Thai VI

ตอนนี้มีอยู่แล้ว 4000 หุ้น เฉลี่ยที่ 44 บาท อยากจะเข้าไปซื้อเพิ่มอีก 12000 หุ้นครับ แต่ไม่รู้จะเข้าช่วงไหนดีครับ รบกวนพี่ช่วยชี้แนะหน่อยครับ

- จะรอเข้าซื้อตอนฝรั่งเริ่มซื้อหุ้น หรือ
- ตั้งราคาเป้าหมายในใจไว้เลยว่าถ้าราคาเท่านี้ ซื้อเลยไม่ต้องสนใจฝรั่ง (ราคาที่ตั้งไว้ในใจควรเป็นเท่าไหร่ดีครับ) จริงๆ ผมตั้งราคาไว้ในใจที่ 38 บาทจะเข้าซื้อ แต่วันนี้ปิดตลาดก็ 38 บาทแล้ว ควรเปลี่ยนราคาเป้าหมายให้ลดลงไปอีกไหมครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ  :D

ผมรอที่ 30 บาท ครับ

ไม่ได้ป่วนนะ พูดจริงๆ  8)  ...

ปัญหาคือ คุณซื้อเพื่อหวังกระแสเงินสดจากหุ้น (ปันผล) หรือว่าหวังรายได้จากส่วนต่างราคา (capital gain) แต่เท่าที่ดู คงเป็นหาส่วนต่างราคามากกว่า คงยากครับ ที่ใครในนี้จะช่วยคุณได้ว่า ควรซื้อที่เท่าไหร่ดี เพราะหุ้นขึ้นหรือลง คงไม่มีใครรู้จริง ยกเว้นคนมีเงินพอจะคุมราคาได้

แต่ถ้าคุณหวังจะลงทุน และหามูลค่าเหมาะสมที่จะถือหุ้นตัวนี้ ก็ต้องถามว่า ผลตอบแทนที่คุณต้องการคือเท่าไหร่ ตอบแทนอย่างไร อย่างเช่น ถ้าบอกว่า ขอแค่ 10% ต่อปี แล้วหุ้นตัวนี้ปันผล 4 บาทต่อหุ้น ไม่น้อยกว่านี้ คุณก็สามารถซื้อได้ ถ้าราคาหุ้นไม่เกิน 40 บาท

แต่ถ้าอยากได้ราคา และเวลาที่ซื้อแล้วขึ้นเลย ใครจะบอกได้ครับ ถ้ารู้ก็บอกผมด้วยละกัน  :lol:

[quote="beammy"]ผมรอที่ 30 บาท ครับ

ไม่ได้ป่วนนะ พูดจริงๆ

ผมว่าราคานี้ก็น่าซื้อแล้ว  แต่ปัญหาคือตอนนี้คนกลัวการเมืองว่าพลัง....จะโดนยุบ  ยิ่งตอนนี้เลื่อนรับรองส.ส.ออกไปเป็นวันศุกร์ที่ 18 พร้อมกับการตัดสินยุบพรรค  ผมว่ารอหลังวันที่ 18 แล้วค่อยว่ากันใหม่ดีกว่า รอให้ฟ้าใสก่อนแล้วค่อยซื้อก็ยังทัน

ผมมาบอกว่า ผมซื้อเพื่อการลงทุนครับ port ที่ผมถืออยู่ทุกวันนี้ถือมาเกิน 5 ปีแล้วทุกตัว รับเงินปันผลปีละ 7% แล้วที่ผมซื้อ pttar รอบแรกก็เพื่อรับเงินปันผลที่จะได้เกือบ 10%

ตอนนี้ผมมีเงินที่พอจะเข้าไปถือเพิ่มได้อีก 12000 หุ้น แต่เห็นว่าราคามันลงไปถึงเป้าหมายที่อยากได้แล้ว ในเมื่อมีโอกาสจะได้ของถูกกว่าที่คิด มันจะไม่ดีกว่าหรอครับ

[quote="akekarat"]ปัญหาคือ คุณซื้อเพื่อหวังกระแสเงินสดจากหุ้น (ปันผล) หรือว่าหวังรายได้จากส่วนต่างราคา (capital gain) แต่เท่าที่ดู คงเป็นหาส่วนต่างราคามากกว่า คงยากครับ ที่ใครในนี้จะช่วยคุณได้ว่า ควรซื้อที่เท่าไหร่ดี เพราะหุ้นขึ้นหรือลง คงไม่มีใครรู้จริง ยกเว้นคนมีเงินพอจะคุมราคาได้

