Thai VI

คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วนะคะว่าช่วงนี้รัฐบาลกำลังจะจัดการภาวะเหล็กขาดตลาด
ใช้ไม้ขู่แล้วเห็นว่าถ้าไม่สำเร็จจะปล่อยให้นำเข้าเสรี 8)

วันนี้อ่านบทวิเคราะห์ เขาบอกว่าถ้าเปิดเสรีเหล็กจริง
ตัวที่จะกระเทือนมากคือเหล็กเส้น เพราะเหล็กเส้นตปท.ถูกกว่าบ้านเรา
ส่วนบรรดาเหล็กแผ่นรีดร้อนรีดเย็นนั้นไม่เป็นไร เพราะตปท.แพงกว่า

เพื่อนๆท่านใดพอทราบบ้างมั้ยคะว่าจริงหรือเปล่าที่เหล็กเส้นเราแพงกว่าข้างนอก
มีเวบไหนบอกราคาบ้างคะ

Mr.Wow ตามอยู่ครับ ต้องไปถามท่าน Wow ครับ

มิสเตอร์ว้าว อยู่ไหนคะ

หาบทวิเคราะห์เจอแล้วค่ะ ตะกี้ล็อกอินไม่ได้
อันนี้ฉบับเต็ม อ่านแล้วมึนหน่อยๆ(ดันมีเหล็กเส้นอ่ะดิ )

หากเปิดเสรีเหล็กเส้นและแผ่น SSI ไม่กระทบแต่ MS รับผลลบโดยตรง

นักวิเคราะห์ชี้หากรัฐเปิดเสรีเข้าเหล็กเสรีทั้งเหล็กแผ่นและ
เหล็กเส้น เชื่อ SSI ไม่ได้รับผลกระทบเพราะราคาขายในประเทศ
ปัจจุบันต่ำกว่าราคาเหล็กโลก แต่ MS รับผลกระทบทางลบโดยตรง
เหตุราคาเหล็กเส้นในต่างประเทศต่ำกว่าราคาในประเทศ
จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ นายก
รัฐมนตรี ให้นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดตามดูแลความ
ผิดปกติของราคาเหล็กในตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะกระทบกับการขยายตัว
ของเศรษฐกิจและมีแนวโน้มอาจเปิดเสรีธุรกิจเหล็กใน 1-2 วันนี้
พร้อมสั่งกระทรวงพาณิชย์ตรวจความผิดปกติราคาเหล็ก หลังพบมีผู้ผลิต
ตั้งบริษัทลูกรับซื้อเหล็กจากโรงงานตัวเอง ขายราคาสูงฟันกำไรส่วนต่าง เอาเปรียบ
ผู้บริโภค ทำลายระบบเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมก่อสร้าง ย้ำต้องลงโทษขั้นเด็ดขาด อัด
ผู้ประกอบการเหล็กต้นตอทำให้เกิดเอ็นพีแอล ทำให้รัฐต้องเอางบประมาณเข้าช่วย
เหลือ เมื่อฟื้นตัวแล้วกลับเอาเปรียบประเทศชาติ
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ธนชาติ ให้ความเห็นหากมีการเปิดเสรีธุรกิจเหล็ก
คาดว่าจะมีผลกระทบให้ราคาเหล็กเส้นมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากราคาขายในประเทศ
ในปัจจุบันสูงกว่าราคาขายเหล็กเส้นในต่างประเทศประมาณ 6-10% ซึ่งจะส่งผลบวก
ต่อธุรกิจก่อสร้างและกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเหล็กเส้นซึ่งเป็นต้นทุน
หลักในการก่อสร้างอาคาร
นอกจากนี้ คาดว่าผลประกอบการของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ใน 4Q03 มีแนว
โน้มเติบโตสูง สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย แนะนำ 'ซื้อ' MK ราคา
เป้าหมาย 6.50 บาท SPALI ราคาเป้าหมาย 7.20 บาท PF ราคาเป้าหมาย 19.90
บาท และ ESTAR 9.40 บาท และสำหรับกลุ่มก่อสร้าง แนะนำ 'ซื้อ' ITD ราคาเป้า
หมาย 165.00 บาท และ STECON ราคาเป้าหมาย 24.70 บาท
การเปิดให้นำเข้าเหล็กเสรีทั้งเหล็กแผ่นและเหล็กเส้นได้ส่งผลกระทบทาง
ลบต่อราคาหุ้นของผู้ผลิตเหล็กในประเทศ อย่างไรก็ดีคาดว่าการเปิดเสรีนำเข้าจะไม่มี
ผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็กแผ่นมากนัก เนื่องจากราคาขายในประเทศปัจจุบันต่ำกว่า
ราคาเหล็กโลก โดยเฉพาะราคานำเข้าเหล็กของจีน ที่ราคาปิด 33.50 บาท แนะ
นำ 'ซื้อ' SSI ราคาปิด 42.00 บาท
ทั้งนี้ ผลลบ จะเกิดกับผู้ผลิตเหล็กเส้นในประเทศ เนื่องจากราคาเหล็กเส้น
ในต่างประเทศต่ำกว่าราคาในประเทศ เรายังคงแนะนำ 'ขาย' MS ราคาเป้าหมาย
2.22 บาท

ราคาในประเทศ ส่งออกจากรัสเซีย นำเข้าจีน
ผลิตภัณฑ์ บาท/ตัน $/ตัน $/ตัน (f.o.b) $/ตัน (c.i.f)
เหล็กแผ่นรีดร้อน HRC 15,710 402.82 480 465
เหล็กเส้น Wire Rod 18,000 461.54 420 435
วัตถุดิบ
เหล็กแท่งแบน Slab 405 475
เหล็กแท่ง Billet 395 -

