เปิดโผ 22 หุ้นเด่น!! อัตรากำไรสุทธิ-ROE สูงสุด ย้อนหลัง 5 ปี
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 21, 2004 11:35 am
อัตรากำไรสุทธิ - หรือกำไรที่ทำได้จากยอดขาย หากมีค่าสูงจะบ่งบอกถึงอะไรหลายๆอย่าง แต่ค่านี้จะผันแปรไปตามกลุ่มอุตสาหกรรม ปกติอุตสาหกรรมบริการ จะมีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าอุตสาหกรรมการผลิต ดังนั้นหากพบว่าบางบริษัทที่เป็นอุตสาหกรรมผลิต มีอัตรากำไรสูง จะน่าสนใจมากครับ...
ROE หรือผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น คิดได้ง่ายๆว่า หากเราลงทุนในกิจการ 100 บาท 1 ปีผ่านไป>>จะได้กำไร (หรือขาดทุน) กี่บาท ซึ่งกำไรที่ำทำได้อาจจะสะสมในเป็นทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในกิจการต่อไป หรืออาจจะจ่ายออกมาเป็นปันผลให้ผู้ถือหุ้น...แต่ค่านี้จะบิดเบือนได้หากมีส่วนทุนน้อยๆ จะทำให้ ROE สูงกว่าปกติ เช่นกิจการมีการก่อหนี้มาก หรือจ่ายปันผลมากๆ หรือส่วนทุนเริ่มต้นเป็นบวกน้อยๆ ... ROE เป็นอัตราส่วนที่น่าสนใจครับ เราจะพบได้บ่อยๆในงานเขียนที่กล่าวถึงวิธีการลงทุนของ วอเรน บัฟเฟตต์...
หากจะทำการซื้อขาย ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆประกอบด้วยครับ โดยเฉพาะราคา
เพราะหากหุ้นดี แต่ซื้อที่ราคาสูง ผลตอบแทนก็จะน้อยลง ในขณะที่มีความเสี่ยงมากขึ้น แต่เท่าที่ดูหลายตัวก็ยังซื้อขาย กันที่ราคาค่อนข้างต่ำครับ
และหุ้นบางตัว ผมก็มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยครับ.. :lol: :lol:
เปิด'22ธุรกิจ'ชั้นนำ ฝ่าวิกฤติ ทำกำไร 5ปี
เฟ้น "เบอร์หนึ่ง"รายอุตสาหกรรม
"กรุงเทพธุรกิจ" สำรวจผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี (2541-2545) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แยกรายกลุ่ม โดยใช้เกณฑ์ Net Profit Margin ซึ่งแสดงถึงความสามารถ ในการทำกำไร เมื่อเทียบกับรายได้ โดยพิจารณาร่วมกับ ROE - Return on Equity (ผลตอบแทนส่วนทุน) เพื่อให้สามารถเทียบเคียง ระหว่างธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ภายใต้มาตรฐานเดียวกันได้
เป้าหมายสำคัญในการจัดลำดับผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปีของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ก็เพื่อแจกแจงถึงเห็นความสามารถ ในการทำกำไร รายกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถบ่งชี้ถึงแนวโน้ม ของแต่ละอุตสาหกรรม ได้ระดับหนึ่ง นอกจากนั้น ยังเป็นตัวชี้วัดที่ระบุได้ว่า ในแต่ละอุตสาหกรรม ลำดับ 1-3 ของบริษัทที่มีผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปีดีที่สุดของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นบริษัทใดบ้าง
บีอีซีเวิลด์ เด่นที่สุดในกลุ่ม "บันเทิง"
กลุ่มบันเทิงและสันทนาการ มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด 11 ราย กลุ่มธุรกิจนี้เป็นกลุ่มที่มี Net Profit Margin หรือความสามารถ ในการทำกำไร เทียบกับยอดขายค่อนข้างสูง แต่มีผลตอบแทนส่วนทุน หรือ ROE ค่อนข้างต่ำ และจัดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง
ในจำนวน 11 บริษัท มี 4 บริษัทเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดทำให้ไม่สามารถมองย้อนไปถึง 5 ปีได้ ส่วนในจำนวน 7 บริษัทที่เหลือ มี 3 บริษัทที่อยู่ในข่ายโดดเด่น ซึ่งประกอบด้วย บริษัท บีอีซี เวิลด์ เทพธานีกรีฑา และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยบีอีซี เวิลด์ มี ROE เฉลี่ย 5 ปีสูงสุดของกลุ่มที่ระดับ 19.46% ขณะที่ Net Profit Margin ของบีอีซี เวิลด์ เฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 30.4% และขึ้นลงอยู่ในระดับ 28-34% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ลำดับสองของบริษัทที่มีผลประกอบการดีเด่นในกลุ่มนี้ คือ เทพธานีกรีฑา ซึ่งมี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีที่ 25.06% แต่ ROE เฉลี่ย 5 ปีอยู่ในระดับที่ต่ำมากคือเพียง 1% เศษเท่านั้น ลำดับที่ 3 ได้แก่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีที่ 7.51% แต่มี ROE เฉลี่ย 5 ปี เท่ากับ 10.13%