แต่ถ้าคุณหวังจะลงทุน และหามูลค่าเหมาะสมที่จะถือหุ้นตัวนี้ ก็ต้องถามว่า ผลตอบแทนที่คุณต้องการคือเท่าไหร่ ตอบแทนอย่างไร อย่างเช่น ถ้าบอกว่า ขอแค่ 10% ต่อปี แล้วหุ้นตัวนี้ปันผล 4 บาทต่อหุ้น ไม่น้อยกว่านี้ คุณก็สามารถซื้อได้ ถ้าราคาหุ้นไม่เกิน 40 บาท

แต่ถ้าอยากได้ราคา และเวลาที่ซื้อแล้วขึ้นเลย ใครจะบอกได้ครับ ถ้ารู้ก็บอกผมด้วยละกัน

ถ้าหลุด 38 บาท ลงยาวครับ

แล้วมันจะยาวไปถึงที่ประมาณไหนครับที่เป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งของตัวนี้

petercorp เขียน:ถ้าหลุด 38 บาท ลงยาวครับ

แนวรับแรก 38 บาท เกือบหลุดมา 2 วันแล้ว
ถ้าหลุด แนวรับต่อไปก็ 32 บาท

CLSA ครับ

บทวิเคราะห์ของ broke เชื่อมากไม่ได้
ต้องหัดวิเคราะห์เอง

petercorp เขียน:บทวิเคราะห์ของ broke เชื่อมากไม่ได้
ต้องหัดวิเคราะห์เอง

เชื่อมากไม่ได้หรือว่ามันไม่มีตัวตนกันแน่ครับ

petercorp เขียน:บทวิเคราะห์ของ broke เชื่อมากไม่ได้
ต้องหัดวิเคราะห์เอง

กระทู้สุดท้ายแล้วนะครับ จะไปแล้ว
ไม่กลับมาห้องนี้อีกแล้ว รู้สึกคนที่เสียหุ้นจะไม่ชอบหน้าเยอะ
คุณตี๋ MBA อย่าลืม PTTAR 38 บาทด้วยนะครับ ว่าจะทำยังไง
ส่วนใครยังไม่ขายตั้งแต่บอกไว้ครั้งแรก ตอนนี้ก็คิดเอาเองนะครับว่าจะทำไง จะติดดอย ยึดหลักไม่ขายไม่ขาดทุน แต่ขาดใจ ตามสบายเลยครับ ไปถามคุณ หนูหิ่น แล้วกัน ให้ดูกราฟให้นะครับ

จากคุณ : winwinwin - [ 15 ม.ค. 51 22:35:20 A:172.29.7.164 X:203.170.234.20 TicketID:165613 ]


ที่ pantip ลาแล้ว เมื่อไหร่จะลาจากที่นี่ครับ

แนวรับ อยู่ ที่ใจ งับ

แถว 35-36  น่าเข้านะครับ  ชนแนวรับต้นทุน  RRC 18บาท  

และดูจากจังหวะแล้ว  น่าจะมีการจบรอบขาลงรอบแรกแล้วเด้งช่วงรับข่าว  FED ลดดอก 0.5%  ปลายเดือนพอดี   อาจจะเด้งจากจุดนี้ไปแถว 40 บาท  หลังจากนั้นอาจจะลงต่อ  ไปเป้าหมายต้นทุนของ  ATC ที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้วครับ  อิอิ

ตอนนี้ผมตั้งแนวรับในใจไว้แล้วที่ 36 บาท ขอถามเพิ่มอีกหน่อยนะครับ ผมมี Budget จะซื้อ PTTAR ได้ประมาณ 12000 หุ้น
- ผมควรจะซื้อที่ 36 บาทสักกี่หุ้นดีครับ เพื่อไปรอรับแนวรับถัดไป (ในใจคือ 6000 หุ้น)
- แล้วแนวรับถัดไปหลังจาก 36 ควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ดีครับ


[quote="Reloaded"]แถว 35-36

ผมว่าสิ่งที่น่าสนใจกว่าว่าจะซื้อที่เท่าไหร่ ซื้อกี่หุ้นดี

น่าจะเป็น ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ดีหรือไม่ มีความมั่นคงต่อเนื่องของรายได้มากแค่ไหน ก่อนนะ

ถ้าถามผม ผมว่ามัน ยากเกินความเข้าใจ ของคนที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมแบบนี้