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, Bloomberg

Mr.Wow อยู่ ตลาดหุ้นดอทคอมครับ

มองๆอยู่เหมือนกัล...แต่ตลาดแกว่งไปแกว่งมาแบบนี้ ผมกลัวเหล็กทิ่มปอดคับ

จะรับกลัวเหล็กทิ่มปอดหรือคะ
มีเหตุผล มีเหตุผล

พี่เจ๋งคะ ที่taladhoon.com รู้สึกจะโพสต์ยุ่งยากนิดหน่อย เลยอ่านเฉยๆ
ไปเจอความเห็นตรงกันข้ามเลยขออนุญาตเอามาแปะต่อนะคะ
คราวนี้ของไซรัส คุณลุ้นเอามาโพสต์ค่ะ

จะได้มองต่างมุม

--------------------------------------------------------------------------------
ไซรัส ประเมินหุ้นเหล็ก หลังราคาในประเทศเพิ่มสูง จนนายกรัฐมนตรีสั่งกระทรวงพาณิชย์
-อุตสาหกรรม ดูแลใกล้ชิด ในขณะที่พร้อมเปิดเสรีนำเข้าเหล็ก ระบุ หลีกเลี่ยง SSI NSM และ MS
ในระยะนี้ เพราะคาดเหล็กแผ่นได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีมากกว่าเหล็กเส้น
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล. ไซรัส เปิดเผยว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรี กำลังให้กระทรวงพาณิชย์ดูแล
ปัญหาราคาเหล็กในประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อหามาตรการในการแก้ปัญหาต่อไปหลังเห็นว่าราคาเหล็ก
ในประเทศปัจจุบันสูงขึ้นผิดปกติ อาจต้องมีมาตรการลงโทษผู้ประกอบการที่แทรกแซงตลาดจนทำให้ราคาเหล็ก
อยู่ในระดับที่สูง จนกระทบต่อภาคธุรกิจก่อสร้างและการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ
ธุรกิจผลิตเหล็กของไทยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ตามลักษณะสินค้าคือ เหล็กเส้นและเหล็กแผ่น
โดยเหล็กเส้นเป็นตลาดที่ค่อนข้างกระจายตัว กล่าวคือผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นกิจการขนาดเล็กและ
ขนาดกลางมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่รายที่มีความรู้ความชำนาญและเครื่องจักรที่พร้อม ผู้บริโภคบางรายที่ต้อง
การเหล็กเส้นที่มีคุณภาพพิเศษ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้ผู้ผลิตเหล็กเส้นในประเทศต้อง
เผชิญกับคู่แข่งจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ดังนั้น หากรัฐบาลจะมีมาตรการให้มีการนำเข้าเหล็กอย่างเสรี เชื่อว่าไม่น่ามีกระทบกับผู้ผลิตเหล็กเส้น
มากเท่ากับการที่ราคาวัตถุดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันก็มี
การนำเข้าเหล็กเส้นอยู่แล้ว สำหรับผู้ประกอบการเหล็กเส้นในตลาดฯ ได้แก่ MS
อุตสาหกรรมเหล็กแผ่น ดูจะได้รับผลกระทบมากกว่าเพราะรัฐบาลมีมาตรการป้องกันผู้ผลิตเหล็กแผ่น
ในประเทศมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดอากรขาเข้า (Surcharge) และภาษีการตอบโต้
การทุ่มตลาด (Antidumping) ของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนและรีดเย็น (HRC และ CRC)
ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรายใหญ่ในประเทศ ได้แก่ SSI และ NSM หากรัฐบาลเปิดเสรีนำเข้าเหล็ก
จะทำให้บริษัททั้งสองต้องเผชิญกับการแข่งขันจากต่างประทเศซึ่งมีคุณภาพสูงและต้นทุนต่ำ เพราะมี
การผลิตเป็นปริมาณมาก นอกเหนือไปจากปัญหาต้นทุนวัตถุดิบเหล็กที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ทั้ง SSI และ NSM
บริหารต้นทุนได้ยากลำบากมากขึ้น
เราจึงแนะนำ หลีกเลี่ยง SSI NSM และ MS ในระยะนี้
ส่วนผู้ผลิตเหล็กขั้นปลายน้ำ และอุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กเส้นและเหล็กแผ่นเป็นวัตถุดิบ รวมทั้งธุรกิจ
รับเหมาก่อสร้างที่เคยเดือดร้อนจากต้นทุนเหล็กที่ปรับสูงขึ้น มีโอกาสได้รับประโยชน์หากรัฐบาลเปิดเสรีนำเข้าเหล็ก
ผู้ประกอบการดังกล่าวได้แก่ กลุ่มรถยนต์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิคส์ รวมทั้ง TYCN (ผลิตเหล็กลวด
และสกรู) และ STPI (ผลิตโครงสร้างเหล็ก)

ผมเป็นตนหนึ่งที่ไม่กล้าลงทุนกับบริษัทที่อ่อนไหวต่อมาตรการทางภาครัฐเกินไป (เช่นหุ้นทางด่วน หุ้นน้ำมัน หุ้นแบงค์รัฐ รวมไปถึงหุ้นเหล็ก เป็นต้น) สำหรับอุตสาหกรรมเหล็กนี่ ผมเห็นว่ารัฐอุ้มมากไปครับ และจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน (หรือสาเหตุอื่นๆก็ม่ายรู้) กับกลุ่มผู้ค้าเหล็ก ทำให้ขาดตลาดบ้าง ราคาแพงเกินไปบ้าง ราคาขาดเสถียรภาพบ้าง สารพัดปัญหา..

ไปลงทุนในหุ้นที่กินอิ่มนอนหลับดีกว่า...

นึกว่าเรื่องเล็กๆ จะได้ตอบ