สื่อสาร "ชินกรุ๊ป" ครองทุกตำแหน่ง
แม้ว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยแนวโน้มทางบวกของธุรกิจ แต่เมื่อพิจารณาจาก Net Profit Margin ย้อนหลังไป 5 ปีจะพบว่า มีหลายบริษัทในกลุ่มนี้ที่ความสามารถในการทำกำไรเทียบกับยอดขายอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาบริษัทที่มีผลประกอบการโดดเด่น ไม่ว่าจะใช้เกณฑ์ Net Profit Margin หรือ ROE พบว่า บริษัทในกลุ่มชินวัตรเป็นท็อปทรีของทั้งสองเกณฑ์ ได้แก่ ชิน คอร์ปอเรชั่น ชิน แซทเทลไลท์ และแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส โดย ROE เฉลี่ย 5 ปี เรียงลำดับได้ดังนี้ 30.88% 27.67% และ 19.78% ส่วน Net Profit Margin อยู่ที่ 25.96% 24.92% และ 12.96%
"กสิกรไทย"แบงก์เดียวกำไรต่อรายได้บวก 3 ปีซ้อน
ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่า กลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีผลประกอบการแย่ที่สุด โดยเฉพาะในช่วงปี 2541 - 2543 แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นบ้างในปี 2544 และ 2545
ในจำนวนทั้งหมด 14 ธนาคารที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ กสิกรไทยเป็นเพียงธนาคารเดียวที่มี Net Profit Margin เป็นบวกติดต่อกัน 3 ปีซ้อน โดยความสามารถในการทำกำไรเป็นบวกตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ส่วนธนาคารอื่นๆ เริ่มมีกำไรในปี 2544 อีกทั้งมีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROE) ในปี 2545 สูงที่สุดในกลุ่ม คือ 21.51%
อสังหาฯ : เอ็มบีเค ปลอดภัยในวิกฤติ
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนมากถึง 29 บริษัท กลุ่มนี้เข้าสู่ช่วงตกต่ำมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มนี้มีหลายบริษัทที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่องตลอด 5 ปี เช่น สวนอุตสาหกรรมโรจนะ เอ็มบีเค ดีเวลลอปเมนท์ และเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรเทียบรายได้ เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง เรียงตามลำดับดังนี้ 19.18% 16.39% และ 15.95%
เมื่อพิจารณาจาก ROE หรือผลตอบแทนส่วนทุน จะพบว่า บริษัทที่มี ROE เฉลี่ย 5 ปี 3 ลำดับแรก กลับเป็น พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เซ็นทรัลพัฒนา และอมตะ คอร์ปอเรชั่น โดยอยู่ที่ระดับ 48.73 % 13.2% และ 19.3%
ปูนกลาง ROE ดีที่สุดกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
กลุ่มธุรกิจก่อสร้างเริ่มมีผลประกอบการดีขึ้นในปี 2544 และ 2545 บริษัทที่มี Net Profit Margin ดีที่สุดในกลุ่มนี้ คือ วนชัย กรุ๊ป ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 22.03% ลำดับ 2 และ 3 คือ วิค แอนด์ ฮุคลันด์ และ ปูนซีเมนต์นครหลวง และถ้าพิจารณาจาก ROE ผู้ประกอบการ 3 ลำดับแรกที่มี ROE ดีที่สุด คือ ปูนซีเมนต์นครหลวง อุตสาหกรรมพรมไทย และ วิคแอนด์ ฮุคลันด์ โดยมี ROE เฉลี่ย 5 ปีที่ 22.97% 19.59% และ 18.02% ตามลำดับ
ศรีอยุธยาประกันภัย สัดส่วนกำไรสูงสุด
ธุรกิจประกันชีวิต และประกันภัย เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรส่วนเกินสุทธิ (Net Profit Margin) ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยในปี 2541 บริษัท ศรีอยุธยาประกันภัย มี Net Profit Margin สูงถึง 50% และบริษัทนี้ยังมีกำไรส่วนเกินสุทธิ เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังสูงที่สุดในกลุ่มด้วยตัวเลข 39.77% ส่วนบริษัทที่มี ROE ดีที่สุดในกลุ่มนี้ คือ ไทยรับประกันภัยต่อ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 20.65%
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ผลประกอบการในปี 2545 ของบริษัทประกันส่วนใหญ่มีอัตราส่วนการทำกำไรต่อยอดขายที่มีแนวโน้มลดลง
"เชียงใหม่โฟรเซ่น" ดาวเด่นเกษตร