แล้วคุณคิดว่ามันยากหรือง่ายละ

ที่ราคา 38 บาทตอนนี้คิดเป็นราคาเดิมของ RRC เท่าไหร่ และ ATC เท่าไหร่ครับ

petercorp เขียน:แนวรับแรก 38 บาท เกือบหลุดมา 2 วันแล้ว
ถ้าหลุด แนวรับต่อไปก็ 32 บาท

:lol:  :lol:  :lol:

วันนี้low 36.75 แล้วปิด 39.5

พรุ่งนี้ไม่ต้องดูกราฟก็รู้ว่าไปต่อ

[quote="semtk"]ผมมาบอกว่า ผมซื้อเพื่อการลงทุนครับ port ที่ผมถืออยู่ทุกวันนี้ถือมาเกิน 5 ปีแล้วทุกตัว รับเงินปันผลปีละ 7% แล้วที่ผมซื้อ pttar รอบแรกก็เพื่อรับเงินปันผลที่จะได้เกือบ 10%

ตอนนี้ผมมีเงินที่พอจะเข้าไปถือเพิ่มได้อีก 12000 หุ้น แต่เห็นว่าราคามันลงไปถึงเป้าหมายที่อยากได้แล้ว ในเมื่อมีโอกาสจะได้ของถูกกว่าที่คิด มันจะไม่ดีกว่าหรอครับ

[quote="akekarat"]ปัญหาคือ คุณซื้อเพื่อหวังกระแสเงินสดจากหุ้น (ปันผล) หรือว่าหวังรายได้จากส่วนต่างราคา (capital gain) แต่เท่าที่ดู คงเป็นหาส่วนต่างราคามากกว่า คงยากครับ ที่ใครในนี้จะช่วยคุณได้ว่า ควรซื้อที่เท่าไหร่ดี เพราะหุ้นขึ้นหรือลง คงไม่มีใครรู้จริง ยกเว้นคนมีเงินพอจะคุมราคาได้

แต่ถ้าคุณหวังจะลงทุน และหามูลค่าเหมาะสมที่จะถือหุ้นตัวนี้ ก็ต้องถามว่า ผลตอบแทนที่คุณต้องการคือเท่าไหร่ ตอบแทนอย่างไร อย่างเช่น ถ้าบอกว่า ขอแค่ 10% ต่อปี แล้วหุ้นตัวนี้ปันผล 4 บาทต่อหุ้น ไม่น้อยกว่านี้ คุณก็สามารถซื้อได้ ถ้าราคาหุ้นไม่เกิน 40 บาท

แต่ถ้าอยากได้ราคา และเวลาที่ซื้อแล้วขึ้นเลย ใครจะบอกได้ครับ ถ้ารู้ก็บอกผมด้วยละกัน

semtk เขียน:ตอนนี้ผมตั้งแนวรับในใจไว้แล้วที่ 36 บาท ขอถามเพิ่มอีกหน่อยนะครับ ผมมี Budget จะซื้อ PTTAR ได้ประมาณ 12000 หุ้น
- ผมควรจะซื้อที่ 36 บาทสักกี่หุ้นดีครับ เพื่อไปรอรับแนวรับถัดไป (ในใจคือ 6000 หุ้น)
- แล้วแนวรับถัดไปหลังจาก 36 ควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ดีครับ

แนวรับแนวต้าน  จะมีใครรู้จริง

แนวรับแนวต้านในการลงทุนแนว VI  น่าจะคิดคำนวณเปรียบเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน  มากกว่า  การคาดเดา

ขอบคุณมากครับพี่  :D

จริงๆ ราคาที่ผมอยากซื้อจริงๆในตอนแรกเลยคือ 40 บาทครับเนื่องจากคิดว่าปันผลที่ได้คือ 4 บาท ก็จะได้ 10% แต่พอเห็นช่วงนี้ตลาดมันลงแรงมากเลยอยากได้ของดีราคาถูกมาเก็บไว้

เมื่อวานเลยลองเข้าไปเก็บที่ 39 บาทมาเพิ่มอีกนิดหน่อยก่อนที่ตลาดปิด เนื่องจากต้นทุนตอนนี้คือ 44 บาทครับ

[quote="akekarat"][quote="semtk"]ผมมาบอกว่า ผมซื้อเพื่อการลงทุนครับ port ที่ผมถืออยู่ทุกวันนี้ถือมาเกิน 5 ปีแล้วทุกตัว รับเงินปันผลปีละ 7% แล้วที่ผมซื้อ pttar รอบแรกก็เพื่อรับเงินปันผลที่จะได้เกือบ 10%

