Thai VI

มีหุ้นตัวหนึ่งที่ผมติดอยู่
ประเมินดู รวมทั้ง อ่านบทวิเคราะห์จากบางสำนัก
แล้ว
คิดว่า เปลี่ยนตัวถือดีกว่า
เพราะ ในกลุ่มของตัวที่ผมติดนั้น
ตัวมัน ค่อนข้างด้อยในด้านความสามรถในการแข่งขันอยู่มาก
แม้ ว่า บทวิเคราะห์จะบอกว่า
ราคานี้ ได้รับผลจากความสามารถในการแข่งันที่สู้ตัวใหญ่ไม่ได้ไว้แล้ว

แต่ผมไม่กล้าถือต่อแล้งครับ
เพราะ ถ้าตลาดหด มันจะไปแย่งที่ยืนอยู่ได้หรือเปล่า

อีกทั้ง บางตัวที่อยู่ในกลุ่มที่พื้นฐานดีกว่า ลงมามาก
ผมคิดว่า เปลี่ยนตัว แล้ว โอกาสที่ตัวใหม่จะขึ้นนี่สูงกว่าแน่ๆ

เลยเปลี่ยนตัวถือ

ใครเจอสถานการณ์ แบบนี้ บ้างครับ
เอามาแบ่งปัน ประสบการณ์ กันหน่อยครับ

ถ้าเปลี่ยนแล้วไปเจอตัวที่ข่าวดีกว่า  ไม่พลาดก็ดีไป
พอเปลี่ยนตัวแล้วไปเจอตัวที่ข่าวแย่  หนีเสือปะจรเข้


คุณฉัตรชัย  คิดจะเปลี่ยนตัวเพราะข่าวไหมครับ

หรือเปลี่ยนเพราะพื้นฐาน

คิดอยู่เหมือนกันครับ
แต่ยังไม่มีตัวเปลี่ยนที่เข้าตาครับ

น่าจะลองโทรไปคุยกับ ir ทั้งสองบริษัทดู เพราะบ้างครั้งอ่านข่าวตามนสพ เอนเอียงทั้งนั้นครับ

ผมเพิ่งขายตัวที่ถือมาเกือบ 2 ปีไป เพราะเริ่มรู้สึกว่า บริษัทพื้นฐานเปลี่ยน เเละสู้คู่เเข่งไม่ได้ ดียังมีกำไรนิดหน่อย

เเต่ขายไปเเล้วกลับรู้สึกสบายใจ โล่ง.... (อาจจะขายหมูไปก็ได้ เเต่พยายามไม่ซื้อควายกลับมา)


บางทีถ้าถือไว้เเล้วไม่สบายใจ ก็ขายดีกว่าครับ
:lol:

ถ้าถือแล้ว ไม่สบายใจเพราะไม่มีทุนมาลงตัวเดิมเพิ่ม

จะขายดีไหมครับ  8)  ...

ผมเลือกหุ้น เหมือนคนรักครับ (อ้าว นี่ก็แปลว่าผมหลายใจด้วยสิ เพราะมีหุ้นมากกว่าหนึ่ง) จริงๆ นะครับ เราสามารถที่จะรักได้หลายคน

ถ้ายึดกฎของบัฟเฟต จะเปลี่ยนตัวก็ต่อเมื่อ 1.พื้นฐานกิจการเปลี่ยนไปจากที่เราคาดการณ์ไว้ 2.เราเจอหุ้นที่ดีกว่า
ถ้ารวมกฎของเกรแฮมไว้ด้วย ก็เพิ่มว่า ถ้าราคาหุ้นนั้นไม่ขึ้นอย่างที่เราคาดไว้ภายใน 2 ปี (อย่าหวังลมๆแล้ง)

akkhapon เขียน:ผมเลือกหุ้น เหมือนคนรักครับ (อ้าว นี่ก็แปลว่าผมหลายใจด้วยสิ เพราะมีหุ้นมากกว่าหนึ่ง) จริงๆ นะครับ เราสามารถที่จะรักได้หลายคน

แบบนี้ใครมีกิ๊กเยอะๆก็แย่สิครับ  :oops:

ผมไม่กะเปลี่ยน
แต่กะรวบ

1.ขายตัวที่ไม่มั่นใจออกให้หมด
2.รวบจากหลายๆตัวให้ไปเทน้ำหนักให้ตัวเดียวหรือสองตัวที่ มั่นใจที่สุด และคาดว่าจะมีแรง rebound แรงกว่าเพื่อน
3.รอเวลา ดวงอาทิตย์ขึ้น.....
4.ตัวที่เลือกทำท่าจะเดินหน้าก็เอาส่วนเงินสดที่เก๊บไว้อัดเข้าไป 100%ให้เต็มสูบ

5.พอตลาดหาย panic ก็เอาเงินส่วนกำไรจากการ rebound ออกมา ส่วน 50% ที่เหลือปล่อยไว้ให้ผลประกอบการ สะท้อนราคาขึ้นมาอีกที


ผมว่าถ้าแผนนี้ไปได้ด้วยดี 12 เดือนข้างหน้าน่าจะได้เห็นอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฝ้า

ตอนนี้ผมเองก็กำลังพิจารณาตัวที่ผลประกอบการ ทำท่าว่าจะไปไม่ไหว
คงต้องหาตัวอื่นที่มีแนวโน้มดีในระยะยาว

แล้วแต่มุมมองครับ
8)

ผมมีหุ้นที่มองไว้ 4-5 ตัว
เลือกไม่ถูก เพราะชอบทุกตัว

เลยใช้วิธี ซื้อตัวที่ลงมากที่สุด
ส่วนตัวที่ลงน้อย ก็ยังไม่เข้าซื้อครับ

ผมว่าคงแล้วแต่มุมมองครับ

ถ้าปัจจัยพื้นฐานมันเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ ก็คงเปลี่ยนตัว

แต่ถ้าปัจจัยพื้นฐานมันยังเหมือนเดิมอยู่หรือยังไม่แน่ใจว่ามีสาเหตุอื่นใดที่มากระทบตัวธุรกิจ แม้จะมีหุ้นตัวอื่นราคาตกลงมามากกว่า(ดูน่าสนใจ) ผมคงเลือกอยู่เฉยๆ ครับ ไว้ดูผลประกอบการก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที

เนื่องจากเคยมีประสบการ์ณจากตอนมาตรการ 30% ขายแล้วโยกตัวครับ แล้วผลออกมาไม่ค่อยน่าประทับใจครับ (อาจเป็นเพราะตัวใหม่ที่ซื้อมาแทน ผมไม่ได้ศึกษาละเอียดมากพอก็ได้ครับ)

Saran เขียน: เนื่องจากเคยมีประสบการ์ณจากตอนมาตรการ 30% ขายแล้วโยกตัวครับ แล้วผลออกมาไม่ค่อยน่าประทับใจครับ (อาจเป็นเพราะตัวใหม่ที่ซื้อมาแทน ผมไม่ได้ศึกษาละเอียดมากพอก็ได้ครับ)

เพราะผมกลัวแบบนี้เหมือนกัน ผมจึงโยกมาลงในตัวในพอร์ทที่หาข้อมูลไว้แล้วเท่านั้นครับ

ตอนนี้อะไรก็กลัวไปหมด  :?