ผู้ประกอบการในธุรกิจการเกษตรที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีทั้งหมด 20 ราย โดยรวมแล้วผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในระหว่างปี 2541 - 2543 จะเป็นช่วงที่ธุรกิจการเกษตรค่อนข้างไปได้ดี แต่ผลกำไรเริ่มลดลงในปี 2544 และ 2545 นอกจากนั้น ยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนของกำไรต่อรายได้ (Net Profit Margin) ค่อนข้างต่ำ และเมื่อพิจารณาผลตอบแทนส่วนทุน (ROE) ถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ คือ มีค่าเฉลี่ยที่ร้อยละ 20 - 36 อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มลดลงในปี 2545
3 ลำดับแรกของบริษัทที่มี Net Profit Margin สูงที่สุดในกลุ่มนี้ ประกอบด้วย เชียงใหม่โฟรเซ่นฟู้ดส์ ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ และไทย อกริ ฟู้ดส์ โดยมีค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ในระดับ 19.24% 10.6% และ 9.89% ตามลำดับ ส่วนบริษัทที่มี ROE สูงสุด 3 ลำดับแรก คือ แพ็คฟู้ด ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ ซีเฟรช อินดัสตรี ซึ่งมี ROE เฉลี่ย 5 ปี เท่ากับ 36.72% 26.43% และ 26.29%
ในช่วงปี 2541-2543 บริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่มธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ มีผลประกอบการที่ย่ำแย่ และเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวใน 2 ปีก่อน ซึ่งหากเทียบกับกลุ่มอื่น กลุ่มนี้ถือว่ามี Net Profit Margin สูง โดยบริษัทที่เด่นที่สุด คือ บล.เอบีเอ็นแอมโร เอเชีย ที่ติด 1 ใน 3 ทั้ง Net Profit Margin และ ROE
ไทยคาร์บอนสุดยอดกลุ่มเคมีภัณฑ์
เคมีภัณฑ์และพลาสติก เป็นกลุ่มธุรกิจขาขึ้นอีกธุรกิจหนึ่งโดยทุกบริษัทในกลุ่มนี้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นในช่วงปี 2544 - 2545 แต่เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนกำไรส่วนเกินสุทธิ Net Profit Margin ค่อนข้างต่ำ โดย 3 ลำดับแรกที่มี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีสูงสุด คือ ไทยคาร์บอนแบล็ค ปิโตรเคมีแห่งชาติ และวีนิไทย โดยมีกำไรส่วนเกินสุทธิเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 18.9% 13.64% และ 9.14% ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาจาก ROE บริษัทที่มี ROE สูงที่สุด คือ ปิโตรเคมีแห่งชาติ ซึ่งมี ROE เฉลี่ย 5 ปี สูงถึง 1,489% ตามด้วย ไทยเซ็นทรัลเคมี 33.43% และ ไทยคาร์บอนแบล็ค 25.40%
"ไทยเรยอน"กำไรเติบโตต่อเนื่อง
กลุ่มสิ่งทอเป็นกลุ่มธุรกิจที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากถึง 24 บริษัท กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจัดเป็นธุรกิจที่มีขาลงอันยาวนาน เมื่อมองย้อนหลังไป 5 ปีผลประกอบการในกลุ่มนี้ย่ำแย่มาตลอด หลายบริษัทประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง อีกทั้งสัดส่วนกำไรต่อรายได้ก็ค่อนข้างต่ำ
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะแห่งความยากลำบาก ยังมีหลายบริษัทในธุรกิจนี้ที่รักษาอัตราการทำกำไรไว้ได้อย่างน่าสนใจ บริษัทที่มี Net Profit Margin สูงสุด 3 ลำดับแรก คือ ไทยเรยอน 16.31% เท็กซ์ไทล์เพรจทีจ 12.97% ธนูลักษณ์ 11.62% ส่วนเมื่อพิจารณาจาก ROE บริษัทที่โดดเด่นได้แก่ เท็กซ์ไทล์เพรสทีจ ประชาอาภรณ์ และยูเนี่ยนไพโอเนียร์ ซึ่งมี ROE เฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 49.9% 21.4% และ 19.97%
ด้านกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ในช่วง 2 ปีหลัง คือ 2544-2545 สัดส่วนการทำกำไรเพ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยบริษัทที่มี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีสูงสุด คือ คอมพาสส์อีสต์ อินดัสตรี กุลธรเคอร์บี้ มูราโมโต้ อีเล็คตรอน ในอัตราส่วน 15.52% 7.97% และ 5.55%
อิเล็กทรอนิกส์ มีแนวโน้ม "ขาลง"
เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปีจะพบว่า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนการทำกำไรต่อรายได้ผันผวนค่อนข้างมาก แม้ว่าผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ส่วนใหญ่จะทำผลประกอบการได้ดีในช่วงปี 2542 และ 2543 แต่ผลประกอบการปี 2544-2545 ชี้ว่าอาจเข้าสู่ "ขาลง" ของอุตสาหกรรม