ตอนนี้ผมมีเงินที่พอจะเข้าไปถือเพิ่มได้อีก 12000 หุ้น แต่เห็นว่าราคามันลงไปถึงเป้าหมายที่อยากได้แล้ว ในเมื่อมีโอกาสจะได้ของถูกกว่าที่คิด มันจะไม่ดีกว่าหรอครับ

[quote="akekarat"]ปัญหาคือ คุณซื้อเพื่อหวังกระแสเงินสดจากหุ้น (ปันผล) หรือว่าหวังรายได้จากส่วนต่างราคา (capital gain) แต่เท่าที่ดู คงเป็นหาส่วนต่างราคามากกว่า คงยากครับ ที่ใครในนี้จะช่วยคุณได้ว่า ควรซื้อที่เท่าไหร่ดี เพราะหุ้นขึ้นหรือลง คงไม่มีใครรู้จริง ยกเว้นคนมีเงินพอจะคุมราคาได้

แต่ถ้าคุณหวังจะลงทุน และหามูลค่าเหมาะสมที่จะถือหุ้นตัวนี้ ก็ต้องถามว่า ผลตอบแทนที่คุณต้องการคือเท่าไหร่ ตอบแทนอย่างไร อย่างเช่น ถ้าบอกว่า ขอแค่ 10% ต่อปี แล้วหุ้นตัวนี้ปันผล 4 บาทต่อหุ้น ไม่น้อยกว่านี้ คุณก็สามารถซื้อได้ ถ้าราคาหุ้นไม่เกิน 40 บาท

แต่ถ้าอยากได้ราคา และเวลาที่ซื้อแล้วขึ้นเลย ใครจะบอกได้ครับ ถ้ารู้ก็บอกผมด้วยละกัน

ผมไม่ทราบว่าคุณ semtk  คำนวณราคาด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติมด้วยหรือไม่

เพราะการพิจารณาราคาที่เหมาะสมจากการพิจารณาเงินปันผลวิธีเดียวคงไม่ดีนัก  โอกาสผิดพลาดมีมาก

ถึงแม้เราจะพิจารณาผลตอบแทนจากเงินปันผลมากกว่าราคาหุ้นก็ตามที

เพราะเงินปันผลในอนาคตก็ย่อมขึ้นกับฐานะทางการเงิน  ผลการดำเนินงาน  สภาพคล่องทางการเงิน  และความต้องการเงินทุนของบริษัท

สำหรับหุ้นตัวนี้ผมไม่ได้คำนวณเลยครับพี่ หาใน www.set.or.th ไม่เจอข้อมูล รู้แต่ว่าถ้าได้ปันผล 4 บาทเนี่ยน่าลงทุนเพราะมีเงินเย็นฝากแบงก์ไว้อยู่  แล้วก็ทองอยู่ที่ 40 บาท (ต้นทุน 10,500 บาท) เลยคิดว่าทองตอนนี้ประมาณ 14000 บาท ก็คิดเล่นๆ ว่าถ้าผมขายทอง 10 บาทจะซื้อตัวนี้ได้ประมาณ 3000 หุ้นได้ปันผลมาก็ 12000 บาท ทำให้ราคาทองผมที่ 14000 บาทจะไปอยู่ที่ 15200 บาท แล้วค่อยซื้อทองกลับอีกที ส่วนเงินฝากแบงก์เนี่ยผมฝากประจำ 3 เดือนไว้ 600000 บาท คิดดอกงวดแรก รู้สึกงงมากได้ดอกเบี้ยมา 2000 กว่าบาท เลยคิดว่าเอาไปซื้อหุ้นปันผลเก็บไว้ดีกว่า ผมเลยถอนเงินจำนวนนึงออกมาไปซื้อกองทุน SCBSET แล้วเงินที่เหลืออีกจำนวนนึงไปซื้อ PTTAR ไว้ที่ 44 บาท ตอนนี้ว่าจะขายทองอีก 40 บาทไปซื้อเพิ่มครับ

แต่การคำนวณผมไม่ค่อยละเอียดเท่าใดนักครับ ผมใช้หลักง่ายๆ แค่
- เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ชอบก่อน
- เลือกบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นที่ชอบมาสัก 3 บริษัท
- เข้าไปดูงบดุล โดยดูแค่ มูลค่าหุ้นที่แท้จริง, กำไรต่อปี, ปันผล ต่อเนื่องกันเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปีติด
- เข้าซื้อเลย

