Thai VI

หลายๆคนใช้แต่ค่า PE ในประกอบการเลือกหุ้นว่า ตัวนั้นถูกหรือแพงเกินไป จากราคาปัจจุบัน แล้วเทียบกลับไปในอดีตที่กำไรออกมา แต่จริงๆ มันมีอีกตัวที่ซ่อนอยู่ในค่า P/E นี้คือ E/P

ทำไมถึงเรียกว่าซ่อน ต้องย้อนกลับไปดูว่า PE คือ อะไร
ราคาต่อกำไร เมื่อกลับกันแล้วได้ กำไรต่อราคา
นั้นคืออะไร กำไร 1 บาท คุณลงทุนไปกี่บาทล่ะ คือ PE
แต่ถ้า EP กลับกัน คือ ลงทุนไป 1 บาทได้กำไรเท่าไรล่ะ

นั้นคือ PE ต่ำๆๆ ทำให้ EP สูงนั้นเอง
และ PE สูงๆ ทำให้ EP ต่ำๆ

ถ้ามองให้ลึกลงไป มันเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนกันและกัน
มองอะไรมองสองด้าน ไม่ใช่มองด้านเดียว
มองอดีต เพื่อปัจจุบัน มุ่งไปสู่อนาคต
มิใช่มองอดีต แล้วไขว้คว้าหามัน
มันทุกเปล่าๆๆ

นึกไม่ถึงครับ

ปกติผมก็ดู E/P เพราะว่าเข้าใจง่ายดี แต่ดูเฉพาะตอนจะซื้อ

พยายามคิดให้เหมือนกับว่า ถ้าเราค้าขายจะอยากได้กำไรกี่ %

แต่..พอซื้อมาแล้วนี่ผมไม่เคยดูเลยครับ


ถ้าได้มาเห็นว่าตอนนั้นค้าขายได้กำไรแค่ 7-8% ก็คงอาจจะตัดใจเหมือนกัน

ผมดูประจำแหละ คือ pe 8 = ผลตอบแทน ( ep ) 12.5 %

pe ที่ต่ำกว่า 8 ผลตอบแทนก็มากกว่า 12.5 %

P มันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
E มันเกิดขึ้นในอดีต

บ้างครั้งต้องเอา E ของอดีต มาคาดการณ์อีกของปัจจุบัน
เพื่อให้สอดคล้องกัน

โดยใช้หลักทางบัญชีเข้ามาช่วย ในเรื่องของความสม่ำเสมอของรายได้

จุดตายของตัวนี้คือ การคาดการณ์ที่ว่า

PE นักลงทุนใช้มองเวลาหาหุ้นถูกๆ

EP เจ้าของหุ้นใช้มองเวลาขายหุ้น IPO หรือ เพิ่มทุน

ลองดูถ้า PE = 10 , EP = 10%, EP บอกว่าคุณหวังว่าจะได้ผลตอบแทน 10% เป็นอย่างน้อย ต้นทุนทางการเงินส่วนทุน cost of the firm' Equity = 10%

ถ้า PE = 20 , EP = 5 % บอกว่าคุณหวังว่าจะได้ผลตอบแทน 5 % เป็นอย่างน้อย ต้นทุนทางการเงินส่วนทุน cost of the firm' Equity = 5 %

ฉนั้น บริษัทมักจะเพิ่มทุนหรือ IPO ตอน PEสูงๆ เพราะจะได้เงินทุนราคาถูกๆจากนักลงทุนไงล่ะ

Mon money เขียน:PE นักลงทุนใช้มองเวลาหาหุ้นถูกๆ

EP เจ้าของหุ้นใช้มองเวลาขายหุ้น IPO หรือ เพิ่มทุน

ลองดูถ้า PE = 10 , EP = 10%, EP บอกว่าคุณหวังว่าจะได้ผลตอบแทน 10% เป็นอย่างน้อย ต้นทุนทางการเงินส่วนทุน cost of the firm' Equity = 10%

ถ้า PE = 20 , EP = 5 % บอกว่าคุณหวังว่าจะได้ผลตอบแทน 5 % เป็นอย่างน้อย ต้นทุนทางการเงินส่วนทุน cost of the firm' Equity = 5 %

ฉนั้น บริษัทมักจะเพิ่มทุนหรือ IPO ตอน PEสูงๆ เพราะจะได้เงินทุนราคาถูกๆจากนักลงทุนไงล่ะ

ผมมองแบบ พี่เจ๋งกะ พี่ฉัตรแหละ

แรกๆ ( ) ไม่ถนัด เพราะ ไม่ชอบ ค่า PE
ต้องตีกลับเป็น E/P ทุกที
มันเห็นชัดดีว่าราคานี้ได้ E เท่าไหร่

หลังๆ ก็ ตีกลับได้ โดยใช้ไขสันหลัง (ไม่ต้องใช้สมอง) ว่า PE เท่านี้ แปลว่าผลตอบแทน เท่าไหร่

ความหมายที่พี่ฉัตรว่านี่ จริงจังนะครับ

ไม่ได้เรื่องตลก ว่า เอามา ..... นักลงทุน

เอาความลับของฟ้ามาเปิดเผยหรือเปล่าเนีย
แย่จัง

miracle เขียน:เอาความลับของฟ้ามาเปิดเผยหรือเปล่าเนีย
แย่จัง

ยังไงเหรอครับ

ปรมาจารย์ช่วยชี้แนะ

ในหนังสือการลงทุนไม่มีเรื่อง E/P
มีแต่ PE

แต่จริงๆ มันมองกลับได้ว่า ลงทุน 1 บาท กำไรเท่าไร

จุดนี้คนละเลยไปไม่ได้มอง มองว่า กำไร 1 บาท ต้องลงทุนเท่าไร

ในหลักของ management เองก็ตาม ก็เอาการลงทุนเป็นตัวตั้ง แล้วบอกว่าการลงทุนนั้นคาดว่ารายได้เท่าไร รายจ่ายเท่าไร กำไรออกมาเท่าไร แต่ไม่ได้มองว่า กำไรเท่าไร เกิดจากรายได้เท่าไร รายจ่ายเท่าไร และ ลงทุนเท่าไร
ไม่คิดกลับกลับกัน
PE เหตุ ไปสู่ผล แต่ไม่คิด ผล -> เหตุ