บริษัทที่มี ROE เฉลี่ย 5 ปีดีที่สุดในกลุ่มนี้ คือ เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ที่ 27.67% ฮานา ไมโคร อิเล็คทรอนิกส์ 14.61% และดราโก้ พีซีบี 9.83% ส่วนถ้ามองจาก Net Profit Margin เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ก็ยังเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด โดยมีกำไรต่อรายได้ที่ 10.88% ลำดับสอง ฮานา ไมโครอีเล็คทรอนิกส์ 8.88 % และลำดับ 3 ดราโก้ พีซีบี 7.18%
"ปตท.สผ." โดดเด่นในกลุ่มพลังงาน
ผลการดำเนินงานของกลุ่มพลังงาน 9 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์มี 3 บริษัทที่โดดเด่นอย่างมาก ทั้งในส่วนของผลกำไรส่วนเกินสุทธิ และผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น นั่นคือ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ผลิตไฟฟ้า และลานนา-รีซอร์สเซส
บริษัทที่มี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีดีที่สุด คือ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 26.7% ผลิตไฟฟ้า (EGCOMP) 26.77% และ ลานนารีซอร์สเซส 18.26% และทั้ง 3 บริษัทยังมี ROE เฉลี่ย 5 ปีดีที่สุดอีกด้วย โดยอยู่ที่ระดับ 25.62% 18.96% และ 16.05% ตามลำดับ
สำหรับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงปี 2544 และ 2545 ซึ่งบริษัทที่น่าจับตามองมากที่สุด คือ ไทยเพรสซิเดนท์ฟู้ดส์ เนื่องจากมีกำไรเพิ่มขึ้นมาตลอดตั้งแต่ปี 2542
ขณะที่ในกลุ่มธุรกิจการแพทย์ ทั้ง 10 บริษัท มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในแง่ของความสามารถในการทำกำไร แต่ผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้นมีแนวโน้มลดลง และมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงมาก
โรงพยาบาลซึ่งมีผลประกอบการดีที่สุดในกลุ่ม คือ โรงพยาบาลเอกชล โดยมีผลประกอบการติดอันดับ 1 ใน 3 ทั้งในส่วนของ Net Profit Margin และ ROE แต่โรงพยาบาลที่มี Net Profit Margin ดีที่สุดได้แก่ โรงพยาบาลนนทเวช ซึ่งมีอัตราส่วนกำไรต่อยอดขาย 27.01% ขณะที่ โรงพยาบาล สมิติเวช มี ROE ดีที่สุดของกลุ่มคือ 194.9%
"สยามภัณฑ์" ศักยภาพทำกำไรดีที่สุด
ภาพรวมแล้วกลุ่มยานพาหนะ และอุปกรณ์ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2545 โดยมี 2 บริษัทที่น่าจับตา ได้แก่ สยามภัณฑ์กรุ๊ป และไทยสตอเรจ แบตเตอรี่ ซึ่งติด 1 ใน 3 บริษัทที่มี Net Profit Margin และ ROE เฉลี่ย 5 ปีสูงที่สุดในกลุ่ม
โดย ROE เฉลี่ย 5 ปีสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ สวีเดนมอเตอร์ส 33.51% ไทยสตอเรจ แบตเตอรี่ 21.09% สยามภัณฑ์ กรุ๊ป 20.72% ส่วน Net Profit Margin 3 ลำดับแรกคือ สยามภัณฑ์ กรุ๊ป 12.24% ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ 11.4% ไทยสตอเรจ แบตเตอรี่ 10.7%
สำหรับกลุ่มขนส่งเมื่อพิจารณาจากผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE เฉลี่ย 5 ปีของ การบินไทยอยู่ที่ 43.49% ยูนิไทย ไลน์ 12.62% และเมื่อพิจารณาจาก Net Profit Margin พรีเชียส ชิพปิ้ง มีค่าเฉลี่ย 5 ปีสูงสุดที่ 12.73% ยูนิไทย ไลน์ 8.44% และ การบินไทย 5.48%
เอ..ว่าแต่เพื่อนๆ ถือหุ้นเหล่านี้กันบ้างหรือเปล่าครับ
เท่าที่ทราบพี่ธันวาจะถืออยู่หลายตัวหน่อย
ส่วนผมถือแค่ 2 ตัว จากที่มีอยู่ในพอร์ท 5 ตัวครับ.. :lol:
ROE หรือผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น คิดได้ง่ายๆว่า หากเราลงทุนในกิจการ 100 บาท 1 ปีผ่านไป>>จะได้กำไร (หรือขาดทุน) กี่บาท ซึ่งกำไรที่ำทำได้อาจจะสะสมในเป็นทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในกิจการต่อไป หรืออาจจะจ่ายออกมาเป็นปันผลให้ผู้ถือหุ้น...แต่ค่านี้จะบิดเบือนได้หากมีส่วนทุนน้อยๆ จะทำให้ ROE สูงกว่าปกติ เช่นกิจการมีการก่อหนี้มาก หรือจ่ายปันผลมากๆ หรือส่วนทุนเริ่มต้นเป็นบวกน้อยๆ ... ROE เป็นอัตราส่วนที่น่าสนใจครับ เราจะพบได้บ่อยๆในงานเขียนที่กล่าวถึงวิธีการลงทุนของ วอเรน บัฟเฟตต์...