ใน port ผมเมื่อปีที่แล้ว ก็จะมี CP7-11, Rojana, KK, GSTEEL, KEST พอปีที่แล้วจะแต่งงานต้องใช้เงินจังหวะเดียวกับที่ CP7-11 กับ Rojana ปรับบวกแรงก็เลยขายไปได้เงินมาเป็นสินสอดไว้หมั้นสาว

ต้นทุน [email protected] บาท อยู่ 50000 หุ้น, [email protected] บาท 20000 หุ้น
ขายไป CP7-11@11, Rojana@18 ครับ

แต่หุ้นในพอร์ตผมถือมาก็ 5 ปีกว่ารับปันผลก็ตกปีละ 40000 บาทครับ
[quote="chatchai"]ผมไม่ทราบว่าคุณ semtk

เห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยครับ การคิดแค่เรื่องปันผลแล้วนำมาคำนวณราคาที่เหมาะสมจะลงทุน เหมาะสำหรับ บริษัทที่มีความมั่นคงทางการเงินและการเติบโตของรายได้ ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องกระแสเงินสดของกิจการ หรือนำมาปันผล ควรเป็นกระแสเงินสดที่มาจากการดำเนินงานมากกว่าการที่จะไปกู้เงินมาปันผล

เพราะการคิดเฉพาะราคาเหมาะสมจากเงินปันผลอย่างเดียว เกิดในอนาคตมีเหตุที่ทำให้บริษัทสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน หรือเกิดปัจจัยภายนอก (Threat) กระทบโดยตรงทำให้กำไรตกลง ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งจากในและนอกประเทศ สงครามราคา หรือราคาอ้างอิงตกลง (เช่นพวกน้ำมันปาล์มเมื่อ 2-3 ปีก่อน) ปันผลก็จะหายไปเห็น ๆ ดีไม่ดีไม่ปันผลเลย และหลังจากนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ไม่อยากคิดครับ

case study ที่ดี ลองไปดูงบย้อนหลัง CPI ซัก 5 ปีดูนะครับ แล้วจะรู้ว่า การติดกับดักปันผลเป็นอย่างไร

อธิบายตรงนี้คงยาวครับ ลองไปหาหนังสือเรื่อง The new buffetology เล่มเล็ก ๆ สีเขียวมาอ่านดูครับ

semtk เขียน: ...
- เข้าไปดูงบดุล โดยดูแค่ มูลค่าหุ้นที่แท้จริง
...

หมายถึง Intrinsic Value หรือว่า Book Value ครับ

เพราะถ้าหมายความตรงตัวคงเป็น Intrinsic Value

ซึ่งถ้าเป็นตามนั้นพี่ก็คงไม่ต้องอาศัยแนวรับ แนวต้านแล้วล่ะครับ

เพราะผมเห็นว่า Intrinsic Value กลับจะเป็นฐานที่มั่นที่มั่นคงกว่าราคาอ้างอิงใด ๆ ซะอีกครับ

สำหรับหุ้นตัวนี้ผมไม่ได้คำนวณเลยครับพี่ หาใน www.set.or.th ไม่เจอข้อมูล รู้แต่ว่าถ้าได้ปันผล 4 บาทเนี่ยน่าลงทุนเพราะมีเงินเย็นฝากแบงก์ไว้อยู่  แล้วก็ทองอยู่ที่ 40 บาท (ต้นทุน 10,500 บาท) เลยคิดว่าทองตอนนี้ประมาณ 14000 บาท ก็คิดเล่นๆ ว่าถ้าผมขายทอง 10 บาทจะซื้อตัวนี้ได้ประมาณ 3000 หุ้นได้ปันผลมาก็ 12000 บาท ทำให้ราคาทองผมที่ 14000 บาทจะไปอยู่ที่ 15200 บาท แล้วค่อยซื้อทองกลับอีกที ส่วนเงินฝากแบงก์เนี่ยผมฝากประจำ 3 เดือนไว้ 600000 บาท คิดดอกงวดแรก รู้สึกงงมากได้ดอกเบี้ยมา 2000 กว่าบาท เลยคิดว่าเอาไปซื้อหุ้นปันผลเก็บไว้ดีกว่า ผมเลยถอนเงินจำนวนนึงออกมาไปซื้อกองทุน SCBSET แล้วเงินที่เหลืออีกจำนวนนึงไปซื้อ PTTAR ไว้ที่ 44 บาท ตอนนี้ว่าจะขายทองอีก 40 บาทไปซื้อเพิ่มครับ

