Thai VI

ท่าทางเจ้าของเวบจะไม่สนใจเปิดห้องใหม่ให้คุยกัน ผมขอเปิดประเด็นคุยในห้องนี้เลยก็แล้วกัน

หุ้น value หลายๆตัวเวลาเกิดสัญญาณขาย อย่างเช่น double top หรือ dead cross แล้วควรขาย short ไปก่อนหรือเปล่าครับ แล้วจะหาจุดรับได้อย่างไรครับ

[quote="นักดูดาว"]ท่าทางเจ้าของเวบจะไม่สนใจเปิดห้องใหม่ให้คุยกัน ผมขอเปิดประเด็นคุยในห้องนี้เลยก็แล้วกัน

หุ้น value หลายๆตัวเวลาเกิดสัญญาณขาย อย่างเช่น double top หรือ dead cross แล้วควรขาย short ไปก่อนหรือเปล่าครับ แล้วจะหาจุดรับได้อย่างไรครับ[/quote]

ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ
อยากเรียนรู้เหมือนกันครับ

หุ้นที่ถืออยู่ส่วนใหญ่จะไม่มีสภาพคล่อง เลยไม่เกิด double top มีแต่ แน่นิ่ง sideway ไปมาตลอด.......ผมเลยไม่ได้สนใจกับดัชนีเท่าไหร่......แต่ตอนนี้ถ้าดัชนีมาแถว 680 ผมก็จะเข้าหุ้นตลาดไว้บ้าง ผมมอง TOC อยู่ อยากได้แถว ต่ำกว่า 60 อีกรอบ.....รอบที่แล้วได้ไปนิดหน่อย และ ขายเล่นรอบไปแล้ว

การใช้สัญญาณทางเทคนิคเพื่อ "ขาย" หุ้นที่ซื้อด้วยปัจจัยพื้นฐาน ผมคิดว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งครับ หลังๆผมเลยตั้งกฎกับตัวเองว่า

หุ้นที่ซื้อด้วยปัจจัยทางพื้นฐาน ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน หรือเมื่อเราดู้ข้อมูลพื้นฐาน/ตีความผิด

หุ้นที่ซื้อด้วยปัจจัยทางเทคนิค (อาจจะเป็นหุ้น Value ก็ได้ แต่ต้องมีสภาพคล่องมากพอ) ก็ขายด้วยปัจจัยทางเทคนิค

ผมคิดว่าการขายนั้นยากกว่าซื้อหลายเท่าครับ ไม่ว่าจะเป็นการขายเพื่อซื้อคืน ขาย cut loss หรือขายทำกำไร

ผมคิดว่า หุ้นพื้นฐานดี ขาย Short ออกไปเพื่อซื้อคืนที่ต่ำกว่านั้นทำได้ยากเอาการเลยครับ เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีวอลลุ่ม เรียกว่า ขายแล้วราคามักจะไม่ลงตาม
แต่ถ้าเป็นการขาย Short เพื่อไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่มี ราคาแกว่งตัว จะมีโอกาสมากกว่านะครับ
อันนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวในเชิงที่เป็นแนวคิด แต่ตอนลงมือปฏิบัตินี่ยากน่าดูเลย ครับ

ผมทำ short sell ได้ไปครั้งนึงครับ แต่มันเป็น short sell แบบที่ไม่ได้ตั้งใจเลยครับ ที่ขายออกไปเพราะไม่มั่นใจในงบการเงินที่ออกมา พอไปประชุมผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจขึ้น ก็เลยกลับไปซื้อ โชคช่วยมากๆ ที่หุ้นมันตกไปช่วงนั้นพอดี ไม่งั้นก็ขายหมูและซื้อแพงแน่เลยครับ

หุ้นVIไม่ค่อยมีสภาพคล่อง ดูเทคนิคไม่ได้นะครับ เพราะจะเสียของ

นอกจากบางตัวที่มีสภาพคล่องเท่านั้น ถึงดูเทคนิคได้

สมมุติง่ายๆ หุ้น TCB อะครับมีสัญญาณตัวไหนที่จะทำให้ขายได้แถว 3-40 บาทแล้วกลับมารับที่ 22 บาทได้หรือเปล่า

ใช้บ้างค่ะ
ดูว่ากราฟอดีตของหุ้นแวลูตัวนั้นๆ (ใช้อินดิเคเตอร์หลายๆตัวเปรียบเทียบกัน)
ถ้ามันมาประมาณนี้แล้ว ที่ผ่านมาเคยไปต่อหรือหักลงมากกว่ากัน

แต่เนื่องจากไม่ได้ชำนาญอะไร พอดูได้งูๆปลาๆ
เพราะงั้นช่วงตลาดดีๆ บางทีเทคนิคพาไปเป็นผู้ค้าสุกรก็มีค่ะ



TCB เห็นมีสองตัวที่เด่นชัดตอนประมาณ40 คือmomentum(+19)
ช่วง20 momentum ประมาณ-6 ค่ะ(ปัจจุบัน +0.9)
อีกตัวก็macd นี่แหละค่ะ คือเดิมช่วงที่ยังไม่ขึ้นmacdอยู่ใกล้ๆ0 และไม่ค่อยห่างsignal
บวกไม่เกิน .8
แล้วเริ่มกระชากขึ้นเมื่อ6/11/2546-21/11/2546
macd บวกสูงสุดถึง4.497(ราคาพีค44ตั้งแต่20/11/2546)
ห่างจากsignalที่3.252 มาก

ช่วงที่ราคาลงมา 20 macd-1.837 ค่ะ เป็นวันที่ราคาโลว์ที่สุด(3/2/2547)
แต่macd โลว์ในอีก4วันต่อมาที่-2.076


หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์บ้างนะคะ คุณนักดูดาว
ถ้าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนก็อย่าหัวเราะดังนักก็แล้วกัน อิ อิ อิ

เป็นประโยชน์มากครับพี่อ-ริน จะลองไปดูครับ

^________________^

ผมว่าการขาย นั้นยากครับ ไม่ว่าจะใช้อะไร การดูจากวิเคราะห์ทางเทคนิคก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอ สำหรับผม การขายจะขึ้นอยู่กับ
1. เมื่อราคาหุ้นพุ่งสูงจนคิดว่ามันแพงเกินไปแล้วสำหรับการลงทุน
(ขายครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งถือไว้ก่อน ถ้าลงแล้วค่อยซื้อกลับ แหมมหุ้นดีๆหายากจะตายถือไว้นานๆดีที่สุด)
2. เกิดสัญญาณที่จะทำให้ปัจจัยทางพื้นฐานเปลี่ยน
(ทยอยขาย ในกรณีที่ราคาไม่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถือเพราะในตลาดหุ้นมีหุ้นดีๆอีกหลายตัวให้เราเลือก)
3. เมื่อเจอหุ้นอื่นที่ดีกว่าตัวที่เราถืออยู่
(อันนี้บ่อยมาก เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่ลงไปมากๆโดยไม่มีเหตุผลรองรับ)
4. เกินเกณฑ์ที่จะรับภาวะการขาดทุน
( ส่วนใหญ่ตัองตังเกณฑ์ การ Cut Loss ไว้ อาจ จะ 5% 10% หรือ 20%แล้วแต่ความเหมาะสมของหุ้นแต่ละตัว อันนี้ต้องใช้ความสามารถพิเศษในการวิเคราะห์มากๆ สำหรับผมแล้วการ Cut Loss สำคัญมากๆการติดหุ้นเป็นการเสียโอกาสในการทำกำไรในหุ้นตัวอื่นๆ )