หากจะทำการซื้อขาย ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆประกอบด้วยครับ โดยเฉพาะราคา
เพราะหากหุ้นดี แต่ซื้อที่ราคาสูง ผลตอบแทนก็จะน้อยลง ในขณะที่มีความเสี่ยงมากขึ้น แต่เท่าที่ดูหลายตัวก็ยังซื้อขาย กันที่ราคาค่อนข้างต่ำครับ
และหุ้นบางตัว ผมก็มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยครับ.. :lol: :lol:
เปิด'22ธุรกิจ'ชั้นนำ ฝ่าวิกฤติ ทำกำไร 5ปี
เฟ้น "เบอร์หนึ่ง"รายอุตสาหกรรม
"กรุงเทพธุรกิจ" สำรวจผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี (2541-2545) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แยกรายกลุ่ม โดยใช้เกณฑ์ Net Profit Margin ซึ่งแสดงถึงความสามารถ ในการทำกำไร เมื่อเทียบกับรายได้ โดยพิจารณาร่วมกับ ROE - Return on Equity (ผลตอบแทนส่วนทุน) เพื่อให้สามารถเทียบเคียง ระหว่างธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ภายใต้มาตรฐานเดียวกันได้
เป้าหมายสำคัญในการจัดลำดับผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปีของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ก็เพื่อแจกแจงถึงเห็นความสามารถ ในการทำกำไร รายกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถบ่งชี้ถึงแนวโน้ม ของแต่ละอุตสาหกรรม ได้ระดับหนึ่ง นอกจากนั้น ยังเป็นตัวชี้วัดที่ระบุได้ว่า ในแต่ละอุตสาหกรรม ลำดับ 1-3 ของบริษัทที่มีผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปีดีที่สุดของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นบริษัทใดบ้าง
บีอีซีเวิลด์ เด่นที่สุดในกลุ่ม "บันเทิง"
กลุ่มบันเทิงและสันทนาการ มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด 11 ราย กลุ่มธุรกิจนี้เป็นกลุ่มที่มี Net Profit Margin หรือความสามารถ ในการทำกำไร เทียบกับยอดขายค่อนข้างสูง แต่มีผลตอบแทนส่วนทุน หรือ ROE ค่อนข้างต่ำ และจัดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง
ในจำนวน 11 บริษัท มี 4 บริษัทเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดทำให้ไม่สามารถมองย้อนไปถึง 5 ปีได้ ส่วนในจำนวน 7 บริษัทที่เหลือ มี 3 บริษัทที่อยู่ในข่ายโดดเด่น ซึ่งประกอบด้วย บริษัท บีอีซี เวิลด์ เทพธานีกรีฑา และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยบีอีซี เวิลด์ มี ROE เฉลี่ย 5 ปีสูงสุดของกลุ่มที่ระดับ 19.46% ขณะที่ Net Profit Margin ของบีอีซี เวิลด์ เฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 30.4% และขึ้นลงอยู่ในระดับ 28-34% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ลำดับสองของบริษัทที่มีผลประกอบการดีเด่นในกลุ่มนี้ คือ เทพธานีกรีฑา ซึ่งมี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีที่ 25.06% แต่ ROE เฉลี่ย 5 ปีอยู่ในระดับที่ต่ำมากคือเพียง 1% เศษเท่านั้น ลำดับที่ 3 ได้แก่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีที่ 7.51% แต่มี ROE เฉลี่ย 5 ปี เท่ากับ 10.13%
สื่อสาร "ชินกรุ๊ป" ครองทุกตำแหน่ง
แม้ว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยแนวโน้มทางบวกของธุรกิจ แต่เมื่อพิจารณาจาก Net Profit Margin ย้อนหลังไป 5 ปีจะพบว่า มีหลายบริษัทในกลุ่มนี้ที่ความสามารถในการทำกำไรเทียบกับยอดขายอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาบริษัทที่มีผลประกอบการโดดเด่น ไม่ว่าจะใช้เกณฑ์ Net Profit Margin หรือ ROE พบว่า บริษัทในกลุ่มชินวัตรเป็นท็อปทรีของทั้งสองเกณฑ์ ได้แก่ ชิน คอร์ปอเรชั่น ชิน แซทเทลไลท์ และแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส โดย ROE เฉลี่ย 5 ปี เรียงลำดับได้ดังนี้ 30.88% 27.67% และ 19.78% ส่วน Net Profit Margin อยู่ที่ 25.96% 24.92% และ 12.96%