เข้าใจได้ง่ายๆ ทั้งสองแบบครับ
ค่า PE คือ จำนวนปีที่คืนทุน
ค่า EP ให้ง่ายต้องดูเป็น % คือ ผลตอบแทนปีละกี่%
E มาจากผลกำไรที่ผ่านมา(อดีต) ถ้าจะให้แม่นหน่อยต้องดูความแน่นอนของกำไรย้อนหลังหลายปี อาจจะคงที่ แกว่งขึ้นๆลงๆ หรือ เติบโตทุกปี
P ราคา ณ ปัจจุบัน

ผมใช้  FCF/P  แทนครับ

แต่จะมีจุดอ่อนคือ  ไม่ได้คำนึงถึงอัตราการเติบโต  เราก็ต้องแก้ไขเพิ่มเติมอีกซักหน่อย

vivitawin เขียน:เข้าใจได้ง่ายๆ ทั้งสองแบบครับ
ค่า PE คือ จำนวนปีที่คืนทุน
ค่า EP ให้ง่ายต้องดูเป็น % คือ ผลตอบแทนปีละกี่%
E มาจากผลกำไรที่ผ่านมา(อดีต) ถ้าจะให้แม่นหน่อยต้องดูความแน่นอนของกำไรย้อนหลังหลายปี อาจจะคงที่ แกว่งขึ้นๆลงๆ หรือ เติบโตทุกปี
P ราคา ณ ปัจจุบัน

ผมว่า ไม่ว่าจะ  pe หรือ  ep
เราต้องมั่นใจใน e ด้วย

ถ้าธุรกิจมันไม่ดี  e ตก PE  พุ่งโดยไม่รู้ตัว
อิ อิ
8)

...  E  คือ อดีต   และ อาจถูกตกแต่งได้ใน บัญชี   ...

...  P  คือ  ตัวแปรไปตามอารมณ์ตลาด   ...

...  สองตัวนี้ไม่ว่าจะเอามาใช้อย่างไร  ถ้าให้น้ำหนักเชื่อมันมากไป   ...

...  ระวังจะพลาดได้ง่าย ๆ ...

...   บัฟเฟตต์มอง E / P แบบผ่าน ๆ ตาเท่านั้น  และ จะใช้มันหลังจากได้ประเมินคุณภาพของหุ้นเสียก่อน  ...

...   ข้อมูลเชิงปริมาณเป็นหลุมพลางหลุมใหญ่ของนักเล่นหุ้น   ...

...   ข้อมูลเชิงคุณภาพเป็นเกราะของนักลงทุน   ...

...    โดยปกติในการเลือกหุ้นก็ไม่เคยเชื่อถือค่า P / E   ...

...    E / P  เป็นค่าของผล  ...  มันไม่ใช่เหตุที่มีน้ำหนักมากนักที่จะนำเราไปสู่ผลที่ต้องการได้   ...

...    มันเป็นคณิตศาสน์ของความเชื่อไม่ได้ของปริมาณเชิงตรรกยะของตัวแปรที่เป็นอดีต เมื่อนำมาเทียบสัมพันธ์กับ ตัวแปรที่ไม่มีรากฐานทางคณิตศาสน์ที่สมบูรณ์   ...

...   ค่าตัวเลขที่ว่าไม่ควรเกิน  ๒๐  ครั้งที่ควรจะซื้อหุ้นในชีวิตของเรา   ...

...   น่าเชื่อถือ  และ   ก็น่า  มหัศจรรย์   จริง ๆ   ...  

...   มันแปลได้ว่า   จงระวังการใช้ข้อมูลเชิงปริมาณ  ...



 :lol:  :lol:  :lol:  

แล้ว EP ที่ควรจะเป็นคิดว่าเท่าไรดีเหรอครับ ที่น่าลงทุน

boy2t เขียน:แล้ว EP ที่ควรจะเป็นคิดว่าเท่าไรดีเหรอครับ ที่น่าลงทุน

ขึ้นอยู่กับ E ครับ ของพี่ฉัตรขึ้นอยู่กับ FCF

ของพี่ฉัตร แต่งให้สวยยากหน่อย E แต่งได้ไม่ยาก และรับรู้กำไรเป็นไปตามลักษณะของธุรกิจและการรับรู้รายได้ที่เลือกใช้ตามมาตรฐาน

Mon money เขียน: ขึ้นอยู่กับ E ครับ ของพี่ฉัตรขึ้นอยู่กับ FCF

ของพี่ฉัตร แต่งให้สวยยากหน่อย E แต่งได้ไม่ยาก และรับรู้กำไรเป็นไปตามลักษณะของธุรกิจและการรับรู้รายได้ที่เลือกใช้ตามมาตรฐาน

ยืนตามพี่มนครับ
FCF (Flow Cash Flow) อันนี้หายากกว่า แต่งยากกว่าเพราะ ขุดจาก กระแสเงินสด ซึ่งไม่สามารถแต่งบัญชีล่วงได้เลย แต่ก็มีย้ายรายการได้ ซึ่งต้องดูกันดีๆ ใส่ใจกันเท่านั้นเอง