกว่าปีที่แล้วอยู่มาก

แต่ก็นั่นหละ ...... อะไรก็เกิดขึ้นได้ และ การลงทุนก็มีความเสี่ยง

อิอิ ....

อิอิ....อิอิ
กราฟ รายสัปดาห์ ของ CEI แสดง ให้เห็นถึงสภาพ อันรุนแรงและเกรี้ยวกราด ของ Mr. Maket อิอิ....

พี่ๆว่าจะถึงก้นเหวรึยังครับ เมื่อเช้าแตะ14.1ไปทีแล้วกลัวทะลุจิงๆ -_-' ผมมีที่17อ่ะ

ลุงติดอยู่ที่ 23 บาท ไม่ขายละ ก็มี 50,000 หุ้น ก็ ลงทุนไป 1,150,000 บาท

และ ได้ปันผล ไป 1.25 บาท ก็คงเหลือ 21.75 บาท ลุงก็ ไม่ขาย

ปัจจุบัน ขาดทุน อยู่ ต่อหุ้น 7.35 บาท ก็ ขาดทุนเป็นเงิน 367,500 บาท

ลุงยังไม่ซื้อเฉลี่ย เพราะลุงรอ จุดต่ำสุดที่ลุงประมาณไว้ คือ 12 บาท ค่อย

เฉลี่ย หลานลองไปดู เมื่อเดือน 1 ปีที่ แล้ว คือปี 2003 ราคาอยู่ที่ 27

บาท ภายใน 3 เดือน ลงมาอยู่ ที่ 17 บาท ก็ ลงมา 10 บาท

หลานๆ คิดว่า ลุง มีต้นทุนอยู่ 23 บาท เมื่อ เดือน 9 ปี 2003 นี่ผ่านมา

จะ เกือบ 6 เดือนแล้ว ลงมา ที่ 14.4 ลงมาแค่ 7.35 บาท ( คิดจาก หัก

ปันผลแล้ว ที่ 21.75 ) ก็กะไว้ ที่ 12 คือ จุดวกกลับ คือ ตก 10 บาท ( จุด

ของลุงนะ ) ลุงยังเชื่อมั่น นะหลายเอ้ย ..........หลานต้องไปดู อดีต

เจ้าพัดลม เคยวิ่ง จาก 140 บาท เดือน 5 /2001 ขึ้นไป 370 บาท เมื่อ

เดือน 5 /2002


เราลงทุนหุ้นตัวนี้ คาดหมายได้อย่างหนึ่งว่า เวลา เป็นเครื่องพิสูจน์ กำไร วิ่ง

ของพัดลม จะวิ่งเร็วขึ้นเมื่อผลประกอบการดีขึ้น

ไตรมาสสอง ที่ลุงอ่านจากบทวิเคราะห์ ของบางบริษัท ก็คงไม่ดี แต่สิ่งหนึ่ง

ที่พัดลม กำลังเจรจาขอปรับราคา ขึ้น หากสำเร็จ ไตรมาสสาม น่าจะดีเกิน

คาดหมาย แต่หากลดลง ก็ ไปรอ การดำเนินงานในจีน อันนี้สิสำคัญที่สุด

ใจเย็นๆๆ .
...............................................


ดูจากอดีต มาปัจจุบัน จะเริ่มเข้าใจ ว่าพัดลม บางที่ส่ายหน้ายอแย แต่หาก

หมุนไว ก็ ขึ้นยาว .....................

เป็นหุ้นที่น่าลุ้นอย่างที่คุณ doctor_KOB บอกครับ ผมไม่ได้ติดตามอตีตไปไกลขนาดนั้น เลยค่อยๆทยอยรับทีละ Step ที่ละเล็กละน้อย ยังมีไม่ถึงครึ่งของคุณ doctor_KOB เลยครับ (ก็อุ่นใจว่ายังมีเพื่อนร่วมถืออีกคน)

ลึกๆผมเชืือมั่นในหุ้นตัวนี้เหมือนกันนะครับ ยังไงเสียฐานะการเงินในปัจจุบันก็ยังแข็งแกร่งอยู่ เห็นงบไตรมาสสองก็จะเห็นแนวโน้มล่ะครับ

ตอนนี้รอ Step ที่ 13 บาทเศษ และ 12 บาทเศษ และ.... (ทยอยรับแบบเก็บเล็กผสมน้อย ประสาคนยังไม่รวย :lol: :lol: )