"กสิกรไทย"แบงก์เดียวกำไรต่อรายได้บวก 3 ปีซ้อน
ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่า กลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีผลประกอบการแย่ที่สุด โดยเฉพาะในช่วงปี 2541 - 2543 แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นบ้างในปี 2544 และ 2545
ในจำนวนทั้งหมด 14 ธนาคารที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ กสิกรไทยเป็นเพียงธนาคารเดียวที่มี Net Profit Margin เป็นบวกติดต่อกัน 3 ปีซ้อน โดยความสามารถในการทำกำไรเป็นบวกตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ส่วนธนาคารอื่นๆ เริ่มมีกำไรในปี 2544 อีกทั้งมีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROE) ในปี 2545 สูงที่สุดในกลุ่ม คือ 21.51%
อสังหาฯ : เอ็มบีเค ปลอดภัยในวิกฤติ
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนมากถึง 29 บริษัท กลุ่มนี้เข้าสู่ช่วงตกต่ำมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มนี้มีหลายบริษัทที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่องตลอด 5 ปี เช่น สวนอุตสาหกรรมโรจนะ เอ็มบีเค ดีเวลลอปเมนท์ และเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรเทียบรายได้ เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง เรียงตามลำดับดังนี้ 19.18% 16.39% และ 15.95%
เมื่อพิจารณาจาก ROE หรือผลตอบแทนส่วนทุน จะพบว่า บริษัทที่มี ROE เฉลี่ย 5 ปี 3 ลำดับแรก กลับเป็น พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เซ็นทรัลพัฒนา และอมตะ คอร์ปอเรชั่น โดยอยู่ที่ระดับ 48.73 % 13.2% และ 19.3%
ปูนกลาง ROE ดีที่สุดกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
กลุ่มธุรกิจก่อสร้างเริ่มมีผลประกอบการดีขึ้นในปี 2544 และ 2545 บริษัทที่มี Net Profit Margin ดีที่สุดในกลุ่มนี้ คือ วนชัย กรุ๊ป ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 22.03% ลำดับ 2 และ 3 คือ วิค แอนด์ ฮุคลันด์ และ ปูนซีเมนต์นครหลวง และถ้าพิจารณาจาก ROE ผู้ประกอบการ 3 ลำดับแรกที่มี ROE ดีที่สุด คือ ปูนซีเมนต์นครหลวง อุตสาหกรรมพรมไทย และ วิคแอนด์ ฮุคลันด์ โดยมี ROE เฉลี่ย 5 ปีที่ 22.97% 19.59% และ 18.02% ตามลำดับ
ศรีอยุธยาประกันภัย สัดส่วนกำไรสูงสุด
ธุรกิจประกันชีวิต และประกันภัย เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรส่วนเกินสุทธิ (Net Profit Margin) ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยในปี 2541 บริษัท ศรีอยุธยาประกันภัย มี Net Profit Margin สูงถึง 50% และบริษัทนี้ยังมีกำไรส่วนเกินสุทธิ เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังสูงที่สุดในกลุ่มด้วยตัวเลข 39.77% ส่วนบริษัทที่มี ROE ดีที่สุดในกลุ่มนี้ คือ ไทยรับประกันภัยต่อ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 20.65%
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ผลประกอบการในปี 2545 ของบริษัทประกันส่วนใหญ่มีอัตราส่วนการทำกำไรต่อยอดขายที่มีแนวโน้มลดลง
"เชียงใหม่โฟรเซ่น" ดาวเด่นเกษตร
ผู้ประกอบการในธุรกิจการเกษตรที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีทั้งหมด 20 ราย โดยรวมแล้วผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในระหว่างปี 2541 - 2543 จะเป็นช่วงที่ธุรกิจการเกษตรค่อนข้างไปได้ดี แต่ผลกำไรเริ่มลดลงในปี 2544 และ 2545 นอกจากนั้น ยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนของกำไรต่อรายได้ (Net Profit Margin) ค่อนข้างต่ำ และเมื่อพิจารณาผลตอบแทนส่วนทุน (ROE) ถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ คือ มีค่าเฉลี่ยที่ร้อยละ 20 - 36 อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มลดลงในปี 2545