ปันผล 4 บาท นี่ PTTAR ใช่เปล่า ครับ มันประกาศแล้วหรือ  :?:  :?: (ผมว่ายังนะ)เป็นแค่โปรกเกอร์คาดการเปล่า  :idea:  :idea:

ตั้งแต่เล่นหุ้นมาในชีวิตผมถือหุ้นไว้น้อยมากครับ (เล่นหุ้นปีนี้เข้าปีที่ 7 ครับ)

เคยถือหุ้นไว้แค่นี้เองครับ ASSET, AMATA, SHIN, CP7-11, KK, KEST, GSTEEL, ROJANA แล้วก็ตัว PTTAR เพิ่งเข้ามาซื้อครับ

เจ็บใจมากที่สุดก็ 3 ตัวแรกครับ ASSET@25, AMATA@3, SHIN@12

ตอนนั้นขายเพราะอยากได้รถคันใหม่ ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ไม่อยากเสียดอกเบี้ยรถ เลยตัดใจขาย ASSET@35, AMATA@4, SHIN@20 ผมมี AMATA กับ SHIN ไว้เยอะมาก (ASSET มีอยู่ 6000 หุ้น AMATA มีอยู่ 60000 หุ้น SHIN มีอยู่ 20000 หุ้น) หลังจากผมขาย AMATA ไปไม่ถึงหกเดือน AMATA ขึ้นมาอยู่ที่ 14 บาท SHIN 40 บาท

ทุกวันนี้กอดไว้แต่หุ้นเน่าๆครับ  

ขอบคุณมากครับ  :D เดี๋ยวผมจะไปลองหาอ่านครับ

akekarat เขียน:เห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยครับ การคิดแค่เรื่องปันผลแล้วนำมาคำนวณราคาที่เหมาะสมจะลงทุน เหมาะสำหรับ บริษัทที่มีความมั่นคงทางการเงินและการเติบโตของรายได้ ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องกระแสเงินสดของกิจการ หรือนำมาปันผล ควรเป็นกระแสเงินสดที่มาจากการดำเนินงานมากกว่าการที่จะไปกู้เงินมาปันผล

เพราะการคิดเฉพาะราคาเหมาะสมจากเงินปันผลอย่างเดียว เกิดในอนาคตมีเหตุที่ทำให้บริษัทสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน หรือเกิดปัจจัยภายนอก (Threat) กระทบโดยตรงทำให้กำไรตกลง ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งจากในและนอกประเทศ สงครามราคา หรือราคาอ้างอิงตกลง (เช่นพวกน้ำมันปาล์มเมื่อ 2-3 ปีก่อน) ปันผลก็จะหายไปเห็น ๆ ดีไม่ดีไม่ปันผลเลย และหลังจากนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ไม่อยากคิดครับ

case study ที่ดี ลองไปดูงบย้อนหลัง CPI ซัก 5 ปีดูนะครับ แล้วจะรู้ว่า การติดกับดักปันผลเป็นอย่างไร

อธิบายตรงนี้คงยาวครับ ลองไปหาหนังสือเรื่อง The new buffetology เล่มเล็ก ๆ สีเขียวมาอ่านดูครับ

ดูทั้งสองค่าครับ ถ้าราคามันถูกกว่าในตลาดก็ซื้อครับ แต่ในกรณี PTTAR ไม่ได้ดูครับ อยากได้เงินปันผลอย่างเดียว แล้วก็แค่รู้สึกเบื่อกับดอกเบี้ยธนาคาร ส่วนตอนนี้แค่อยากได้ราคาที่ดีที่สุด หรือเกือบจะดีที่สุดครับ

Capo เขียน:
หมายถึง Intrinsic Value หรือว่า Book Value ครับ

เพราะถ้าหมายความตรงตัวคงเป็น Intrinsic Value

ซึ่งถ้าเป็นตามนั้นพี่ก็คงไม่ต้องอาศัยแนวรับ แนวต้านแล้วล่ะครับ

เพราะผมเห็นว่า Intrinsic Value กลับจะเป็นฐานที่มั่นที่มั่นคงกว่าราคาอ้างอิงใด ๆ ซะอีกครับ