3 ลำดับแรกของบริษัทที่มี Net Profit Margin สูงที่สุดในกลุ่มนี้ ประกอบด้วย เชียงใหม่โฟรเซ่นฟู้ดส์ ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ และไทย อกริ ฟู้ดส์ โดยมีค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ในระดับ 19.24% 10.6% และ 9.89% ตามลำดับ ส่วนบริษัทที่มี ROE สูงสุด 3 ลำดับแรก คือ แพ็คฟู้ด ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ ซีเฟรช อินดัสตรี ซึ่งมี ROE เฉลี่ย 5 ปี เท่ากับ 36.72% 26.43% และ 26.29%
ในช่วงปี 2541-2543 บริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่มธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ มีผลประกอบการที่ย่ำแย่ และเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวใน 2 ปีก่อน ซึ่งหากเทียบกับกลุ่มอื่น กลุ่มนี้ถือว่ามี Net Profit Margin สูง โดยบริษัทที่เด่นที่สุด คือ บล.เอบีเอ็นแอมโร เอเชีย ที่ติด 1 ใน 3 ทั้ง Net Profit Margin และ ROE
ไทยคาร์บอนสุดยอดกลุ่มเคมีภัณฑ์
เคมีภัณฑ์และพลาสติก เป็นกลุ่มธุรกิจขาขึ้นอีกธุรกิจหนึ่งโดยทุกบริษัทในกลุ่มนี้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นในช่วงปี 2544 - 2545 แต่เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนกำไรส่วนเกินสุทธิ Net Profit Margin ค่อนข้างต่ำ โดย 3 ลำดับแรกที่มี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีสูงสุด คือ ไทยคาร์บอนแบล็ค ปิโตรเคมีแห่งชาติ และวีนิไทย โดยมีกำไรส่วนเกินสุทธิเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 18.9% 13.64% และ 9.14% ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาจาก ROE บริษัทที่มี ROE สูงที่สุด คือ ปิโตรเคมีแห่งชาติ ซึ่งมี ROE เฉลี่ย 5 ปี สูงถึง 1,489% ตามด้วย ไทยเซ็นทรัลเคมี 33.43% และ ไทยคาร์บอนแบล็ค 25.40%
"ไทยเรยอน"กำไรเติบโตต่อเนื่อง
กลุ่มสิ่งทอเป็นกลุ่มธุรกิจที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากถึง 24 บริษัท กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจัดเป็นธุรกิจที่มีขาลงอันยาวนาน เมื่อมองย้อนหลังไป 5 ปีผลประกอบการในกลุ่มนี้ย่ำแย่มาตลอด หลายบริษัทประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง อีกทั้งสัดส่วนกำไรต่อรายได้ก็ค่อนข้างต่ำ
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะแห่งความยากลำบาก ยังมีหลายบริษัทในธุรกิจนี้ที่รักษาอัตราการทำกำไรไว้ได้อย่างน่าสนใจ บริษัทที่มี Net Profit Margin สูงสุด 3 ลำดับแรก คือ ไทยเรยอน 16.31% เท็กซ์ไทล์เพรจทีจ 12.97% ธนูลักษณ์ 11.62% ส่วนเมื่อพิจารณาจาก ROE บริษัทที่โดดเด่นได้แก่ เท็กซ์ไทล์เพรสทีจ ประชาอาภรณ์ และยูเนี่ยนไพโอเนียร์ ซึ่งมี ROE เฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 49.9% 21.4% และ 19.97%
ด้านกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ในช่วง 2 ปีหลัง คือ 2544-2545 สัดส่วนการทำกำไรเพ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยบริษัทที่มี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีสูงสุด คือ คอมพาสส์อีสต์ อินดัสตรี กุลธรเคอร์บี้ มูราโมโต้ อีเล็คตรอน ในอัตราส่วน 15.52% 7.97% และ 5.55%
อิเล็กทรอนิกส์ มีแนวโน้ม "ขาลง"
เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปีจะพบว่า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนการทำกำไรต่อรายได้ผันผวนค่อนข้างมาก แม้ว่าผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ส่วนใหญ่จะทำผลประกอบการได้ดีในช่วงปี 2542 และ 2543 แต่ผลประกอบการปี 2544-2545 ชี้ว่าอาจเข้าสู่ "ขาลง" ของอุตสาหกรรม
บริษัทที่มี ROE เฉลี่ย 5 ปีดีที่สุดในกลุ่มนี้ คือ เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ที่ 27.67% ฮานา ไมโคร อิเล็คทรอนิกส์ 14.61% และดราโก้ พีซีบี 9.83% ส่วนถ้ามองจาก Net Profit Margin เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ก็ยังเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด โดยมีกำไรต่อรายได้ที่ 10.88% ลำดับสอง ฮานา ไมโครอีเล็คทรอนิกส์ 8.88 % และลำดับ 3 ดราโก้ พีซีบี 7.18%
"ปตท.สผ." โดดเด่นในกลุ่มพลังงาน
ผลการดำเนินงานของกลุ่มพลังงาน 9 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์มี 3 บริษัทที่โดดเด่นอย่างมาก ทั้งในส่วนของผลกำไรส่วนเกินสุทธิ และผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น นั่นคือ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ผลิตไฟฟ้า และลานนา-รีซอร์สเซส
บริษัทที่มี Net Profit Margin เฉลี่ย 5 ปีดีที่สุด คือ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 26.7% ผลิตไฟฟ้า (EGCOMP) 26.77% และ ลานนารีซอร์สเซส 18.26% และทั้ง 3 บริษัทยังมี ROE เฉลี่ย 5 ปีดีที่สุดอีกด้วย โดยอยู่ที่ระดับ 25.62% 18.96% และ 16.05% ตามลำดับ
สำหรับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงปี 2544 และ 2545 ซึ่งบริษัทที่น่าจับตามองมากที่สุด คือ ไทยเพรสซิเดนท์ฟู้ดส์ เนื่องจากมีกำไรเพิ่มขึ้นมาตลอดตั้งแต่ปี 2542
ขณะที่ในกลุ่มธุรกิจการแพทย์ ทั้ง 10 บริษัท มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในแง่ของความสามารถในการทำกำไร แต่ผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้นมีแนวโน้มลดลง และมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงมาก
โรงพยาบาลซึ่งมีผลประกอบการดีที่สุดในกลุ่ม คือ โรงพยาบาลเอกชล โดยมีผลประกอบการติดอันดับ 1 ใน 3 ทั้งในส่วนของ Net Profit Margin และ ROE แต่โรงพยาบาลที่มี Net Profit Margin ดีที่สุดได้แก่ โรงพยาบาลนนทเวช ซึ่งมีอัตราส่วนกำไรต่อยอดขาย 27.01% ขณะที่ โรงพยาบาล สมิติเวช มี ROE ดีที่สุดของกลุ่มคือ 194.9%
"สยามภัณฑ์" ศักยภาพทำกำไรดีที่สุด
ภาพรวมแล้วกลุ่มยานพาหนะ และอุปกรณ์ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2545 โดยมี 2 บริษัทที่น่าจับตา ได้แก่ สยามภัณฑ์กรุ๊ป และไทยสตอเรจ แบตเตอรี่ ซึ่งติด 1 ใน 3 บริษัทที่มี Net Profit Margin และ ROE เฉลี่ย 5 ปีสูงที่สุดในกลุ่ม
โดย ROE เฉลี่ย 5 ปีสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ สวีเดนมอเตอร์ส 33.51% ไทยสตอเรจ แบตเตอรี่ 21.09% สยามภัณฑ์ กรุ๊ป 20.72% ส่วน Net Profit Margin 3 ลำดับแรกคือ สยามภัณฑ์ กรุ๊ป 12.24% ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ 11.4% ไทยสตอเรจ แบตเตอรี่ 10.7%
สำหรับกลุ่มขนส่งเมื่อพิจารณาจากผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE เฉลี่ย 5 ปีของ การบินไทยอยู่ที่ 43.49% ยูนิไทย ไลน์ 12.62% และเมื่อพิจารณาจาก Net Profit Margin พรีเชียส ชิพปิ้ง มีค่าเฉลี่ย 5 ปีสูงสุดที่ 12.73% ยูนิไทย ไลน์ 8.44% และ การบินไทย 5.48%
เอ..ว่าแต่เพื่อนๆ ถือหุ้นเหล่านี้กันบ้างหรือเปล่าครับ
เท่าที่ทราบพี่ธันวาจะถืออยู่หลายตัวหน่อย
ส่วนผมถือแค่ 2 ตัว จากที่มีอยู่ในพอร์ท 5 ตัวครับ.. :lol: